xs
xsm
sm
md
lg

นร.ทุน ODOS บนเส้นทางหมอยาจีนและโครงการคืนกำไรสู่สังคม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แน่นอนว่าทุกชีวิตบนโลกใบนี้ ต่างไม่สามารถเลือกเกิดได้ตามที่ใจปรารถนา มิเช่นนั้นคงไม่มีคนรวย ไม่มีคนจน ไม่มีสังคมไฮโซ ไม่มีชุมชนสลัม

แม้ว่าจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ ย่อมสามารถเลือกได้ว่าจะดำเนินชีวิตไปอย่างไร เลือกใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีค่าหรือใช้ชีวิตอย่างคนไร้จุดหมาย เลือกได้ว่าจะทำประโยชน์ให้สังคมหรือเลือกดำเนินชีวิตแต่เพื่อประโยชน์ส่วนตน และแน่นอน...เลือกได้ว่าจะเป็นคนดี เช่นเดียวกับเขาผู้นี้ “อรุณ สร้างโพธิ์” นักเรียนทุนในโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุนและเพื่อนๆ ของเขา

อรุณ สร้างโพธิ์(นิค) ประธานกลุ่มนักเรียนทุน ODOS ประเทศจีน และชมรมสานสัมพันธ์
อรุณ สร้างโพธิ์ หรือ นิค ขณะนี้ศึกษาอยู่ชั้นปีที่สองคณะเภสัชสมุนไพร มหาวิทยาลัยแพทย์จีน เมื่อปี 2547 ได้รับทุนรัฐบาล ในโครงการทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่นหรือชื่อเดิมก็คือโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน (ODOS หรือ One District One Scholarship) เป็นคนอำเภอร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อมาศึกษาต่อที่กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน นับถึงปัจจุบันก็เดินทางมาอยู่ที่ประเทศจีนได้ราว 3 ปีครึ่งแล้ว
 
“ตอนมาถึงปีแรกผมเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง (北京语言大学) ก่อน ต่อมาจึงย้ายมาเรียนเตรียมภาษาด้านการแพทย์ที่มหาวิทยาลัยแพทย์จีนปักกิ่ง (北京中医药大学) เป็นเวลาหนึ่งปี จากนั้นในปี 2549 ก็ย้ายเข้ามาเรียนที่คณะเภสัชสมุนไพร” นิคแนะนำตัวกับผู้จัดการออนไลน์สั้นๆ

จากนั้นนิคเล่าให้เราฟังถึงรายละเอียดของมหาวิทยาลัยแพทย์จีนที่ตนเองได้รับทุนเพื่อศึกษาต่อว่า ปัจจุบันสาขาที่มหาวิทยาลัยแพทย์จีนเปิดให้ชาวต่างชาติเข้าเรียนนั้นมีคณะแพทย์จีน คณะฝังเข็ม และคณะเภสัชสมุนไพร (中药) โดยขณะนี้ในมหาวิทยาลัยมีชาวต่างชาติศึกษาอยู่ประมาณ 300 คน ซึ่งส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ที่คณะแพทย์จีนและคณะฝังเข็ม ส่วนคณะเภสัชฯ นั้นปัจจุบันมีชาวต่างชาติศึกษาอยู่ราว 4 คน ทั้งนี้ในจำนวนนักศึกษาต่างชาติของมหาวิทยาลัยแพทย์จีนปักกิ่งนั้นจะมีนักศึกษาชาวเกาหลีมากที่สุดคือประมาณ 200 คน รองลงมาก็คือชาวอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ส่วนคนไทยนั้นปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 20 คน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในคณะแพทย์จีน

สำหรับนักเรียนทุนในโครงการทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่นนั้นนิคกล่าวว่า ปัจจุบันที่มหาวิทยาลัยแพทย์จีนนั้นมีเพื่อนๆ นักเรียนทุนรุ่นเดียวกันกับเขาเรียนอยู่ด้วยกันทั้งหมด 13 คน

ในแง่ของความแตกต่างระหว่างการศึกษาด้านเภสัชศาสตร์ในประเทศจีนและประเทศจีนนั้นนิคเล่าว่า ในส่วนของวิชาหลักๆ นั้นมีการเรียนคล้ายๆ กันเนื่องจาก การเรียนสาขาเภสัชสมุนไพรในประเทศจีนก็จำเป็นต้องต้องเรียนคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยาเป็นพื้นฐานเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามเภสัชสมุนไพรจะมีวิชาเฉพาะทางเช่นสมุนไพรจีนเพิ่มเข้ามา นอกจากนี้การเรียนทั้งหมดเป็นภาษาจีนเพราะในการเรียนจำเป็นต้องทำความรู้จักกับสมุนไพรจีนจำนวนมาก ซึ่งสมุนไพรตัวหลักๆ นั้นเมืองไทยก็พอจะมีอยู่บ้าง โดยการเรียนเกี่ยวกับสมุนไพรจีนจะเน้นศึกษาถึงคุณสมบัติของสมุนไพรเป็นส่วนใหญ่

