ไชน่าเดลี่/เอเอฟพี-พายุหิมะครั้งรุนแรงสุดในรอบ 50 ปี ที่พัดถล่มจีนตั้งแต่วันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ทำอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจีนสูญรายได้หลายพันล้านหยวน และต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะฟื้นตัวสู่สภาพปรกติ เส้าฉีเหว่ย หัวหน้าสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติ(ซีเอ็นทีเอ)กล่าวเมื่อวันศุกร์(22 ก.พ.)
พายุหิมะและสภาพอากาศหนาวเย็นรุนแรง ทำให้เครือข่ายขนส่งและเสาไฟฟ้าแรงสูงทางภาคใต้ของจีน ซึ่งเป็นบริเวณที่ได้รับผลกระทบหนักสุด ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ขณะที่สถานที่ท่องเที่ยวมากกว่า 1,600 แห่งต้องงดการให้บริการ และพื้นที่ป่าไม้ที่มีอยู่มหาศาล,อุทยาน,แหล่งสันทนาการ รวมถึงบริการสาธารณะอื่นๆสำหรับนักท่องเที่ยวถูกทำลายยับเยิน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวอย่างน้อย 300,000 ราย ซึ่งรวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 60,000 ราย ยกเลิกกำหนดการท่องเที่ยวในจีน
ความเสียหายดังกล่าว ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจีนอย่างหนัก ประเมินมูลค่าความเสียหายเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์อยู่ที่ 6,970 พันล้านหยวน เส้ากล่าว
ทั้งนี้ ในบรรดามณฑล 19 แห่งที่ได้รับผลกระทบ มณฑลกุ้ยโจวและหูหนันเป็นบริเวณที่ได้รับผลกระทบหนักสุด โดยรายได้การท่องเที่ยวในกุ้ยโจว ในช่วงวันหยุดยาววันตรุษจีนลดลงถึง 63% ขณะที่หูหนันลดลง 31%จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
เส้ากล่าวว่า แม้ว่าเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและบริษัทท่องเที่ยวจะเริ่มงานฟื้นฟูในด้านต่างๆแล้ว แต่ผลกระทบต่อตลาดท่องเที่ยวอาจยาวนานกว่าที่คาด เนื่องจากมีปัจจัยมากมายที่จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัว รวมถึงความมั่นใจของนักท่องเที่ยวด้วย ซึ่งสำนักงานฯจะเร่งกระตุ้นตลาดผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขายและโฆษณาทั้งในประเทศและประเทศข้างเคียงอย่าง ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์เป่ยจิง นิวส์รายงานเมื่อวันอาทิตย์(24 ก.พ.)โดยอ้างคำกล่าวของหลีหลี่กั่ว รองรัฐมนตรีกระทรวงกิจการพลเรือน ระบุตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดจากภัยธรรมชาติครั้งนี้อยู่ที่ 129 ราย ยังคงสูญหาย 4 ราย และประชาชนถูกอพยพออกนอกพื้นที่ทั้งสิ้น 1.7 ล้านคน บ้านเรือนเสียหาย 485,000 หลังคาเรือน ขณะที่ ความเสียหายทางเศรษฐกิจทั้งหมดอยู่ที่ราว 151,700 ล้านหยวน.