“เหมย หลันฟัง” (Forever Enthralled) คือภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่ “เฉิน ข่ายเกอ” ผู้กำกับชื่อดังของจีนได้หยิบยกเอาเรื่องราวของ เหมย หลันฟัง ปรมาจารย์งิ้วปักกิ่งชื่อดังของแผ่นดินใหญ่มาทำเป็นหนังจอเงิน โดยได้ หลี่หมิง และ จาง จื่ออี๋ แสดงนำ
เหมย หลันฟัง เป็นนักแสดงงิ้วตัวนางที่มีลีลาการแสดงที่อ่อนช้อยงดงามมาก แม้จะเป็นชายแต่เขาก็สามารถทำให้ผู้ชมอินด์ไปกับตัวละครนั้นๆ ที่เขาสวมบทบาทอยู่ได้ นอกจากนี้เขาก็ยังพัฒนาและคิดค้นท่าร่ายรำอยู่ตลอด ด้วยความสามารถบวกพรสวรรค์นี่เองจึงทำให้เหมย หลันฟัง กลายเป็นนักแสดงงิ้วระดับตำนานและอยู่ยงคงประพันในวัฒนธรรมจีนจนถึงทุกวันนี้
เหมย หลันฟัง (梅兰芳) (1894-1961) เดิมชื่อ “เหมย หลัน” (梅澜) เกิดที่ย่านเริงรมณ์แห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ปู่ของเขา เหมย เฉี่ยวหลิง เป็นนักแสดงงิ้วปักกิ่งตัวนางที่มีชื่อเสียงในช่วงปลายราชวงศ์ชิง ส่วนลุงของเขา เหมย อี่ว์เถียน ก็เป็นนักดนตรีพิณหูฉินของงิ้วปักกิ่ง ส่วนพ่อของเขาเสียชีวิตตั้งแต่เหมยอายุได้เพียง 4 ขวบเท่านั้น 10 ปีต่อมาแม่เขาก็เสียชีวิตไปอีก
เขาก็เริ่มเรียนรู้ศิลปะแขนงนี้ตั้งแต่อายุได้ 8 ขวบ พออายุ 11 ก็ได้ขึ้นแสดง ตลอดเวลาเขาพยายามค้นคว้าและฝึกซ้อม ทั้งพัฒนาศิลปะการแสดงงิ้วปักกิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของงิ้ว “สกุลเหมย” และขึ้นแท่นเป็น 1 ใน 4 นางเอกงิ้วแถวหน้าของวงการ จนมาอายุ 16 ปี เขาก็เริ่มใช้ชื่อในวงการว่า “เหมย หลันฟัง”
ชื่อเสียงของเหมย หลันฟังนั้นโด่งดังมากถึงขนาดมีคนกล่าวว่า “ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็ล้วนอยากแต่งงานกับเหมย หลันฟัง” เลยทีเดียว
แต่ในขณะที่เขากลายเป็นนักแสดงงิ้วที่มีชื่อเสียงในช่วงต้นทศวรรษที่ 1920 เขาก็ถูกเขียนวิพากษ์วิจารณ์จากนักเขียนผู้มีอิทธิพลในยุคนั้นไม่ว่าจะเป็น หลู่ ซวิ่น และเฉิน ตู้ซิ่ว โดยเฉพาะหลู่ ซวิ่นนั้นมองว่างิ้วปักกิ่งไม่ใช่ศิลปะ แต่เป็นปาหี่มากกว่า อีกทั้งในขณะนั้นประเทศจีนกำลังประสบปัญหาอย่างหนักจากการรุกรานของชาติตะวันตกในช่วงศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 พวกเขาจึงได้เรียกร้องประชาธิปไตยและวิทยาศาสตร์เพื่อแก้ปัญหาทางสังคมของจีนมากกว่าให้ผู้คนมาชมงิ้ว
ในช่วงปี 1919-1960 เหมยกล้าหาญไปโปรโมทงิ้วปักกิ่งยังต่างประเทศ เขาเดินทางไปญี่ปุ่น 3 ครั้ง ไปอดีตสหภาพโซเวียต 2 ครั้ง และเดินทางไปแสดงที่สหรัฐฯ อีกครั้งหนึ่ง โดยในครั้งนั้นวิทยาลัยโปโมนาและวิทยาลัยแคลิฟอเนียได้ร่วมกันมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาอักษรศาสตร์ให้แก่เขาด้วย นับว่าเหมยเป็นนักแสดงอุปรากรงิ้วปักกิ่งคนแรกที่เป็นที่รู้จักระดับโลก
เฉิน ข่ายเกอกล่าวว่า “ผมสงสัยมาตลอดว่า เขากล้าไปแสดงที่อเมริกาเมื่อปี 1930 ซึ่งเป็นช่วงที่เต็มไปด้วยแรงกดดันได้ยังไง”
“ไม่มีใครในอเมริการู้จักอุปรากรงิ้วปักกิ่ง แล้วเพื่อนเขาหลายคนก็คัดค้านการเดินทางไปเสี่ยงภัยของเขา แต่เขาก็ยังยืนยันจะทำ และสุดท้ายเขาก็ได้รับการตอบรับอย่างดีกระทั่งได้เปิดการแสดงถึง 15 รอบ"
อย่างไรก็ตามเฉินมองว่าคนที่เข้าใจความคิดของเหมยที่สุดก็คงหนีไม่พ้น เมิ่ง เสี่ยวตง นักแสดงงิ้วปักกิ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นภรรยาของเขาด้วย แต่ความรักของราชาและราชินีงิ้วปักกิ่งก็จบลงอย่างหน้าเศร้า ภายใต้ความกดดันทางสังคมและครอบครัวที่รุนแรงขึ้น ทำให้ทั้งสองต้องแยกทางกัน เมิ่งไปจากแผ่นดินใหญ่เมื่อปี 1949 และไม่กลับมาอีกเลย
ในชีวิตการแสดงของ เหมย หลันฟัง นั้น เขาเคยรับตำแหน่งเป็นหัวหน้าคณะงิ้วปักกิ่งแห่งประเทศจีน ผู้อำนวยการสถานบันวิจัยอุปรากรจีนแห่งประเทศจีน รองประธานสมาพันธ์อักษรศาสตร์ศิลปศาสตร์แห่งประเทศจีน และในปี 1959 เข้ายังได้รับเกียรติเข้าเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ด้วย
เฉิน ข่ายเกอยอมรับว่า การสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับอุปรากรจีนนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเสี่ยง อีกทั้งเมื่อปี 1993 เขายังเคยกำกับหนังเกี่ยวกับงิ้วเรื่อง “Farewell My Concubine” (霸王别姬) ที่เลสลี่ จางนำแสดง และประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะหนังเรื่องนี้คว้ารางวัลปาล์มทองในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์, รางวัล BAFTA และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 2 สาขาอีกด้วย ดังนั้นการจะเดินตามรอย Farewell My Concubine จึงยิ่งเป็นการกดดันและท้าทายการทำงานของเฉินมากขึ้นด้วย...