นิคกล่าวยอมรับว่าการเรียนเภสัชศาสตร์ในประเทศจีนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยอุปสรรคหลักก็คือต้องใช้ภาษาจีนในการเรียนทั้งหมด ซึ่งในฐานะที่ตนเองเป็นนักศึกษาต่างชาติจึงค่อนข้างเสียเปรียบทางด้านภาษา นอกจากนี้ภาษาและศัพท์ทางวิชาการทางการแพทย์แผนจีนที่ใช้ในการเรียนก็ยังมีความแตกต่างกับภาษาจีนที่ใช้ในชีวิตประจำวัน หรือที่เรียนตามโรงเรียนภาษาอย่างมากด้วย

“อย่างไรก็ตามในวิชาเฉพาะทางอาจารย์จะไม่มีการเน้นเรื่องไวยกรณ์ นักศึกษาสามารถใช้ภาษายังไงก็ได้ แต่ให้เป็นคำตอบที่ถูกต้องก็ใช้ได้แล้ว อาจารย์เขาจะไม่เน้นรายละเอียดเรื่องภาษาเท่าไรนัก”

ด้วยความยากของสาขาวิชาที่เรียนนี้เอง ทำให้เพื่อนชาวต่างชาติของอรุณหลายคนตัดสินใจย้ายไปเรียนยังภาควิชาอื่น ส่งผลให้ปัจจุบันในชั้นเรียนของเขา นอกจากชาวจีนแล้ว ชาวต่างชาติเหลือเพียง 4 คนและเป็นคนไทยทั้งหมด

เมื่อถามถึงแผนการในอนาคตเมื่ออรุณศึกษาจบในสาขาเภสัชสมุนไพรจากประเทศจีนแล้ว ซึ่งอรุณได้ฝากความหวังไว้กับรัฐบาลไทยว่าจะช่วยผลักดันให้มีการรับรองให้สาขาวิชาเภสัชสมุนไพรมีวิทยฐานะเทียบเท่ากับเภสัชศาสตร์ของตะวันตก

“ทราบข่าวมาว่าทางคณะกรรมการข้าราชาการพลเรือน (กพ.) ผู้ให้ทุนมากำลังติดต่ออยู่กับคณะเภสัชศาสตร์ที่เมืองไทยว่า จะมีการรองรับคณะนี้เทียบเท่ากับคณะเภสัชศาสตร์ในแบบตะวันตกหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ก็รอคำตอบอยู่” นิคบอกกับเรา
ทั้งนี้นอกจากจะเป็นนักเรียนทุนแล้ว ในอีกสถานะหนึ่งอรุณหรือนิคยังมีตำแหน่งเป็นประธานกลุ่มนักเรียนทุนในโครงการทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่นที่ปัจจุบันทั้งหมดมีเยาวชนที่ได้รับทุนมาศึกษาต่อที่ประเทศจีนจำนวน 2 รุ่น จำนวน 197 คน กระจายไปตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศจีน เช่น ปักกิ่ง (97 คน) เทียนจิน (10 คน) เซี่ยงไฮ้ (60 คน) คุนหมิง (7 คน) เซี่ยเหมิน (14 คน)

ทั้งนี้หน้าที่ของนิคในฐานะประธานกลุ่มนักเรียนทุนฯ ก็คือ เป็นผู้ประสานงาน เชื่อมโยงนักเรียนทุนในโครงการนี้ที่ศึกษาอยู่ทั่วประเทศจีนเกือบ 200 คนเข้าด้วยกัน และยังช่วยเหลือในกิจกรรมต่างๆ ของทางภาครัฐ

