เอเอฟพี – เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (3 พ.ย.) คนขับรถแท็กซี่นับพันๆ คนในเมืองฉงชิ่ง ลุกฮือกันหยุดงานประท้วงก่อเหตุวุ่นวาย ทุบแท็กซี่ที่ไม่ร่วมขบวนด้วย หลังเผชิญแรงกดดันต่างๆ ค่าใช้จ่ายพอกพูนแต่อัตราค่าโดยสารถูกแช่แข็งมาเกือบ 10 ปี ไปถึงปัญหาเชื้อเพลิง
ลูกจ้างแซ่ถัง จากบริษัทฉงชิ่งหงเฉียวแท็กซี่ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า “เหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนขับแท็กซี่ลุกขึ้นมาสไตรค์ในครั้งนี้ คือการที่พวกเขาต้องต่อคิวยาวเหยียดเพื่อเติมเชื้อเพลิงที่ปั๊มน้ำมัน โดยปกติแล้วเสียเวลาต่อคิวรอ 1-2 ชั่วโมงเลยทีเดียว”
นอกจากนี้ อัตราค่าโดยสารเริ่มต้นของแท็กซี่ในฉงชิ่งก็ยังคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงมาเกือบ 8 ปีแล้วเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อื่นๆ โดยอัตราค่าโดยสารขั้นต่ำของที่นี่อยู่ที่ 5 หยวน (ราว 25 บาท)
โดยในระหว่างการประท้วงเมื่อเช้า ได้มีการทุบทำลายรถแท็กซี่ของเพื่อนร่วมอาชีพที่ปฏิเสธร่วมประท้วงในครั้งนี้ พร้อมทั้งขับไล่ผู้โดยสารลงจากรถแท็กซี่เหล่านั้นด้วย ซึ่งตามรายงานข่าวระบุมีรถยนต์อย่างน้อย 20 คันถูกทำลาย ในจำนวนนี้รวมถึงรถตำรวจจำนวน 3 คันด้วย โดยพนักงานจากบริษัทหงเฉียวแท็กซี่ และฉงชิ่ง แท็กซี่ ให้สัมภาษณ์ว่า คนขับรถหลายคนไม่ต้องการหยุดงานประท้วง แต่ก็ต้องหยุดงาน เพราะกลัวว่ารถของตัวเองจะถูกผู้ประท้วงทุบทำงาน
หลังจากแท็กซี่ฉงชิ่งก่อเหตุประท้วงหยุดงานเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทำให้ผู้โดยสารนับพันคนที่ต้องการนั่งรถแท็กซี่ไปทำงาน ไปสนามบิน หรือสถานีรถไฟในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนต่างเดือดร้อนเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามภายหลังจากบริษัทแท็กซี่ของรัฐบาลได้ออกมาเรียกร้องให้คนขับกลับไปทำงานแล้ว ก็ปรากฏว่ามีคนขับแท็กซี่ในเมืองราว 8% จากทั้งสิ้น 9,000 รายกลับไปวิ่งรถตามปกติ
โดยโฆษกของทางการเมืองฉงชิ่งกล่าวว่า “ทางการกำลังประชุมเพื่อหาหนทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวอยู่”
ทั้งนี้ การสไตรค์หยุดงานไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยนักในประเทศจีน ซึ่งมีรัฐบาลคอมมิวนิสต์เป็นผู้ควบคุมกิจกรรมเกี่ยวกับสหภาพแรงงานทั้งหมด ขณะที่ลูกจ้างเองก็ได้รับอนุญาตให้เข้าเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานที่ควบคุมโดยรัฐบาลเท่านั้น