ผู้จัดการออนไลน์—คงไม่มีกรณีไหนในรอบปีนี้ ที่สะท้อนปัญหาฉกรรจ์ของแผ่นดินจีน ได้ดีเท่ากับ "กรณีหลอกลวงแห่งชาติ" ที่บริษัทอี่ลี่เสินต้มตุ่นเกษตรกรนับล้านคนที่มณฑลเหลียวหนิง ปัญหาฉกรรจ์ที่กำลังเขย่าบัลลังก์อำนาจพรรคคอมมิวนิสต์จีน ไม่ว่าจะเป็น เรื่องคอรัปชั่น ระบบสายสัมพันธ์ระหว่างพวกพ้อง ชาวบ้านผู้ยากไร้ที่ตกเป็นเหยื่อตลอดกาล และการปิดปากสื่อ
รัฐบาลจีนไล่ลบ คำ “อี่ลี่เสิน” ออกจากสื่ออย่างเกลี้ยงเกลา “อี่ลี่เสิน” (蚁力神)ได้กลายเป็นคำต้องห้าม มีความอ่อนไหวเทียบเท่ากับ คำว่า “ลิ่วซื่อ” (六四 หมายถึงวันที่ 4 มิถุนายน 1989 วันที่กองทัพจีนได้นำกำลังเข้าปราบนักศึกษาและผู้สนับสนุนประชาธิปไตยที่จัตุรัสเทียนอันเหมินอย่างนองเลือด)และ “ฝ่าหลุนกง” (法轮功ที่จีนประกาศเป็นลัทธินอกกฎหมาย หลังจากที่ท้าทายอำนาจรัฐหน้าที่ทำการรัฐบาลที่หนันจงไห่)
8 ปี แห่งการต้มตุ่นเกษตรกรนับล้านใต้จมูกผู้นำใหญ่
บริษัทอี่ลี่เสิน (Power Ant) ก่อตั้งเมื่อปี 1989 ที่เหลียวหนิง ซึ่งเป็นมณฑลศูนย์กลางการค้าการลงทุนใหญ่แห่งภาคอิสานจีน อี่ลี่เสิน ซึ่งมีความหมายว่าพลังมดนั้น ผลิตยาเสริมสมรรถภาพทางเพศหรือยาโป๊ที่มีส่วนผสมจากมด ในปี 1999 อี่ลี่เสินชักชวนเกษตรกรเข้าร่วมโครงการเลี้ยงมด และโฆษณาให้ค่าตอบแทนงาม จนอี่ลี่เสินระดมเงินจากค่าประกันและค่ามัดจำของประชาชนนับล้านมา ไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านหยวน ดำเนินกระบวนการใช้จ่ายเงินอย่างมั่วสั่ว เข้าข่ายผิดกฎหมาย
ระหว่างปี 2005 อี่ลี่เซินได้ผุดบริษัทในเครือใหม่ 4 บริษัท ทำธุรกิจด้านการจัดจำหน่าย, โฆษณา, การค้า, และอสังหาริมทรัพย์ และยังได้ขยายร้านจัดจำหน่ายสินค้าของตนมากกว่า 300 แห่งทั่วประเทศจีน
ในปี 2006 อี่ลี่เสิน ได้รับรางวัลเพียบ อาทิ รางวัลผู้ส่งเสริมการกุศลดีเด่นแห่งเสิ่นหยาง เหรียญประกาศเกียรติคุณเครื่องหมายการค้าแห่งชาติที่ทรงคุณภาพน่าเชื่อถือ, รางวัลผู้นำด้านอุตสาหกรรมและวิสาหกิจแห่งชาติประจำปี 2006 นอกจากนี้ อี่ลี่เสิน ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการขายตรงแม้แต่น้อยนิด ก็คว้าใบอนุญาตการขายตรง ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจากจีนไม่ค่อยไฟเขียวใบอนุญาตขายตรงให้ใครง่ายๆ
อี่ลี่เสินมีสัมพันธ์แนบแน่นกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของมณฑล และบรรดาผู้นำสูงสุดในเสิ่นหยางเมืองเอกของมณฑลก็ได้สนับสนุนโครงการของอี่ลี่เสินอย่างเต็มที่ หวัง เฟิ่งโหยวกรรมการผู้จัดการใหญ่อี่ลี่เสิน ยังรู้จักมักจี่กับผู้ว่ามณฑลขณะนั้นคือนายป๋อซีไหล องค์ประกอบทั้งหมดสร้างความน่าเชื่อถือแก่โครงการ จนเกิดกระแสบ้าคลั่งเลี้ยงมดของเกษตรกรนับล้าน ที่ถึงกับทุบกระปุกเทเงินเกลี้ยงกระเป๋าให้กับงานนี้ ทั้งนี้ นายป๋อซีไหลกินตำแหน่งผู้นำระดับสูงสุดในต้าเหลียนเมืองท่าใหญ่ของเหลียวหนิงมาตั้งแต่ปี 1984 และขึ้นเป็นผู้ว่ามณฑลฯระหว่างปี 2001-2004 ต่อมา กลายเป็นรัฐมนตรีพาณิชย์จีน (2004-2007)