ชมรมสานสัมพันธ์

ในฐานะประธานกลุ่มนักเรียนทุนในโครงการทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่นอรุณเล่าให้เราฟังว่าตั้งแต่กลางปี 2550 ที่ผ่านมานักเรียนทุนในโครงการทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่นได้มีการิเริ่มชมรมชื่อว่า “สานสัมพันธ์” ขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อดำเนินกิจกรรมให้ความช่วยเหลือแก่โรงเรียนในถิ่นทุรกันดารในประเทศไทย โดยรูปแบบของการให้อุปกรณ์การเรียน หนังสือและอุปกรณ์กีฬาต่างๆ แก่โรงเรียนและนักเรียนที่ขาดแคลน โดยการใช้เวลาในช่วงปิดภาคเรียนดำเนินกิจกรรม
เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านน้ำปลามุง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
“ชมรมนี้เกิดขึ้นเริ่มแรกจากความคิดของเพื่อนๆ ในกลุ่มประมาณ 5-6 คน ที่อยากจะร่วมกันทำกิจกรรมด้วยกัน โดยกิจกรรมดังกล่าวนั้นเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อสังคม โดยในขณะนี้ผู้เข้าร่วมชมรมสานสัมพันธ์ก็ได้ขยายไปทั่วประเทศจีนในทุกเมืองที่มีนักเรียนทุนโครงการทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ซึ่งก็เป็นการติดต่อผ่านเพื่อนๆ นักเรียนทุนไป” อรุณบอกกับเรา

โดยในขณะนี้ ชมรมสานสัมพันธ์กำลังมีโครงการช่วยเหลือโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร 2 โครงการด้วยกันคือ โครงการสานสัมพันธ์ สานฝันเพื่อน้อง 1 ณ โรงเรียนบ้านน้ำปลามุง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ โครงการ สานสัมพันธ์ สานฝันเพื่อน้อง 2 ณ โรงเรียนบ้านองหลุ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการในช่วงเดือน มกราคมถึงกุมภาพันธ์ 2551 นี้ ( รายละเอียดโครงการฯ)

สำหรับหลักในการคัดเลือกโรงเรียนที่จะเข้าไปช่วยเหลือนั้น อรุณชี้แจงว่าการคัดเลือกโรงเรียนมาจากการที่สมาชิกในกลุ่มเสนอชื่อขึ้นมาแล้วก็เดินทางไปสำรวจ ซึ่งโรงเรียนทั้งหมดนี้ทางชมรมได้ไปสำรวจมาหมดแล้ว
เส้นทางสู่โรงเรียนบ้านองหลุ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
“ขณะนี้มีการกำหนดระยะเวลาของโครงการเอาไว้ว่าจะอยู่ในช่วงปิดเทอมภาคฤดูหนาว ปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนเงินและของที่จะนำไปบริจาคนั้นปัจจุบันส่วนใหญ่มาจากนักศึกษาและบริษัทห้างร้านต่างๆ ที่อยู่ในประเทศจีน แต่ถ้าหากมีผู้สนใจที่จะบริจาคเพิ่มเติมเราก็ยินดีอย่างยิ่ง หรือถ้าใครมีของที่จะนำมาบริจาคก็สามารถจะติดต่อกับเราได้ทั้งทางอีเมล์ และทางโทรศัพท์” นิคบอกกับเรา

“สิ่งที่เราต้องการรับบริจาคอยู่ในตอนนี้ก็อย่างเช่น อุปกรณ์การเรียน หนังสือเรียนในระดับชั้นประถมศึกษา อุปกรณ์กีฬา สื่อการเรียน เสื้อกันหนาว ทั้งนี้ก็รวมถึงเครื่องอุปโภคบริโภคด้วย เนื่องจากโรงเรียนบ้านองหลุ ที่จ.กาญจนบุรีนั้นมีน้องๆ ชาวกะเหรี่ยงมาพักอยู่ที่โรงเรียนด้วย ซึ่งเขาก็ขาดแคลนเรื่องอาหารและเครื่องอุปโภคบริโภคอยู่ด้วย”

“ณ ปัจจุบันเรามีการกำหนดแล้วว่าจะไปทำโครงการในช่วงวันที่ 31 มกราคม ถึง 9 กุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งตอนนี้ได้ผู้เข้าร่วมเดินทางไปแล้วประมาณ 40 คน ซึ่งก็มีทั้งสมาชิกที่เมืองจีนและเมืองไทย โดยมีทั้งนักเรียนทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น และเพื่อนๆ ด้วย อย่างไรก็ตามเราไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นนักเรียนทุน ใครๆ ก็ไปได้”

บริจาคเงินสนับสนุนโครงการได้ที่
ธนาคาร ออมสิน สาขา ทำเนียบรัฐบาล
ชื่อบัญชี นายอรุณ สร้างโพธิ์ (ชมรม สานสัมพันธ์)
เลขที่บัญชี 00-0025-20-022104-6

เว็บบอร์ดของชมรมสานสัมพันธ์
www.odoschina.com/relationship
E-mail : tra-2007@hotmail.com

กำลังโหลดความคิดเห็น