เอเอฟพี-จินอี้ป๋อ รองประธานการขายของ เชอรี่ ออโต้ ยักษ์ใหญ่ยานยนต์ของจีน รำลึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เมื่อครั้งหลังคาสำนักงานของประธานบริษัทมีรูรั่วขนาดใหญ่ จนถึงกับต้องหาถังมารองน้ำเมื่อฝนตก
จินเล่าว่าตอนบุกเบิกบริษัทราวเดือนมีนาคม ปี 1997 เป็นช่วงแห่งความยากลำบากของเชอรี่ ซึ่งมีฐานในมณฑลอันฮุย ทางภาคตะวันออกของจีน ในตอนนั้น อันฮุยเป็นหนึ่งในมณฑลที่ยากจนที่สุดของจีน และเชอรี่ก่อตั้งขึ้นด้วยทุนจากรัฐบาลจำนวน 1,700 ล้านหยวน แต่ไม่เคยผลิตรถออกมาสักคัน
“ตอนนั้น ที่นี่มีแต่ทุ่งโล่ง” Lucus Biagini ประธานกรรมการของบริษัท Magneti Marelli ผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ยนต์จากอิตาลี ซึ่งปัจจุบันรายได้ราว 30 % ของยอดขายสินค้าในจีนของMagneti Marelli มาจากเชอรี่ ซึ่งขณะนี้ได้กลายเป็นบริษัทรถยนต์รายใหญ่ของประเทศที่ขยายตัวรวดเร็วที่สุด
การขยายตัวอย่างน่าทึ่งของโรงงานเชอรี่ สะท้อนให้เห็นว่าเชอรี่เติบโตจากเด็กหนุ่มเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวสำเร็จได้อย่างไร Biagini กล่าว
ในยุคนั้น อุตสาหกรรมยานยนต์ของจีนยังไม่พัฒนามากนัก แต่รัฐบาลมณฑลกลับคาดการณ์ว่า อีกไม่นานประชากรจีน 1,300 ล้านคนของประเทศ จะมีรายได้พอที่จะเป็นเจ้าของรถยนต์
“ผลสรุปครั้งนั้นถูกต้อง”โจวปี่เหริน รองประธานเชอรี่กล่าว ขณะนำสื่อมวลชนตะวันตกเที่ยวชมสำนักงานใหญ่อันทันสมัย ทางภาคตะวันออกของจีนเป็นครั้งแรก
บ้านเกิดของเชอรี่อยู่ในเมืองอู๋หู เมืองท่าบริเวณแม่น้ำฉางเจียง(แยงซีเกียง) ปัจจุบันกลายเป็นเขตอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งไม่เพียงเป็นที่ตั้งโรงงานเทคโนโลยีชั้นสูงขนาดใหญ่หลายแห่งของเชอรี่ แต่ยังเป็นศูนย์รวมกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่วิศวกรรมยานยนต์หลายรายจากอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น
ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับซัพพลายเออร์ต่างชาติ เช่น Visteo,Boach และ Siemens ได้พลิกชะตาทำให้เชอรี่เติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งเชอรี่ได้ประกาศแต่แรกแล้วว่า ความฝันของบริษัทจะสร้างขึ้นจากเทคโนโลยีต่างชาติ
ภายในโรงงานซึ่งเต็มไปด้วยเสียงของเครื่องจักรชั้นยอดเท่าที่เงินจะหาซื้อได้จาก เยอรมนี,อเมริกา และอิตาลี คนงานก็กำลังง่วนกับการคุมสายพานการผลิตระบบตรวจสอบครบวงจร ซึ่งทำให้เชอรี่สามารถผลิตรถยนต์และเครื่องยนต์ในเครื่องหมายการค้าของตนได้ถึงปีละ 400,000 หน่วย
“เราทุ่มเงินไปมากเพื่อนำเข้าเทคโนโลยีที่ดีที่สุด”จ่าวเปาหมิง รองผู้จัดการของหน่วยปฏิบัติการด้านเครื่องยนต์ของเชอรี่กล่าว
เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เชอรี่เข็นรถยนต์คันที่ 1 ล้านออกจากสายพานการผลิตได้เป็นผลสำเร็จ นับเป็นสิ่งยืนยันการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเชอรี่ ที่ใช้เวลา 6 ปีผลิตรถยนต์ 5 แสนคันแรก และอีก 5 แสนคันที่เหลือใช้เวลาเพียง 1 ปีครึ่ง
