เป็นอมตะนิยายอีกเรื่องของจีนที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างมาก สำหรับวรรณกรรมคลาสสิกสมัยราชวงศ์ชิงเรื่อง “ความฝันในหอแดง” (红楼梦) ด้วยเนื้อหาที่สะท้อนสังคมสมัยราชวงศ์ชิงในหลายมุมมอง ความเสื่อมโทรมของสังคมศักดินา และถูกนำมาปัดฝุ่นสร้างใหม่หลายต่อหลายครั้ง
ในช่วงปีที่ผ่านมาทาง จีนได้ตัดสินใจรื้อวรรณกรรมเก่าเรื่องนี้มาสร้างเป็นละครฟอร์มยักษ์ โดยให้หลี่เส้าหงรับหน้าที่กำกับ และมีการประกวดคัดตัวหนุ่ม-สาวที่จะมารับบทเด่นของเรื่องได้แก่ “เจี๋ยเป่าอี้ว์” “เป่าไช” และ “หลินไต้อี้ว์” โดยเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้วได้มีการประกวดรอบตัดสิน ผลปรากฏว่า หลี่ซี่ว์ตัน เป็นผู้ชนะเลิศในกลุ่มผู้ประกวดชิงบทหลินไต้อี้ว์ ขณะที่ เหยาตี๋ ได้ชนะเลิศบทเป่าไช โดยมีไป๋ปิงได้อันดับ 3 ส่วนบทพระเอกของเรื่อง “เจี๋ยเป่าอี้ว์” ยังไม่มีหนุ่มคนไหนเข้าตากรรมการสักคน
ถึงแม้จะได้ผู้ชนะเลิศของแต่ละกลุ่มแล้วก็ตาม แต่กระแสข่าวเกี่ยวกับผู้ที่จะมารับบทหลินไต้อี้ว์และเป่าไชยังคงสับสนมาก
จนล่าสุดหลี่เส้าหงผู้กำกับของเรื่องได้ออกมาแถลงข่าวฟันธงให้ เหยาตี๋ ผู้ชนะเลิศบทเป่าไชมารับบทเป็นหลินไต้อี้ว์ นางเอกสุดอาภัพของเรื่อง ส่วน ไป๋ปิง อันดับ 3 ก็ได้รับบทเป่าไชสมใจ
ซึ่งในกรณีของไป๋ปิงนี้ มีข่าวลือแพร่ออกมาหลังจากนั้นว่า การที่เธอได้รับเลือกให้แสดงเป็นเป่าไชนั้น เป็นเรื่องที่ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะว่าเธอมีเส้นใหญ่ ได้พี่เบิ้มของวงการบันเทิงคอยดูแลให้ความช่วยเหลือ ว่ากันว่าเส้นก๋วยจับที่กล่าวถึงนี้ก็คือเจ้าของตำรับฟัด เฉินหลง นั่นเอง
แหล่งข่าววงในไม่ขอระบุชื่อกล่าวว่า “เพราะหน้าตาของไป๋ปิงไปคล้ายคลึงกับนางเอกเกาหลี “คิมฮีซุน” จึงไปเตะตาพี่ใหญ่ของวงการบันเทิงฮ่องกงคนหนึ่งเข้า ต่อมาไป๋ปิงก็แอบหนีกองละครเดินทางไปฮ่องกงเพื่อไปคุยกับพี่เบิ้มคนที่ว่านี้ 2 วันจึงกลับมาปักกิ่ง” แหล่งข่าวเล่าต่อว่า หลังจากกลับมาจากเดิมที่ไม่มีใครรู้จักไป๋ปิง สถานการณ์กลับเปลี่ยนไปหน้ามือเป็นหลังมือ เริ่มจากได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัด EEG และได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง “อ้ายฉิงฮูเจี้ยวจ่วนอี๋” 《爱情呼叫转移》ขณะที่ในการแข่งขันชิงบทเป่าไชนั้น ก็มีตัวเก็งอยู่หลายคน แต่สุดท้ายไป๋ปิงก็ลอยลำเข้าเส้นชัย
ส่วนพี่เบิ้มที่ว่าเป็นใครนั้นแหล่งข่าวไม่ยอมเปิดเผย แต่เมื่อพิจารณาจากข้อมูลที่ว่า เมื่อครั้งที่ผู้เข้าประกวดชิงบทนำความฝันในหอแดงไปร่วมกิจกรรมกับบริษัท EEG ของฮ่องกง ในคืนวันนั้นเฉินหลงก็ไปร่วมงานด้วย อีกทั้งไป๋ปิงยังเคยให้สัมภาษณ์ว่า “พี่เฉินหลงเป็นคนเรียกฉันว่า คิมฮีซุนน้อย เป็นคนแรก” จากข้อมูลเหล่านี้จึงทำให้สื่อจีนคาดการณ์ว่าพี่เบิ้มคนที่ว่านี้เป็นไปได้มากว่าจะเป็นเฉินหลง
