ไชน่านิวส์ – การประกาศราคาเหล็กในไตรมาส 3 ที่ล่าช้าของเป่า สตีลได้สร้างความกังวลว่าทิศทางของราคาเหล็กจะไปในทางใด โดยนักวิเคราะห์มองว่ามีปัจจัยของการเกิดแผ่นดินไหวและศักยภาพในการแบกรับต้นทุนของผู้ประกอบการปลายน้ำที่ทางยักษ์ใหญ่เหล็กกล้าจีนต้องคำนึงถึง โดยทางการจีนได้ระบุว่าจะไม่มีการเข้าแทรกแซงราคาเหล็กและเหล็กกล้า
ที่ผ่านมา บริษัทเป่า สตีลยักษ์เหล็กจีนมักจะประกาศราคาของเหล็กในไตรมาสที่ 3 ในช่วงวันที่ 20 พ.ค. เป็นประจำ ทว่าในปีนี้กลับเงียบหายไร้ข่าวคร่าว โดยนายหูเอี้ยนผิง นักวิเคราะห์เรื่องโลหะได้ระบุว่า ตามปกติที่ผ่านมา เปา สตีลมักจะค่อนข้างรักษาเวลาในการประกาศราคาเหล็ก ทว่าในช่วงนี้อาจเป็นเพราะอยู่ในภาวะ ลำบากทั้งรุกและถอย
โดยสาเหตุอาจจะมาจากราคาเหล็กในประเทศได้ขึ้นไปอยู่ในระดับสูง จนทำให้ผู้ประกอบการปลายน้ำส่งสัญญาณว่าเริ่มรับไม่ไหวแล้ว รวมไปถึงแผ่นดินไหวที่เวิ่นชวนได้ทำให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างหนัก จนคณะรัฐมนตรีมีมติให้ไว้อาลัยระหว่างวันที่ 19-21 พ.ค. การประกาศราคาเหล็กในช่วงนี้จึงอาจไม่เหมาะสม
นอกจากนั้นแผ่นดินไหวได้ทำให้บ้านเรือนพังพินาศอย่างสาหัส หลังจากนี้จะต้องมีการเร่งรีบในการก่อสร้าง และจำเป็นต้องใช้เหล็กเป็นวัสดุพื้นฐาน ในขณะที่ราคาเหล็กในตลาดขณะนี้ค่อนข้างสูง ทำให้มีความกังวลว่ารัฐบาลอาจจะมีนโยบายอะไรเข้ามาแทรกแซงกลไกราคา
ในขณะที่นายสง ปี้หลิน รองผู้อำนวยการสำนักงานอุตสาหกรรมสังกัดคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีนได้ระบุว่า การที่เป่า สตีลยังไม่สามารถประกาศราคาเหล็กได้นั้น อาจจะมาจากการที่ต้องคำนวณถึงต้นทุน และราคาของแร่เหล็ก และการถลุงเหล็กที่เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นยังต้องคำนึงถึงศักยภาพของผู้ประกอบการปลายน้ำว่าจะรับได้ในระดับใด
ที่ผ่านมาราคาเหล็กที่เดิมอยู่ที่ 1,800 หยวนต่อตัน ได้ขึ้นมาที่ 2,400-2,500 หยวนต่อตัน เมื่อบวกค่าระวางเรือ ค่าพลังงาน ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นมาราว 1,000 หยวน แต่หากเป่า สตีลผลักภาระทั้งหมดไปที่ผู้ประกอบการปลายน้ำด้วยการขึ้นราคาเหล็กไป 1,000 หยวนต่อตันจริง ก็อาจทำให้ผู้ประกอบการเหล่านั้นยากจะแบกรับไหว
ส่วนการที่ทางการจะเข้ามาควบคุมหรือแทรกแซงราคาเหล็กหรือไม่นั้น สง ปี้หลินได้ระบุว่า “นี่เป็นเรื่องของกลไกตลาด ทางการจีนเปิดกว้างเรื่องของราคาเหล็กและเหล็กกล้า เพียงแต่ในปัจจุบัน ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าอาจจะไม่สามารถแบกรับไหวหากมีการเพิ่มราคาขึ้นอีก และเมื่อไหร่ที่รับไม่ไหวจริงๆ ถึงเวลาราคาก็จะถูกปรับตัวลงมาเอง”