นอกจากนี้ เชอรี่ยังตั้งเป้าเพิ่มการผลิตรถยนต์อีก 250,000-300,000 หน่วย หลังจากที่โรงงานแห่งใหม่เริ่มเดินเครื่องในเดือนตุลาคมนี้ และตั้งเป้าตัวเลขส่งออกรถยนต์ในปีนี้เพิ่มเป็น 2 เท่าจากปีที่แล้วเท่ากับ 100,000 หน่วย ขณะที่พยายามเร่งเครื่องบรรลุเป้ายอดขาย 1 ล้านคันต่อปี ในปี 2010
“อิสระ แข็งแกร่ง สร้างสรรค์ บุกเบิก” เป็นข้อความที่แขวนอยู่ในโรงงานแห่งหนึ่ง เพื่อเตือนใจหยิงถงเยา ประธานของเชอรี่ ถึงเป้าหมายอันสูงส่งของตน ซึ่งรวมถึง แผนการผลิตรถยนต์หรูภายใต้แบรนด์ใหม่ในปี 2009
ก่อนหน้านี้ เชอรี่มีแผนส่งออกรถยนต์แบรนด์เชอรี่ไปยังสหรัฐฯ โดยผ่านบริษัท Visionary Vehicle บริษัทนำเข้ายานยนต์ของ Malcolm Bricklin นายทุนค้าปลีกรถยนต์รายใหญ่จากสหรัฐฯ แต่ข้อตกลงกับ Malcolm Bricklin มีอันล้มเลิกไปเมื่อปลายปี 2006 ซึ่งโจว รองประธานเชอรี่ ให้เหตุผลเพียงว่า Visionary Vehicle ของ Bricklin ไม่เหมาะกับเชอรี่
แต่โจวก็ยอมรับว่า เชอรี่ยังไม่พร้อมนำรถยนต์ภายใต้แบรนด์ของตนกระโดดเข้าสู่ตลาดรถยนต์ที่มีการแข่งขันดุเดือดของอเมริกาและยุโรป ซึ่งเป็นตลาดที่เข้มงวดด้านความปลอดภัยและคุณภาพซึ่งท้าทายบริษัทรถยนต์น้องใหม่อย่างเชอรี่อย่างยิ่ง
“เราต้องเตรียมสินค้า,เครือข่ายการจัดจำหน่าย และเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว เราถึงรุกตลาดเหล่านี้” โจวกล่าว
ในอดีตที่ผ่านมา รถยนต์จีนไม่ผ่านการทดสอบมาตรฐานด้านความปลอดภัยของตะวันตก ซึ่งในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เชอรี่ก็ตกเป็นเป้าการตรวจสอบไปทั่วโลก หลังจากที่รถยนต์นั่งขนาด 4 ที่นั่งขึ้นไปรุ่นหนึ่งของเชอรี่ ไม่ผ่านมาตรฐานการทดสอบการชนของนิตยสารรถยนต์ของรัสเซียฉบับหนึ่ง ซึ่งประธานกรรมการของเชอรี่โต้ว่า การทดสอบมีอคติ ต่อมา มีการทดสอบชนในจีน ซึ่งปรากฎผลด้านความแข็งแกร่งดีกว่ามาก อย่างไรก็ตาม เทปบันทึกภาพการทดสอบชนรถยนต์จีนของนิตยสารรัสเซียซึ่งถูกโพสต์บนเว็บไซต์ยูทิวป์ มียอดคลิกเข้าชมสูงมาก
ด้านประธานกรรมการของเชอรี่ออกมายืนยันว่า เชอรี่มีระบบการผลิตที่ทันสมัย เพื่อประกันความปลอดภัยและคุณภาพของรถยนต์ พร้อมประกาศว่า ยุคสินค้าคุณภาพต่ำของจีนกำลังสิ้นสุดลงแล้ว
“แม้สื่อต่างชาติบางสำนักจะประโคมข่าวโจมตีคุณภาพรถยนต์จีนเกินจริง เราก็ยังมั่นใจในอนาคตของเรา”โจวกล่าว
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์ เซี่ยงไฮ้ ซิเคียวริตี้ส์ นิวส์ รายงานเมื่อวันอังคาร(9 ต.ค.)โดยอ้างแหล่งข่าวไม่เผยนามว่า เชอรี่ได้เข้าซื้อบริษัท อู่หู ซิพยาร์ด บริษัทต่อเรือในจีน และกำลังอยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างบริษัทฯ นับเป็นความพยายามล่าสุดของเชอรี่ที่ต้องการบรรลุเป้าการส่งออกรถยนต์ในปีนี้ให้ได้ 100,000 คัน มากกว่าปีที่แล้ว 2 เท่า
“เชอรี่ขยายขอบเขตของธุรกิจด้วยการรุกคืบเข้าไปในอุตสาหกรรมต่อเรือที่มีอนาคตสดใส ซึ่งธุรกิจอู่ต่อเรือจะทำให้การส่งออกรถยนต์ของเชอรี่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ช่วยเพิ่มยอดส่งออกและลดสินค้าคงเหลือ”แหล่งข่าวกล่าว.
