ไชน่าเดลี่ – นักวิเคราะห์ชี้กระแสผนวกกิจการและเข้าถือหุ้นในบริษัทอื่น (M&A) ภายในประเทศจีนยังคงมาแรงในปีนี้ ส่งผลให้ทางการต้องแต่งตั้งคณะกรรมการควบคุมดูแลกิจกรรมนี้โดยเฉพาะ
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมของจีนเป็นปัจจัยส่งเสริมตลาดM&Aให้คึกคัก ขณะเดียวกันบริษัทต่างๆ ก็กำลังมองหาช่องทางปรับโครงสร้าง, ขยายกิจการ และพัฒนาตลาดใหม่ นอกจากนั้น ตลาดหุ้น,กองทุนที่กระจายการลงทุนในต่างประเทศ และการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร ยังเป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดสภาพคล่องอย่างเพียงพอ ที่จะทำให้มีเงินสำหรับทำข้อตกลงM&A
จากรายงานของบริษัทหลักทรัพย์ท้องถิ่นหงหยวนเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ระบุประเภทอุตสาหกรรมในจีน ที่คาดว่าจะได้เห็นการทำข้อตกลงผนวกกิจการและเข้าถือหุ้นกันมากขึ้นในปี 2551 เช่น อุตสาหกรรมผลิตเหล็กกล้า,ปูนซีเมนต์ และอุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์ โดยการควบรวมกิจการจะป็นการสอดคล้องกับนโยบายลดมลพิษและประหยัดพลังงานของรัฐบาล
นอกจากนั้น รายงานยังได้ลำดับประเภทอุตสาหกรรม ที่จำเป็นต้องทำข้อตกลง M&Aเพื่อส่งเสริมการแข่งขัน โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ ได้แก่อุตสาหกรรมไอที, การผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และธุรกิจค้าปลีก
อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศก็ได้รับการแนะนำให้มีการผนวกกิจการและเข้าถือหุ้นเพิ่มมากขึ้นในปีนี้เช่นกัน ด้านคณะกรรมาธิการฝ่ายอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี่วิทยาศาสตร์ เพื่อกำหนดแนวทางสำหรับการป้องกันแห่งชาติ ระบุเมื่อปีที่แล้วว่า จะมีการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ และนำเข้าตลาดหลักทรัพย์
ตามข้อมูลของไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส (PwC) ระบุว่า การทำข้อตกลง M&A (ไม่รวมการทำข้อตกลงนอกประเทศ) ในช่วง11เดือนแรกของปีที่แล้ว มีปริมาณเพิ่มร้อยละ 18 โดยมีการทำข้อตกลงจำนวนกว่า 1,700 ฉบับ และมีมูลค่าเพิ่มร้อยละ25 เป็นมูลค่ากว่า 80,000 ล้านดอลลาร์ ภาคการเงิน, อสังหาริมทรัพย์,การผลิต และการทำเหมืองแร่ มีการขยายการทำ M&Aอย่างแข็งแกร่งที่สุดในปีที่แล้ว
ด้านคณะกรรมการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) เมื่อปลายเดือนก.พ. ได้ประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการสำหรับตรวจสอบดูแลการทำ M&Aของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อสร้างความโปร่งใสและคุณภาพในการทำM&A เนื่องจากการโยกย้ายสินทรัพย์จากกิจกรรมนี้กำลังมีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้นในตลาดเงินของจีน
ทั้งนี้ เม็ดเงินทั้งสิ้น 10,300 ล้านดอลลาร์ ถูกอัดฉีดในบริษัทจีนที่อยู่ในตลาดหุ้นจากการทำM&Aในปีที่แล้ว
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมของจีนเป็นปัจจัยส่งเสริมตลาดM&Aให้คึกคัก ขณะเดียวกันบริษัทต่างๆ ก็กำลังมองหาช่องทางปรับโครงสร้าง, ขยายกิจการ และพัฒนาตลาดใหม่ นอกจากนั้น ตลาดหุ้น,กองทุนที่กระจายการลงทุนในต่างประเทศ และการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร ยังเป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดสภาพคล่องอย่างเพียงพอ ที่จะทำให้มีเงินสำหรับทำข้อตกลงM&A
จากรายงานของบริษัทหลักทรัพย์ท้องถิ่นหงหยวนเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ระบุประเภทอุตสาหกรรมในจีน ที่คาดว่าจะได้เห็นการทำข้อตกลงผนวกกิจการและเข้าถือหุ้นกันมากขึ้นในปี 2551 เช่น อุตสาหกรรมผลิตเหล็กกล้า,ปูนซีเมนต์ และอุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์ โดยการควบรวมกิจการจะป็นการสอดคล้องกับนโยบายลดมลพิษและประหยัดพลังงานของรัฐบาล
นอกจากนั้น รายงานยังได้ลำดับประเภทอุตสาหกรรม ที่จำเป็นต้องทำข้อตกลง M&Aเพื่อส่งเสริมการแข่งขัน โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ ได้แก่อุตสาหกรรมไอที, การผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และธุรกิจค้าปลีก
อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศก็ได้รับการแนะนำให้มีการผนวกกิจการและเข้าถือหุ้นเพิ่มมากขึ้นในปีนี้เช่นกัน ด้านคณะกรรมาธิการฝ่ายอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี่วิทยาศาสตร์ เพื่อกำหนดแนวทางสำหรับการป้องกันแห่งชาติ ระบุเมื่อปีที่แล้วว่า จะมีการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ และนำเข้าตลาดหลักทรัพย์
ตามข้อมูลของไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส (PwC) ระบุว่า การทำข้อตกลง M&A (ไม่รวมการทำข้อตกลงนอกประเทศ) ในช่วง11เดือนแรกของปีที่แล้ว มีปริมาณเพิ่มร้อยละ 18 โดยมีการทำข้อตกลงจำนวนกว่า 1,700 ฉบับ และมีมูลค่าเพิ่มร้อยละ25 เป็นมูลค่ากว่า 80,000 ล้านดอลลาร์ ภาคการเงิน, อสังหาริมทรัพย์,การผลิต และการทำเหมืองแร่ มีการขยายการทำ M&Aอย่างแข็งแกร่งที่สุดในปีที่แล้ว
ด้านคณะกรรมการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) เมื่อปลายเดือนก.พ. ได้ประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการสำหรับตรวจสอบดูแลการทำ M&Aของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อสร้างความโปร่งใสและคุณภาพในการทำM&A เนื่องจากการโยกย้ายสินทรัพย์จากกิจกรรมนี้กำลังมีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้นในตลาดเงินของจีน
ทั้งนี้ เม็ดเงินทั้งสิ้น 10,300 ล้านดอลลาร์ ถูกอัดฉีดในบริษัทจีนที่อยู่ในตลาดหุ้นจากการทำM&Aในปีที่แล้ว