หนังสือพิมพ์สากล – จางหรงคุน นักธุรกิจที่เคยร่ำรวยติดอันดับประเทศผู้กระทำผิดในคดีฉ้อโกงเงินจากกองทุนสวัสดิการสังคมเมืองเซี่ยงไฮ้ที่อื้อฉาวเมื่อปี 2003 ถูกตัดสินให้จำคุก 19 ปี ยึดทรัพย์สินทั้งหมดมูลค่า 1,300 ล้านหยวน และปรับอีก 233,005,000 หยวน
สื่อจีนรายงานว่าเมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์เมืองซงหยวนมณฑลจี๋หลินได้ตัดสินให้จางหรงคุนมีความผิดรวม 5 กระทง ได้แก่ ติดสินบนเจ้าพนักงาน ติดสินบนพนักงานบริษัท ปั่นหุ้น หลอกลวงออกพันธบัตร และยักยอกเงินทุน
พร้อมกันนั้นศาลยังสั่งปรับบริษัท เซี่ยงไฮ้ เฟ่ยเตี่ยน อินเวสเมนต์ ดิเวลลอปเมนต์ (Shanghai Feidian Investment Development Ltd.) และบริษัท ไชน่า ฝูสี่ กรุ๊ป (China Fuxi Group) ซึ่งจางเป็นเจ้าของและเกี่ยวพันกับคดีดังกล่าวอีก 233,005,000 หยวน อย่างไรก็ตาม จางหรงคุนยืนยันที่จะสู้ต่อในศาลสูง
สำหรับความผิดต่างๆ ของจางหรงคุน เช่น ความผิดฐานยักยอกเงินทุนหมายถึงเหตุการณ์อื้อฉาวเมื่อปี 2003 ที่จางหรงคุนได้กู้ยืมเงินระยะสั้นจากกองทุนสวัสดิการสังคมเมืองเซี่ยงไฮ้จำนวน 200 ล้านหยวนไปอัดฉีดให้ฝอเดี่ยนบริษัทของตน
นอกจากนี้ จางยังร่วมมือกับหยวนหย่งหลินและเสิ่นเหยียนผู้บริหารไห่ซินกรุ๊ปปั่นหุ้นบริษัท และติดสินบนหยวนและเสิ่นตามข้อเรียกร้องเป็นเงิน 1.7 ล้านหยวนถือเป็นความผิดฐานติดสินบนพนักงานบริษัท
จางหรงคุนและบริษัทฝอเตี่ยนยังมีความผิดร่วมกันฐานปั่นหุ้น และเมื่อปี 2005 ฝูสี่ กรุ๊ปได้ออกพันธบัตรระยะสั้นเพื่อระดมทุน จางหรงคุนในฐานะตัวแทนนิติบุคคลของบริษัทจึงมีความผิดฐานหลอกลวงออกพันธบัตร
สำหรับความผิดที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุดคือความผิดฐานติดสินบนเจ้าพนักงาน โดยบริษัทฝอเตี่ยนและฝูสี่รวมทั้งจางหรงคุนร่วมกันแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ได้ติดสินบนข้าราชการจำนวนมากตลอดมารวมเป็นเงิน 29 ล้านหยวน
ในจำนวนข้าราชการที่รับสินบนที่อื้อฉาวที่สุด คือหวังเหวยกงเลขาของหวงจี๋ว์อดีตรองนายกรัฐมนตรีจีนที่รับเงิน 9.3 กว่าล้านหยวน เพื่อออกหน้าแทนจางหนุนนโยบายของเฉินเหลียงอี้ว์อดีตเลขาธิการพรรคประจำเมืองเซี่ยงไฮ้ เมื่อจางวางแผนจะซื้อสิทธิในสัมปทานทางด่วนช่วงเซี่ยงไฮ้-หังโจว
ทั้งนี้ จางหรงคุนเคยติดอันดับ 1 ใน 20 นักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดในจีน ประจำปี 2005 จากการสำรวจของฟอร์บส นิตยสารธุรกิจชื่อดังของสหรัฐฯ
สื่อจีนรายงานว่าเมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์เมืองซงหยวนมณฑลจี๋หลินได้ตัดสินให้จางหรงคุนมีความผิดรวม 5 กระทง ได้แก่ ติดสินบนเจ้าพนักงาน ติดสินบนพนักงานบริษัท ปั่นหุ้น หลอกลวงออกพันธบัตร และยักยอกเงินทุน
พร้อมกันนั้นศาลยังสั่งปรับบริษัท เซี่ยงไฮ้ เฟ่ยเตี่ยน อินเวสเมนต์ ดิเวลลอปเมนต์ (Shanghai Feidian Investment Development Ltd.) และบริษัท ไชน่า ฝูสี่ กรุ๊ป (China Fuxi Group) ซึ่งจางเป็นเจ้าของและเกี่ยวพันกับคดีดังกล่าวอีก 233,005,000 หยวน อย่างไรก็ตาม จางหรงคุนยืนยันที่จะสู้ต่อในศาลสูง
สำหรับความผิดต่างๆ ของจางหรงคุน เช่น ความผิดฐานยักยอกเงินทุนหมายถึงเหตุการณ์อื้อฉาวเมื่อปี 2003 ที่จางหรงคุนได้กู้ยืมเงินระยะสั้นจากกองทุนสวัสดิการสังคมเมืองเซี่ยงไฮ้จำนวน 200 ล้านหยวนไปอัดฉีดให้ฝอเดี่ยนบริษัทของตน
นอกจากนี้ จางยังร่วมมือกับหยวนหย่งหลินและเสิ่นเหยียนผู้บริหารไห่ซินกรุ๊ปปั่นหุ้นบริษัท และติดสินบนหยวนและเสิ่นตามข้อเรียกร้องเป็นเงิน 1.7 ล้านหยวนถือเป็นความผิดฐานติดสินบนพนักงานบริษัท
จางหรงคุนและบริษัทฝอเตี่ยนยังมีความผิดร่วมกันฐานปั่นหุ้น และเมื่อปี 2005 ฝูสี่ กรุ๊ปได้ออกพันธบัตรระยะสั้นเพื่อระดมทุน จางหรงคุนในฐานะตัวแทนนิติบุคคลของบริษัทจึงมีความผิดฐานหลอกลวงออกพันธบัตร
สำหรับความผิดที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุดคือความผิดฐานติดสินบนเจ้าพนักงาน โดยบริษัทฝอเตี่ยนและฝูสี่รวมทั้งจางหรงคุนร่วมกันแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ได้ติดสินบนข้าราชการจำนวนมากตลอดมารวมเป็นเงิน 29 ล้านหยวน
ในจำนวนข้าราชการที่รับสินบนที่อื้อฉาวที่สุด คือหวังเหวยกงเลขาของหวงจี๋ว์อดีตรองนายกรัฐมนตรีจีนที่รับเงิน 9.3 กว่าล้านหยวน เพื่อออกหน้าแทนจางหนุนนโยบายของเฉินเหลียงอี้ว์อดีตเลขาธิการพรรคประจำเมืองเซี่ยงไฮ้ เมื่อจางวางแผนจะซื้อสิทธิในสัมปทานทางด่วนช่วงเซี่ยงไฮ้-หังโจว
ทั้งนี้ จางหรงคุนเคยติดอันดับ 1 ใน 20 นักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดในจีน ประจำปี 2005 จากการสำรวจของฟอร์บส นิตยสารธุรกิจชื่อดังของสหรัฐฯ
