รอยเตอร์-จีนขยายเป้าหมายกวาดล้างเว็บท่า เสิร์ช เอ็นจิน และเว็บไซต์ ที่เผยแพร่เนื้อหา “ต่ำทราม” อีก 14 แห่ง คราวนี้ ครอบคลุมถึง MSN ของยักษ์ใหญ่ไมโครซอฟต์ (Microsoft)
สืบเนื่องจากในวันจันทร์(5 ม.ค.) จีนได้ประกาศแผนรณรงค์ครั้งใหญ่ในการปราบปรามเว็บท่า และเว็บไซต์ ที่เผยแพร่เนื้อหาอันอาจนำไปสู่ความเสื่อมโทรมทางศีลธรรมในสังคม อาทิ เนื้อหาและภาพโป๊ลามกอนาจาร และเนื้อหาอ่อนไหวที่อาจคุกคามเสถียรภาพประเทศ ได้แก่ แนวคิดเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย เป็นต้น พร้อมกับได้ขึ้นบัญชีดำเว็บท่ารายใหญ่ 19 ราย โดยมี เสิร์ชเอ็นจินดังอย่าง กูเกิล (Google) และบรรดาเว็บท่ารายใหญ่ของจีน ได้แก่ ไป๋ตู้ (Baidu) ซีน่า (Sina) โซหู (Sohu) เป็นต้น
เป็นที่จับตาดูว่า แผนรณรงค์ดังกล่าว ออกมาในช่วงจังหวะเวลาที่จีนกำลังรุกควบคุมกลุ่มที่มีแนวคิดไม่ลงรอยกับรัฐบาล และกระแสประท้วง ที่อาจร้อนแรงในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว นอกจากนี้ ปีนี้ ยังเป็นปีครบรอบเหตุการณ์อ่อนไหวที่อาจคุกคามอำนาจผู้นำคอมมิวนิสต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นปีครบรอบ 20 ปี เหตุการณ์ปราบปรามกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างนองเลือดที่จัตุรัสเทียนอันเหมินปี 1989 และ เป็นปีครบรอบที่ทะไล ลามะ ลี้ภัยออกจากทิเบตในปี 1959
ในการแถลงขยายเป้าหมายระลอกสอง เมื่อวันพฤหัสฯ(8 ม.ค.) ศูนย์รายงานข้อมูลที่ผิดกฎหมายทางอินเทอร์เน็ตแห่งประเทศจีน ระบุผ่านเว็บไซต์ขององค์กร (http://ciirc.china.cn) ว่า MSN ได้เผยแพร่ภาพที่ไม่เหมาะสมจำนวนมากในช่องสื่อภาพยนตร์ และ “รูปภาพเด็ด” ในช่องสื่อข่าวสารสังคม สำหรับเว็บไซต์อื่นๆ 13 ราย ที่จีนขึ้นบัญชีดำครั้งนี้ ก็มีการเผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสมทำนองเดียวกัน
พร้อมกันนี้ ยังได้ประเมินความคืบหน้าในการปรับปรุงตัวของกลุ่มเว็บท่า เสิร์ชเอ็นจิน เว็บไซต์ 19 ราย ที่ถูกขึ้นบัญชีดำในระลอกแรก ระบุว่า มีเพียง 3 ราย ที่ทำความสะอาดหน้าเว็บอยู่ในระดับ “ดีมาก” และพวกที่ยังต้องทำความสะอาดต่อไป ก็มี กูเกิ้ล รวมอยู่ด้วย
ไป๋ตู้ ยักษ์ใหญ่เสิร์ชเอ็นจิน ที่ดำเนินการโดยบริษัทสัญชาติจีน และครองตลาดเสิร์ชในประเทศถึง 2 ใน 3 ได้คะแนน “สอบตก”สำหรับการทำความสะอาดสื่อของตน
“ไป๋ตู้ ได้ทำความสะอาดบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีเนื้อหา “ต่ำทราม” อยู่จำนวนมาก” รายงานระบุ
สำนักงานกูเกิลในกรุงปักกิ่ง มิได้แถลงโต้ตอบความเคลื่อนไหวของจีนนี้ แต่ก็ยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับของจีน
ทั้งนี้ แม้จีนได้วางเครือข่ายเซ็นเซอร์หลายซับหลายซ้อน กลุ่มเว็บไซต์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวทีบล็อกต่าง เป็นแม่เหล็กดึงดูด ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตร่วม 300 ล้านคน ในจีน.