เหตุการณ์ต้มตุ่นประชาชนครั้งใหญ่ ที่กินเวลานานถึง 8 ปีนี้ ยังอุบัติขึ้นใต้จมูกของผู้นำที่กำลังทะยานโลดเป็นดาวรุ่งบนเวทีอำนาจปกครองของประเทศคือ นายหลี่ เค่อเฉียง ซึ่งขณะนั้น กินตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเหลียวหนิง (2004-2007)
เกษตรกรเลี้ยงมด ที่ไม่ได้เงินต้นคืนตามกำหนดในวันที่ 11 ตุลาคม เริ่มระส่ำ หวั่นผวา จิตใจรุ่มร้อน ดั่งสำนวนจีน "ดั่งมดในหม้อน้ำที่กำลังเดือดพล่าน" นี่คือความรู้สึกของกลุ่มคนเลี้ยงมด ที่เขียนระบายในจดหมาย
หลังจากที่นายหลี่เค่อเฉียงเข้าปักกิ่งได้ 1 เดือน รับตำแหน่งใหม่ในอำนาจสูงสุดของจีนคือคณะกรรมการกรมการเมืองประจำแห่งคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคฯเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อี่ลี่เสินก็ล่มสลาย
กองทัพคนเลี้ยงมดตกวิ่งแจ้นไปยังสำนักงานอี่ลี่เสิน ก็พบแต่ห้องร้าง ครั้นแบกหน้าไปหาเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ได้เพียงคำตอบว่า รัฐบาลไม่แทรกแซงกิจการของอี่ลี่เสิน และความขัดแย้งเรื่องเงินๆทองๆระหว่างอี่ลี่เสินกับเกษตรเลี้ยงมด ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับรัฐบาลด้วย
เกษตรกรนับหมื่นสุดทนหลั่งไหลออกมาตามท้องถนนในเสิ่นหยางท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ-12 องศาเซียลเซส เพื่อทวงเงินจากหยาดเหงื่อเม็ดเลือดของตน ศึกประท้วงใหญ่ระเบิดขึ้น เสิ่นหยางระดมเจ้าหน้าที่นับพันเข้ารับมือ จนเกิดการปะทะเป็นระยะๆ เจ้าหน้าที่ฉีดน้ำเข้าสลายการชุมนุมประท้วง ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บที่อาจคร่าชีวิต
The Epoch Times สื่อต่อต้านรัฐบาลจีนถึงกับรายงานว่า มีชาวนาสิ้นหวัง 18 คน อัตวินิบาตกรรมหนีชะตากรรมสิ้นเนื้อประดาตัวครั้งนี้
ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ศาลประชาชนชั้นกลางจีนได้ยอมรับการยื่นขอล้มละลาย ที่อี่ลี่เสิน เป็นผู้ยื่นขอ และไม่มีใครรู้ชะตากรรมของเกษตรกรนับล้าน ที่เป็นเหยื่อต้มตุ่นครั้งใหญ่นี้ ขณะที่จีนไล่กวาดล้างสื่อที่ออกข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างหมดจด
คงเห็นกันแล้วว่า ทำไม คำว่า อี่ลี่เสิน จึงอ่อนไหวเทียบเท่า “ลิ่วซื่อ” และ “ฝ่าหลุนกง”.