นิวยอร์กไทม/เอเจนซี-- และแล้ว ยักษ์ใหญ่แฟชั่นโลกอย่างคริสเตียน ดิออร์ (Christian Dior) ก็เป็นบริษัทฝรั่งเศสรายล่าสุดที่ ที่ได้ลิ้มรสชาติขมจากการแตะเกียรติภูมิจีน ขณะที่ซุปเปอร์สตาร์รุ่นใหญ่อย่างชารอน สโตน ก็พบว่า เท้าที่สวมส้นสูง ที่ตบเข้าที่ปากของเธอนั้น เป็นของตัวเอง
ในที่สุด สโตนซูเปอร์สตาร์นู้ดชาวอเมริกันวัย ๕๐ ปี ก็ยอมแถลงอย่างศิโรราบว่าความเห็นของเธอที่ชี้ว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเสฉวน เป็นเรื่องของกงกรรมกงเกวียนนั้น “เป็นคำพูดที่งี่เง่า ไร้สาระ”
“มันเป็นเรื่องงี่เง่า ปัญญาอ่อนจริงๆ” สโตนกล่าวออกปากเธอเองในเย็นวันพฤหัสฯ(๒๙ พ.ค.) ที่บ้านในลอสแองเจลิสของเธอ
ชารอน สโตน ได้ให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ในการสัมภาษณ์ในงานกาลาหรู ที่จัดขึ้นเพื่อระดมทุนให้แก่มูลนิธิอเมริกันเพื่อการวิจัยโรคเอดส์ ระหว่างเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เธอพูดกับผู้สื่อข่าวว่า “ฉันไม่ชอบการปฏิบัติของจีนต่อชาวทิเบต ไม่คิดเลยว่าคนจะใจร้ายต่อกันได้อย่างนี้ เหตุการณ์แผ่นดินไหวและทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ มันเป็นเรื่องของกรรมมิใช่หรือ? เมื่อคุณทำไม่ดี สิ่งไม่ดีก็เกิดขึ้นกับคุณ ใช่ไหม?”
และความเห็นดังกล่าว ก็ได้ปลุกกระแสร้อนในสื่อและเว็บบล็อกจีน กระแสวิพากษ์วิจารณ์ในซินหัวกระบอกเสียงรัฐจีน ถึงกับตราหน้าเธอว่า “ศัตรูแห่งมวลมนุษยชาติ” (the public enemy of all mankind)
แต่ผู้ที่เดือนร้อนที่สุดก็คือ ดิออร์ ซึ่งมีสัญญาว่าจ้างสโตนเป็นนางแบบโฆษณาครีมบำรุงผิวหน้าของบริษัท จนถึงกับต้องยอมให้ถอนสโตนออกจากชุดโฆษณาในจีน ด้วยกลัวโดนบอยคอตผลิตภัณฑ์ สำนักงานดิออร์ในเซี่ยงไฮ้ได้ออกแถลงการณ์ โดยอ้างคำกล่าวขอโทษของสโตนว่า “ดิฉันรู้สึกเสียใจ และเศร้าใจมาก ที่ทำร้ายชาวจีน”
“เราไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากถอนเธอออกจากจีน สิ่งที่เธอพูดออกไปนั้น ล้ำเส้นอย่างชัดเจน” Tom Bernardin ประธาน ยักษ์ใหญ่โฆษณา ลีโอ เบอร์เน็ตต์ เวิร์ดไวด์ กล่าวหลังจากถกเครียดกับนายใหญ่ของดิออร์
ในตอนแรกนั้น สโตนได้ยืนกรานกับ Sidney Toledano กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของดิออร์ ไปว่า “...พวกคุณก็รู้จักฉันดี ฉันไม่มีวันขอโทษ ไม่มีวันขอโทษในสิ่งที่ไม่ถูกไม่จริง...และมันก็ไม่ใช่เพื่อครีมทาหน้า”
นับเป็นตาร้ายของดิอร์ ที่เรื่องนี้ มาอุบัติขึ้น ในช่วงเวลา ๒ เดือนก่อน เปิดม่านโอลิมปิก ซึ่งถือเป็นจังหวะน้ำขึ้น ที่บรรดาบริษัทสินค้าเบรนด์หรู ต่างกำลังชิงกันทุ่มทรัพยากรทั้งหมดไปที่ตลาดจีน ขณะที่ การเติบโตในตลาดประเทศที่พัฒนาแล้วชะลอตัวลง ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทสินค้าหรูของยุโรป รวมทั้งดิออร์ด้วยนั้น ต่างขยายอัตราเติบโตทางธุรกิจถึงตัวเลขสองหลักในจีนในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ และต่างก็หมายมั่นขุดทอง ยึดตลาดเกิดใหม่แห่งนี้ เป็นแหล่งรายได้หลัก
แม้ว่าบรรดาบริษัทต่างแดนที่เข้าไปเจาะตลาดจีน จะพยายามใส่ใจและมุ่งเรื่องธุรกิจเท่านั้น แต่พวกเขาก็ได้พบว่าการเมืองได้คืบคลานเข้าสู่ธุรกิจของพวกเขา ในเส้นทางที่ไม่เคยคาดคิดในจีน
บรรษัทแดนน้ำหอม ที่ได้ลิ้มรสชาติดังกล่าวอย่างไม่คาดฝันก่อนหน้าในเดือนเมษายนคือ ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกคาร์ฟูร์ ซึ่งได้ตกเป็นเป้ากลุ่มประท้วงชาวจีนหลังจากเกิดเหตุการณ์ผู้เดินขบวนสนับสนุนทิเบตเข้ายื้อแย่งคบเพลิงโอลิมปิกจากจิน จิงนักกีฬาพิการบนวีลแชร์ในกรุงปารีส ภาพดังกล่าวแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วบนวีดีโอเว็บไซต์ จากนั้น คลื่นกระแสเรียกร้องบอยคอตสินค้าคาร์ฟูร์ ก็เชี่ยวกรากไปทั่วประเทศจีน กระแสดังกล่าว เริ่มสงบลง ก็ต่อเมื่อประธานาธิบดีนิโคลัส ซาร์โคซี ส่งที่ปรึกษาไปออมชอมสัมพันธ์ที่ปักกิ่ง