อีกเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น มหกรรมกีฬาระดับโลกอย่างโอลิมปิกปักกิ่ง 2008 จะเปิดม่านขึ้นแล้ว จะได้รู้กันเสียทีว่าที่ปักกิ่งเขาพยายามปรับนู่นสร้างนี่เพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะนั้น จะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน แต่ทราบหรือไม่ว่ากว่าจีนจะฝ่าฟันจนมาเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกสมดังตั้งใจนั้น ต้องฝ่าด่าน 18 อรหันต์กันเลยทีเดียว
การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิกปักกิ่งปี 2008 นี้ไม่ใช่ความพยายามครั้งแรกของจีน...เพราะย้อนไปเมื่อปี 1993 จีนได้เคยเสนอตัวเข้าชิงสิทธิการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกปี 2000 มาแล้ว แต่ในครั้งนั้นจีนต้องพ่ายให้แก่คู่แข่ง ซิดนี่ย์ ไปอย่างน่าเสียดาย โดยแพ้ให้แค่เพียง 2 เสียงเท่านั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะขณะนั้นกลุ่มสิทธิมนุษยชนพากันรณรงค์ต่อต้านการเป็นเจ้าภาพของจีน โดยหยิบยกเหตุการณ์ สังหารหมู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินที่เพิ่งเกิดไปเมื่อปี 1989 มาโจมตี หลังพ่ายแพ้ครั้งนั้นจีนแสดงท่าทีไม่พอใจเป็นอย่างมาก และไม่เสนอตัวชิงเก้าอี้เจ้าภาพปี 2004 ต่อ โดยตำแหน่งเจ้าภาพในปีนั้น เอเธนส์ ได้ไปครอง
จากความปราชัยครั้งนั้น จีนนำมาเป็นบทเรียนและปรับปรุงตัว พัฒนาในเรื่องสิทธิมนุษยชนมากขึ้นด้วยการปล่อยตัวนักโทษการเมืองมากขึ้น รวมทั้งการประกาศกวาดล้างการใช้สารกระตุ้นต่างๆ ในการแข่งขัน ร่วมมือกับองค์กรตรวจสอบระหว่างประเทศ เพราะที่ผ่านมาชื่อเสียงของจีนถูกกระทบกระเทือนอย่างมากเพราะปัญหานักกีฬาใช้สารกระตุ้นกันมาก โดยเฉพาะกรณีนักกีฬาว่ายน้ำหญิงจีนใช้สารกระตุ้นในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมปี 1994 และเวิลด์ แชมเปี้ยนชิปปี 1998 ตลอดจนทางการจีนต้องตัดสิทธิผู้เล่นถึง 27 คนจากการแข่งขันโอลิมปิกที่ซิดนี่ย์ เพราะต้องสงสัยใช้สารกระตุ้น
ในปี 2001 จีนกลับมาผงาดอย่างสวยงามอีกครั้งในการชิงเจ้าภาพโอลิมปิกปี 2008 ด้วยแรงสนับสนุนของเจียงเจ๋อหมิน ประธานาธิบดีในขณะนั้น (นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่าเจียงต้องการให้การเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกของจีนเป็นกระจกสะท้อนความสำเร็จของเขาให้โลกได้ประจักษ์)
และบนสังเวียนการแย่งชิงความเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ไทยเองก็เสนอตัวเข้าชิงกับเขาด้วย แต่ก็กินแห้วตั้งแต่รอบแรก ในการลงคะแนนครั้งสุดท้าย ปักกิ่งได้รับคะแนนโหวต 56 คะแนน เฉือนเอาชนะคู่แข่งสำคัญโตรอนโตที่ได้เพียง 22 คะแนน ส่วนปารีสและอิสตันบูล ได้คะแนน 18 และ 9 ตามลำดับ
ต่อผลการตัดสินครั้งนี้หลายฝ่ายแสดงความกังขา เพราะจีนนั้นนับเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ในการเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเพียงสั้นๆ เท่านั้น อีกทั้งยังโดนโจมตีเรื่องสิทธิมนุษยชน การตัดสินประหารชีวิตนักโทษเป็นจำนวนมาก การปราบปรามชาวทิเบต และกำจัดลัทธิฝ่าหลุนกง
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 13 กรกฎาคมปี 2001 คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ก็ตัดสินใจเลือกปักกิ่งเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 2008 โดยปัจจัยที่ส่งเสริมให้ปักกิ่งคว้าชัยครั้งนี้นอกจากคุณสมบัติที่ IOC ระบุไว้แล้ว การที่เศรษฐกิจของจีนนับวันยิ่งขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับอิทธิพลทางวัฒนธรรมและการเมืองของจีนที่เข้มแข็งขึ้นก็มีส่วนสนับสนุนอย่างมาก
และอีกปัจจัยที่มิอาจมองข้ามคือการที่จีนดำเนินนโยบายประนีประนอมกับสหรัฐฯ มากขึ้น เพื่อลดแรงคัดค้านการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกของจีนหรือแม้กระทั่งการเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก โดยทั้งสหรัฐฯ หรือแม้แต่ไต้หวันเองได้ส่งสัญญาณว่าไม่ได้ต่อต้านปักกิ่ง ขณะที่ IOC เองก็หลีกเลี่ยงการถกประเด็นสิทธิมนุษยชนต่อหน้าสาธารณะก่อนการโหวตด้วย
ทั้งนี้ การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเริ่มอุบัติขึ้นครั้งแรกที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซเมื่อปี 1896 แต่กว่าจีนจะได้ร่วมวงไพบูลย์ด้วยนั้นก็การแข่งขันปี 1932 ที่ลอส แองเจลลิส เป็นเจ้าภาพ ซึ่งในขณะนั้นจีนส่งนักกีฬาไปร่วมแข่งขันเพียงคนเดียวเท่านั้น ได้แก่ หลิวฉางชุน จนกระทั่งในปี 1948 จำนวนทัพนักกีฬาจีนเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 33 คน
แต่หลังจากพรรคคอมมิวนิสต์ภายใต้การนำของเหมาเจ๋อตงขึ้นนั่งบัลลังก์อำนาจเมื่อปี 1949 จีนได้ระงับการส่งนักกีฬาไปแข่งขันเนื่องด้วยความไม่พร้อมทั้งด้านงบประมาณและกำลังคน อีกทั้งยังเผชิญกระแสความขัดแย้งระหว่างระบอบทุนนิยมและคอมมิวนิสต์กระหน่ำซ้ำด้วย จนกระทั่งในการแข่งขันโอลิมปิกลอส แองเจลลิสปี 1984 จีนกลับมาส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันอีกครั้ง และเริ่มไต่ระดับขึ้นสู่ประเทศแถวหน้า
ในการแข่งขันโอลิมปิกที่ซิดนี่ย์ จีนคว้าอันดับ 3 เจ้าเหรียญทองไปครองด้วยจำนวนเหรียญทั้งสิ้น 59 เหรียญ ประกอบด้วย 28 เหรียญทอง 16 เหรียญเงิน และ 15 เหรียญทองแดง และในการโอลิมปิกเอเธนส์เมื่อ 4 ปีก่อน จีนก็ได้เหรียญทอง 32 เหรียญ 17 เหรียญเงิน และ 14 เหรียญทองแดง ครองตำแหน่งที่ 2 รองจากสหรัฐฯ นับเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจของจีน เพราะครั้งนี้จีนเป็นรองสหรัฐฯ แค่เพียง 3 เหรียญทองเท่านั้น