ผู้จัดการออนไลน์--ขณะที่ผู้นำจีนกำลังสาละวนฉลองสนามกีฬาแห่งชาติใหม่ “รังนก” สร้างเสร็จในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านเมือง รวมทั้งกวาดล้างกลุ่มเคลื่อนไหวอิสรภาพดินแดนตามเขตปกครองตัวเองทั้งของชนชาติทิเบต และของมุสลิมอุยกูร์ในซินเกียง เพื่อสร้างบรรยากาศอันชื่นมื่นก่อนเปิดการแข่งขันโอลิมปิกในปักกิ่งเดือนหน้านี้ ธงนำ “สรรค์สร้างสังคมกลมกลืนของพรรคคอมมิวนิสต์” ที่ชูหรา ก็มีอันมอดไหม้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จากเหตุการณ์กองทัพประชาชนผู้สุดทนต่อความระยำตำบอนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นับหมื่นบุกเผาวอดโรงพักในอำเภอเวิ่งอันในแคว้นปกครองตัวเองชนชาติอี๋และชนชาติเหมียว(ม้ง)แห่งเฉียนหนัน ของมณฑลกุ้ยโจวในวันเสาร์(28 มิ.ย.)
หะแรก ศึกปะทะรุนแรงระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนนี้ เป็นข่าวโจษจันไปทั่ววงการเว็บบล็อกจีน จากนั้นบรรดายักษ์ใหญ่สำนักข่าวตะวันตกก็ประโคมข่าวกันคึกโครม ข่าวกระจายไปทั่วเหมือนไฟไหม้ลามป่าอย่างรวดเร็วจนผู้นำจีนขนใบบัวมาปิด(ข่าว)ไม่ทัน กระทั่งในวันอาทิตย์ จึงไล่ปิดข่าวตามสื่อจีน และไล่ยึดเทปบันทึกภาพเผาโรงพักในเวิ่งอัน สื่อรายใหญ่ของรัฐอย่างซินหัว ซินจิงเป้า ก็รายงานข่าวจลาจลที่เวิ่งอันสั้นๆไม่ถึง 10 บรรทัดอย่างเสียมิได้ โดยไม่ได้พูดถึงข้อกล่าวหาของชาวบ้าน ที่ชี้ว่าตำรวจปกป้องลูกชายเจ้าใหญ่นายโตในอำเภอหรือในหน่วยตำรวจ ที่ไปข่มขืนเด็กนักเรียนหญิงวัย 15 ปี และเอาไปโยนน้ำ แต่ตำรวจกลับปิดคดีภายใน 9 วันหลังพบศพโดยระบุว่าเด็กสาวกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย โดยไม่มีการชันสูตรศพ แถมยังซ้อมลุงของเด็กสาวเคราะห์ร้ายจนเสียชีวิตระหว่างที่ไปเรียกร้องให้ตำรวจชันสูตรศพหลานและทำการไต่สวน ทำเอาเด็กนักเรียนและชาวบ้านนับหมื่นคนเดือดบุกเผาโรงพักระเบิดเป็นจลาจลใหญ่ในวันอาทิตย์(29 มิ.ย.)
กุ้ยโจวได้ระดมกำลังถึง 1,500 นาย ออกมาปราบจลาจล บอกให้ผู้เข้าร่วมเผาโรงพักยอมแพ้ กลุ่มรณรงค์สิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในฮ่องกงระบุว่ามีคนบาดเจ็บระหว่างการปะทะ 15 คน เหตุการณ์สงบลงในเช้าวันจันทร์ ตำรวจหลายนายกระจายกำลังลาดตระเวนคุมเชิงตามที่ทำการของรัฐบาลท้องถิ่น และสถานีตำรวจ สังคมได้กลับคืนสู่ระเบียบเรียบร้อยแล้ว
ทว่า งานนี้ผู้นำใหญ่ในปักกิ่งคงได้ปาดเหงื่อไปหลายรอบ ที่เหตุการณ์ดังกล่าวมาทำป้าย “สังคมกลมกลืน” แตกยับก่อนหน้าโอลิมปิกเพียงหนึ่งเดือน เหตุการณ์ดังกล่าวดูจะเป็น “ตัวแทนประชาชน”มาตระโกนฟ้องความเปราะบางของสังคมที่เป็นบาดแผลใหญ่ของประเทศอย่างได้จังหวะเหมาะเจาะทีเดียว ขณะที่จีนประกาศก้องถึงความรุ่งโรจน์และชาติที่กลมกลืนสมานฉันท์ในงานโอลิมปิกเดือนสิงหาคมนี้
หลังไฟจลาจลสงบลง ในวันจันทร์(30 มิ.ย.) สื่อรัฐจีนก็ได้รายงานข่าวการประชุมเทเลคอนเฟอร์เรนซ์ระหว่างรัฐบาลกลางกับรัฐบาลท้องถิ่นทั่วประเทศในเสาร์(28 มิ.ย.) ประกาศโครงการรณรงค์ทั่วประเทศ เพื่อสร้างโอลิมปิกที่ “ปลอดการประท้วง” โดยได้สั่งการให้บรรดารัฐบาลและหน่วยงานในท้องถิ่นปลดชนวนการร้องเรียนของพลเมืองที่ไม่พอใจรัฐบาล และสกัดการเคลื่อนไหวของฝูงชนที่อาจก่อจลาจล การเดินขบวนร้องเรียนเรื่องต่างๆ “เพื่อให้ปักกิ่ง เกมส์ดำเนินไปโดยปลอดภัยและราบรื่น ซึ่งนับเป็นงานที่ยากเข็ญที่หน่วยงานต่างๆจะต้องเอาชนะ”
