ในสมัยอดีตกาล รัฐฉี่(สมัยโจว ปัจจุบันอยู่ในมณฑลหูหนาน) มีชายผู้หนึ่งเป็นคนขี้ขลาดตาขาว และสติไม่ค่อยสมประกอบ เขามักจะขบคิดอยู่กับปัญหาแปลกประหลาด และเป็นปัญหาที่เมื่อเอาไปถามใครก็ทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่าเป็นคำถามที่ไร้สาระ หาแก่นสารไม่ได้
อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อเขารับประทานอาหารค่ำเสร็จแล้ว ก็ถือพัดออกไปนั่งอยู่ที่หน้าประตูบ้าน และรำพึงรำพันกับตัวเองว่า
"ถ้าวันใดวันหนึ่ง ฟ้าถล่มลงมา แล้วเราจะทำยังไงดีนะ จะหนีก็คงหนีไม่ทัน ต้องโดนฟ้าทับตายอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่แน่ๆ"
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาก็เอาแต่วิตกกังวลอยู่กับปัญหานี้ เพื่อนฝูงเมื่อเห็นว่าสติเขาเริ่มฟั่นเฟือนลงไปทุกวันๆ หน้าตาก็เศร้าหมองอมทุกข์ ก็ต่างเป็นห่วงเป็นใย และช่วยกันเตือนสติชายผู้นี้ว่า
"เพื่อน ท่านอย่างมานั่งวิตกกังวลกับปัญหาแบบนี้เลย ท้องฟ้าไม่มีทางถล่มลงมาหรอก หรือถ้าสมมติว่าฟ้าถล่มลงมาจริง ก็ไม่ใช่เรื่องที่ท่านเพียงคนเดียวมาขบคิดวิเคราะห์แล้วสามารถแก้ไขได้ เพราะใต้ฟ้าก็ไม่ได้มีท่านเพียงคนเดียว ปล่อยวางเสียเถอะ"
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครจะตักเตือนหรือปลอบใจอย่างไร ชายชาวเมืองฉี่ผู้นี้ก็ไม่เชื่อ ยังคงวิตกกังวลกับปัญหานี้ต่อไป
ต่อมา คนยุคหลังได้นำเรื่องเล่านี้มาตั้งเป็นสุภาษิต ฉี่เหรินโยวเทียน แปลตรงตัวคือ คนเมืองฉี่กังวลต่อฟ้า โดยในเรื่องคือคนเมืองฉี่กลัวฟ้าถล่ม ใช้เปรียบเทียบผู้ที่มัววิตกกังวลอยู่กับเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ หรือเรื่องที่ไม่มีที่มาที่ไป ไร้สาระ