白 (bái) อ่านว่า ไป๋ แปลว่า ขาว
云 (yún) อ่านว่า อวิ๋น แปลว่า เมฆ
苍 (cāng) อ่านว่า ชาง แปลว่า สีหม่น /สีเขียวเข้ม
狗 (gǒu) อ่านว่า โก่ว แปลว่า สุนัข
นักกวีสมัยถังนาม หวังจี้โหยว ถูกภรรยาทิ้งไปเนื่องจากรังเกียจที่เขายากจน แต่ผู้คนต่างพากันโจษขานว่าที่ภรรยาทิ้งไปก็เพราะหวังจี้โหยวคบชู้ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้นักกวีชื่อก้องนาม ตู้ฝู เห็นว่าไม่เป็นธรรมต่อหวัง ดังนั้นเขาจึงประพันธ์บทกวีออกมาบทหนึ่งเพื่อเป็นการเรียกร้องความเป็นธรรมให้นักกวีอาภัพ เนื่องเพราะเขาคิดว่าคำพูดของคนในสังคมที่ทำให้คนดีกลายเป็นคนชั่วนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการทำให้เมฆขาวกลายสภาพเป็นดั่งสุนัขสีเทา
บทกวีของตู้ฝู กล่าวว่า "เมฆลอยบนท้องฟ้าคล้ายดั่งอาภรณ์ขาว พลันกลับกลายแปรเปลี่ยนเป็นสุนัขดำ อดีตกาลกระทั่งปัจจุบันล้วนเป็นเช่นกัน เรื่องราวร้อยพันบนโลกล้วนเป็นไปได้"
เมฆขาวบนท้องฟ้ากลางฤดูใบไม้ร่วง ประกอบด้วยรูปลักษณ์ต่างๆ หลายแบบ ทำให้ผู้มองดูสามารถจินตนาการไปได้ตามแต่ใจคิด ทว่าชั่วขณะหนึ่งก็สามารถมองเห็นเป็นรูปลักษณ์อื่นที่แตกต่างไป "ไป๋อวิ๋น" หมายถึงเมฆขาว "ชางโก่ว" คือสุนัขสีดำ ทั้งเมฆขาวและสุนัขดำเป็น 2 สิ่งที่ไม่มีความละม้ายคล้ายกันแม้แต่น้อย แต่ด้วยคำพูดและความเห็นของคนในสังคม สามารถทำให้ 2 สิ่งนี้มีความเกี่ยวข้องกัน เมฆขาวคล้ายดั่งอาภรณ์ขาว ชั่วขณะก็กลายเป็นสุนัขดำ เหตุการณ์เหล่านี้อดีตหรือปัจจุบันต่างเป็นเช่นกัน สรรพสิ่งบนโลกไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
ปัจจุบัน "เมฆขาวสุนัขดำ" มีความหมายห่างไกลจากบทกวีของตู้ฝูไปมาก โดยใช้เปรียบเทียบถึงเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงจนผู้คนไม่อาจคาดเดา