“เรากำลังตกอยู่ในภาวะศึกสงคราม เราต้องเดินเท้าเปล่าทำศึกกัน” รายงานบนเว็บไซต์ www.dqnews.com.cnของรัฐบาลท้องถิ่นมณฑลเจ้อเจียงแห่งภาคตะวันออก ระบุ
นับเป็นมาตรการล่าสุด ที่จีนงัดออกมารับมือกระแสประท้วง ที่ก่อความไม่สงบในประเทศ โดยมีเป้าหมายหลักที่การร้องทุกข์ของกลุ่มเกษตรกรชาวนา และประชาชนที่ไม่พอใจการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้อพิพาทสิทธิการใช้ที่ดิน และคอรัปชั่น กลุ่มร้องเรียนเหล่านี้ มักเดินทางไปร้องทุกข์ที่เมืองเอกของมณฑล หรือไม่ก็กรุงปักกิ่ง ทั้งนี้ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จำนวนกรณีร้องเรียนเหล่านี้ มีมากขึ้นทุกวัน จากจำนวน 4.8 ล้านคน ในปีค.ศ. 1995 เพิ่มเป็นค.ศ. 12.7 ล้านในปี 2005
โดยมีการประท้วงครั้งสั่นสะเทือนบัลลังก์อำนาจพรรคคอมมิวนิสต์ ที่เพิ่งอุบัติขึ้นในปลายปี 2007 คือการประท้วงของเกษตรกรนับแสนในมณฑลเหลียวหนิงแห่งภาคอิสานจีนเมื่อวันที่ 20 พ.ย. สืบเนื่องจากบริษัทอี่ลี่เสินหลอกเกษตรกรนับล้านเข้าร่วมโครงการเลี้ยงมดสกัดสารทำยาเสริมสมรรถภาพทางเพศและได้เอาเงินชาวบ้านมาถลุง ทำชาวบ้านจำนวนมากสิ้นเนื้อประดาตัว โครงการนี้ มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงชื่อดังระดับอินเตอร์พัวพันอยู่ด้วย กรณีดังกล่าวถูกยกเป็น "กรณีต้มตุนแห่งชาติ"
แม้ความตึงเครียดในสังคมจีน ยิ่งเขม็งเกลียว เจ้าหน้าที่ก็ท้าทายประกาศสโลแกนหรูว่า “เราตั้งเป้าให้กรณีร้องเรียนไปยังปักกิ่งเป็น “ศูนย์” การร้องเรียนไปยังเมืองเอกของมณฑลเป็น “ศูนย์” การร้องเรียนของฝูงชนเป็น “ศูนย์” เหตุการณ์ขัดแย้งในหมู่มวลชนเป็น “ศูนย์” เจ้าหน้าที่อำเภอแห่งหนึ่งในซื่อชวน (เสฉวน) ระบุบนเว็บไซต์รัฐบาล www.scpc.gov.cnในวันจันทร์
วันเดียวกัน ทิเบต เดลี่ยังได้รายงานการประชุม ระบุว่ารองประธานรัฐบาลท้องถิ่นไป่ม่า ชิลินย้ำกับเจ้าหน้าที่ให้สกัดการประท้วงในลาซา ที่เคยเกิดเหตุจลาจลนองเลือดเมื่อเดือนมีนาคม ไป่ม่าบอกแก่ที่ประชุมว่า “เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมสังคมที่เสถียรและกลมกลืนหนุนเนื่องความสำเร็จของโอลิมปิก ในปักกิ่ง”
คลื่นกระแสประท้วงของประชาชนในประเทศ ทบทวีมากขึ้นทุกปี อีกทั้งปัญหาระดับอินเตอร์อย่าง ศึกขัดแย้งในดินแดนหลังคาโลกอย่างเขตปกครองตัวเองชนชาติทิเบต และดินแดนมุสลิมแห่งเขตปกครองตัวเองชนชาติอุยกูร์มณฑลซินเจียงแห่งภาคตะวันตก ที่ยืดเยื้อมานานถึงราวครึ่งศตวรรษ ดูจะเป็นสถานการณ์การต่อสู้ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ในปีโอลิมปิก 2008 นี้ จุดร้อนในปัญหาความกลมกลืนแห่งชาติจีน ดูจะได้เผยแดงโร่ออกมาอย่างครบถ้วน ได้แก่ปฏิบัติการกวาดล้างถึงขั้นมีการสังหารสมาชิกกลุ่มเคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดนในซินเจียงที่จีนกล่าวหาเชื่อมโยงกับลัทธิก่อการร้ายเพื่อสร้างความชอบธรรมในเดือนมกราคม การจลาจลนองเลือดในทิเบตเดือนมีนาคม และล่าสุดจลาจลเผาโรงพักที่เวิ่งอันในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ภาพประชาชนชาวเวิ่งอัน ที่พาลูกเล็กเด็กแดงมามุงดูเพลิงแดงฉานลุกท่วมสถานีตำรวจ ดูน่ากลัวน่าใจหายว่าเด็กนักเรียน เด็กเล็ก จะเรียนรู้โต้ตอบความชั่วร้ายด้วยความรุนแรง และสืบทอดวงจรอุบาทว์นี้สืบไป ตราบเท่าที่ต้อตอปัญหาของทุเลาลงอย่างแท้จริง มิใช่ความสำเร็จเพียง เด็ด “ผักชีโรยมาหน้า” หรือไม่ก็เก็บ “ใบบัวมาปิดช้างตาย”อันหมายถึงมีเรื่องร้าย ก็ปิดปากสื่อ ที่คิดว่าจะสร้างภาพความสงบเรียบร้อยให้คนเชื่อได้.