ซินหัวเน็ต - ศูนย์บริการตรวจสอบหมายเลขประจำตัวประชาชน สังกัดกระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์ (เอ็มพีเอส)ได้เปิดเผยถึงสถิติล่าสุดเกี่ยวกับการใช้ชื่อสกุลของชาวจีนชนชาติฮั่น โดยชื่อที่นิยมยังคงเป็นแบบ 2 และ 3 พยางค์ แต่ชื่อสกุลที่ยาวที่สุดมีถึง 15 พยางค์
จากสถิติของศูนย์ฯ เผยว่า ปัจจุบันชาวฮั่นในจีนทั่วประเทศที่ใช้ชื่อกับสกุลรวมกัน 2 พยางค์มีจำนวน 160 ล้านคน หรือร้อยละ 14. 22 ของชาวฮั่นทั่วประเทศ เนื่องจากชื่อแบบ 2 พยางค์นั้นได้ใจความและกะทัดรัด จึงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย แต่ทว่าชื่อบวกสกุลแบบ 2 พยางค์ ได้เกิดปัญหา “ชื่อซ้ำ” ในสัดส่วนค่อนข้างสูง ดังนั้นประชาชนจำนวนมากจึงหันมานิยมใช้ชื่อสกุลแบบ 3 พยางค์กันมากขึ้น หรือใช้ตัวอักษรที่มากกว่านั้นมาขยายความให้แต่งต่างจากคนอื่น เพื่อลดปัญหา “ชื่อซ้ำ” ที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง ขณะนี้มีประชาชนกว่า 1 พันล้านคนที่ใช้ชื่อสกุลแบบ 3 พยางค์ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 85.61 ของชาวฮั่นทั่วประเทศ ในขณะที่ชื่อสกุลแบบ 4 พยางค์ขึ้นไป มีเพียง 1.97 ล้านคน
นอกจากนี้ในรายงานสถิติพบว่า ชาวจีนชนชาติฮั่นมีชื่อยาวที่สุดถึง 15 พยางค์ โดยชื่อแบบ 10 พยางค์ขึ้นไปนั้นมีจำนวนสูงถึง1,000 คน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวประชาชนที่มีชื่อยาวกว่า 10 พยางค์ล้วนเป็นประชาชนที่อยู่ในเขตปกครองตนเองอุยกูร์ซินเจียง (ซินเกียง) ถึง 97 %
เจ้าหน้าที่รับผิดชอบประจำศูนย์ฯ ได้เรียกร้องให้ประชาชน ตระหนักถึงมาตรฐานการตั้งชื่อสกุลแก่บุตรให้มากขึ้น แทนการตั้งชื่อสกุลที่อิงตามลักษณะนิสัยของบุคคลนั้นๆ ซึ่งปัจจุบันจีนมีแซ่ที่นิยมใช้ประมาณ 4,100 แซ่ แต่ประชากรทั่วประเทศที่มีชื่อซ้ำกันเริ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในแต่ละปีจีนมีอัตราเกิดถึง 2 2ล้านคนต่อปี จึงก่อผลให้เกิดปัญหาในชีวิตประจำวันอาทิ ปัญหาการจัดการระเบียบสำมะโนครัว , การเปิดหมายเลขบัญชีกับทางธนาคาร หรือไม่สะดวกเมื่อยื่นเรื่องขอทำวีซ่าออกนอกประเทศ
ทั้งนี้ แซ่หรือนามสกุลของชาวจีนใช้หลักเกณฑ์วางแซ่ไว้หน้าชื่อ ส่วนของไทยหรือชาติตะวันตกจะวางไว้หลังชื่อ
จากสถิติของศูนย์ฯ เผยว่า ปัจจุบันชาวฮั่นในจีนทั่วประเทศที่ใช้ชื่อกับสกุลรวมกัน 2 พยางค์มีจำนวน 160 ล้านคน หรือร้อยละ 14. 22 ของชาวฮั่นทั่วประเทศ เนื่องจากชื่อแบบ 2 พยางค์นั้นได้ใจความและกะทัดรัด จึงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย แต่ทว่าชื่อบวกสกุลแบบ 2 พยางค์ ได้เกิดปัญหา “ชื่อซ้ำ” ในสัดส่วนค่อนข้างสูง ดังนั้นประชาชนจำนวนมากจึงหันมานิยมใช้ชื่อสกุลแบบ 3 พยางค์กันมากขึ้น หรือใช้ตัวอักษรที่มากกว่านั้นมาขยายความให้แต่งต่างจากคนอื่น เพื่อลดปัญหา “ชื่อซ้ำ” ที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง ขณะนี้มีประชาชนกว่า 1 พันล้านคนที่ใช้ชื่อสกุลแบบ 3 พยางค์ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 85.61 ของชาวฮั่นทั่วประเทศ ในขณะที่ชื่อสกุลแบบ 4 พยางค์ขึ้นไป มีเพียง 1.97 ล้านคน
นอกจากนี้ในรายงานสถิติพบว่า ชาวจีนชนชาติฮั่นมีชื่อยาวที่สุดถึง 15 พยางค์ โดยชื่อแบบ 10 พยางค์ขึ้นไปนั้นมีจำนวนสูงถึง1,000 คน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวประชาชนที่มีชื่อยาวกว่า 10 พยางค์ล้วนเป็นประชาชนที่อยู่ในเขตปกครองตนเองอุยกูร์ซินเจียง (ซินเกียง) ถึง 97 %
เจ้าหน้าที่รับผิดชอบประจำศูนย์ฯ ได้เรียกร้องให้ประชาชน ตระหนักถึงมาตรฐานการตั้งชื่อสกุลแก่บุตรให้มากขึ้น แทนการตั้งชื่อสกุลที่อิงตามลักษณะนิสัยของบุคคลนั้นๆ ซึ่งปัจจุบันจีนมีแซ่ที่นิยมใช้ประมาณ 4,100 แซ่ แต่ประชากรทั่วประเทศที่มีชื่อซ้ำกันเริ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในแต่ละปีจีนมีอัตราเกิดถึง 2 2ล้านคนต่อปี จึงก่อผลให้เกิดปัญหาในชีวิตประจำวันอาทิ ปัญหาการจัดการระเบียบสำมะโนครัว , การเปิดหมายเลขบัญชีกับทางธนาคาร หรือไม่สะดวกเมื่อยื่นเรื่องขอทำวีซ่าออกนอกประเทศ
ทั้งนี้ แซ่หรือนามสกุลของชาวจีนใช้หลักเกณฑ์วางแซ่ไว้หน้าชื่อ ส่วนของไทยหรือชาติตะวันตกจะวางไว้หลังชื่อ