ซินหัวเน็ต – สื่อจีนรายงานพบ ทะเลสาบประหลาด บริเวณที่ราบหุบเขาในซิ่วซันพื้นที่ปกครองตนเองชนชาติม้ง,ถู่เจีย ซึ่งอยู่ติดกับมณฑลหูหนัน ทะเลสาบแห่งนี้มีชื่อว่า “หลงเฉาหู” เป็นทะเลสาบซึ่งบริเวณโดยรอบไม่มีคูคลองเชื่อมต่อ แต่ทุกวันเวลาเช้า กลางวัน เย็นระดับน้ำจะขึ้นลงราวกับทะเล
ทะเลสาบหลงเฉาหูตั้งอยู่ในอำเภอซิ่วซัน นครฉงชิ่ง เซียวฟู่เฉียงชาวบ้านวัย 68 ปีเล่าว่า ทะเลสาบหลงเฉาหูแต่เดิมมีชื่อว่า ซาป้าหลง เป็นทะเลสาบที่ไม่มีแหล่งน้ำอื่นเชื่อมต่อ และน้ำในทะเลสาบส่วนใหญ่มาจากแหล่งน้ำใต้ดิน เซียวเล่าต่อว่าทุกวันตอนเช้าเวลา 8.00 น., 12.00 น. และช่วงเย็น 16.00-17.00 น. ระดับน้ำในทะเลสาบจะขึ้นลงตามเวลา ซึ่งในเวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง น้ำในทะเลสาบเพิ่มขึ้นประมาณ 1 เมตร และหลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมงระดับน้ำจะค่อยๆ ลดลงกลับสู่ระดับปกติ
หลิวปินเจ้าหน้าที่จากสำนักงานการค้าและการท่องเที่ยวแห่งอำเภอซิ่วซันได้เดินทางมาพิสูจน์ โดยเขาได้ตรวจสอบอยู่หลายครั้ง และพบว่าน้ำพุ่งมาจากตาน้ำในทะเลสาบ 3 จุด และจากตาน้ำ 3 จุดที่มีจอกแหนลอยอยู่ กลับไม่พบว่ามีวัตถุใดๆ เคลื่อนไหว จนกระทั่งช่วงบ่าย 5 โมงเย็น เวลาที่ชาวบ้านเล่าว่าเป็นเวลาที่น้ำลด นักข่าวจึงได้ทำเครื่องหมายไว้บนก้อนหินหนึ่ง หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงจึงพบว่า ระดับน้ำลดลงจริงตามคำบอกกล่าวประมาณ 10 เซนติเมตร
นอกจากนี้ชาวบ้านยังบอกอีกว่า ตาน้ำทั้ง 3 จุดลึกมาก เคยมีการใช้ต้นไผ่ 8 ต้นวัดระดับแต่ก็ยังวัดไม่ได้ และเคยมีนักดำน้ำจากฉงชิ่งดำลงไปที่ความลึก 30 เมตร แต่ก็ไม่กล้าที่จะดำต่อไปเนื่องจากมีความลึกมาก เซียวฟู่เฉียงบอกว่า น้ำในทะเลสาบชาวบ้านจะนำไปใช้ในการทำนาเป็นหลัก
ปี 1982 ฝนไม่ตกต่อเนื่องกันเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน ทำให้ดินแห้งแล้ง ทะเลสาบแห่งนี้จึงแห้งขอดเป็นบ่อน้ำขนาดเท่าบุ้งกี๋ และวันที่ 23 เดือนมิถุนายน(ตามปฏิทินจันทรคติ)ปีเดียวกันนี้ จู่ ๆ ก็มีเสียงน้ำพุ่งขึ้นมาจากตาน้ำ น้ำในทะเลสาบพุ่งไม่หยุดเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน นอกจากนี้ยังมีงูนับหมื่นๆ ตัวโผล่ออกมาด้วย สร้างความแปลกใจให้กับชาวบ้านยิ่งนัก
ทั้งนี้หลิวปินเจ้าหน้าที่จากสำนักงานการค้าและการท่องเที่ยวแห่งซิ่วซันเผยว่า ชาวบ้านต้องการที่จะทำให้ทะเลสาบแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยเตรียมการที่จะสร้างศาลากลางน้ำ 4 แห่ง ซึ่งศาลาแต่ละแห่งจะวางโต๊ะเอาไว้ตรงกลาง และบนโต๊ะจะนำเอากระดานหมากรุก ไพ่ พิณ และอุปกรณ์ให้ความบันเทิงต่างๆ จัดวางไว้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสถึงระดับน้ำที่เพิ่มและลดนั่นเอง