ไชน่าเดลี่ - เมื่อพูดถึงการบริจาค สิ่งที่เรานึกถึงคือการบริจาคเงิน สิ่งของ เลือด อวัยวะ หรือไขกระดูก และล่าสุดกับการบริจาค "สเปิร์ม" ….โดยในประเทศจีนตอนนี้ นักศึกษาเป็นกลุ่มคนที่เริ่มมีบทบาทอย่างมากในการบริจาคสิ่งที่ว่านี้
ปัจจุบันมีคู่รักมังกรเกือบ 10% ไม่สามารถมีบุตรได้ เนื่องจากผู้ชาย 1 ใน 3 เกิดเป็นหมัน กูรูด้านสุขภาพเชื่อสาเหตุเกิดจากมลภาวะ ความเครียดจากการทำงาน และวิถีการดำเนินชีวิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
ดังนั้นกลุ่มนักศึกษาจึงกลายเป็น “เจ้าชายขี่ม้าขาว” มาแก้ปัญหาเหล่านี้ของบรรดาคู่ชีวิตจีน ถึงแม้ว่าการบริจาคน้ำเชื้อจะยังไม่เพียงพอต่อความต้องการก็ตาม เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของธนาคารสเปิร์มแห่งปักกิ่งกล่าว โดยปัจจุบันจีนมีธนาคารเก็บน้ำเชื้อแล้ว 10 แห่ง
ด้านเฉินเจิ้นเหวิน ผู้อำนวยการธนาคารฯ ภายใต้คณะกรรมการประชาชากรและการวางแผนครอบครัวแห่งชาติจีนอธิบายถึงสาเหตุที่ยังมีผู้บริจาคน้ำเชื้อน้อยอยู่ว่า “หลายคนมีความเชื่อที่ผิดว่า น้ำเชื้อ 1 หยดมีค่าเท่ากับเลือด 10 หยดจึงทำให้พวกเขาไม่มาบริจาคน้ำเชื้อกัน”
“โชคดีที่เหล่านักศึกษาไม่ได้หลงเชื่อไปกับความคิดดังกล่าว และเต็มใจจะช่วยเหลือ หลายคนเป็นอาสาสมัครช่วยงานโอลิมปิก 2008” เฉินกล่าว
โดยอาสาสมัครหลายร้อยคน ซึ่งกว่าครึ่งหนึ่งเป็นนักศึกษา ได้แสดงเจตจำนงบริจาคน้ำเชื้อให้กับธนาคารดังกล่าวตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการเมื่อปลายปี 2005 เป็นต้นมา ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขระบุว่าน้ำเชื้อของผู้บริจาค 1 คน สามารถช่วยให้หญิง 5 คนสามารถตั้งครรภ์ได้
“ปัจจุบันได้มีการบริจาคเลือดและไขกระดูกแล้ว แล้วทำไมเราถึงไม่บริจาคสเปิร์มด้วยล่ะ มันสามารถช่วยเติมเต็มความฝันที่จะมีบุตรของคู่รักได้” เซียวหวัง (นามสมมติ) กล่าว
อย่างไรก็ตาม ข่าวรายงานว่า นักศึกษาชายในปักกิ่งส่วนใหญ่จะไม่บอกให้แฟนสาวทราบเกี่ยวกับการบริจาคดังกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ผู้บริจาคซึ่งเป็นนักศึกษานั้นมีสุขภาพที่แข็งแรงและใช้ชีวิตค่อนข้างมีวินัย จึงนับเป็นกลุ่มผู้บริจาคชั้นเลิศสุด
อนึ่ง การบริจาคน้ำเชื้อนั้นไม่ใช่แค่การเดินเข้าไปในสถานที่หนึ่ง ใช้เวลาช่วยตัวเองเพียงแค่ 5 นาทีและก็ออกมาพร้อมกับถ้วยที่มี “น้ำ” อยู่ในนั้น แต่ผู้บริจาคจะต้องผ่านการทดสอบโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ยีน และโรคติดต่ออื่นๆ โดยกระบวนการทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
เฉินเปิดเผยข้อมูลว่า ผู้บริจาคน้ำเชื้อจะได้รับเงิน 2,000 หยวนต่อการบริจาคน้ำเชื้อ 1 ครั้ง แต่นักศึกษาหลายคนก็ไม่ได้ต้องการบริจาคเพื่อเงินเท่านั้น “มีนักศึกษาคนหนึ่งถึงขั้นต้องควักกระเป๋าตัวเองจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินเพื่อบรรลุกระบวนการบริจาคดังกล่าว”
อย่างไรก็ตาม เฉินได้กล่าวเตือนกลุ่มนักศึกษาอย่างได้หลงเชื่อ “นักล่าน้ำเชื้อ” ที่หากินในรั้วสถาบันการศึกษา เพราะกลุ่มคนเหล่านี้เป็นพวกต้มตุ๋น ทางที่ดีนักศึกษาควรตรวจสอบหน่วยงานที่รับบริจาคก่อนยินยอม
ทั้งนี้ จีนได้สั่งห้ามมิให้มีการซื้อขายน้ำเชื้อนอกเหนือจากในสถาบัน 88 แห่งที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขแล้ว และมีเพียงสถาบันเหล่านี้เท่านั้นที่สามารถให้บริการทำไอวีเอฟ หรือการผสมเทียมในหลอดแก้ว
แต่ถึงแม้ว่าการบริจาคสเปิร์มและการทำไอวีเอฟ จะช่วยสานฝันให้กับครอบครัวหนึ่งได้ แต่เฉียวเจี๋ย หัวหน้าศูนย์การเจริญพันธุ์แห่งโรงพยาบาลหมายเลข 3 ของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ซึ่งเป็นคลินิกเกี่ยวกับภาวะเจริญพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดของจีนกล่าวว่า ความกังวลด้านศีลธรรมและการจัดตั้งระบบที่ดีในการตรวจสอบการใช้สเปิร์มก็ไม่ควรถูกมองข้าม เพราะอาจเกิดเรื่องเศร้าขึ้นหากพี่น้อง “ทางชีวภาพ” บังเอิญมาแต่งงานกัน
ปัจจุบันมีคู่รักมังกรเกือบ 10% ไม่สามารถมีบุตรได้ เนื่องจากผู้ชาย 1 ใน 3 เกิดเป็นหมัน กูรูด้านสุขภาพเชื่อสาเหตุเกิดจากมลภาวะ ความเครียดจากการทำงาน และวิถีการดำเนินชีวิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
ดังนั้นกลุ่มนักศึกษาจึงกลายเป็น “เจ้าชายขี่ม้าขาว” มาแก้ปัญหาเหล่านี้ของบรรดาคู่ชีวิตจีน ถึงแม้ว่าการบริจาคน้ำเชื้อจะยังไม่เพียงพอต่อความต้องการก็ตาม เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของธนาคารสเปิร์มแห่งปักกิ่งกล่าว โดยปัจจุบันจีนมีธนาคารเก็บน้ำเชื้อแล้ว 10 แห่ง
ด้านเฉินเจิ้นเหวิน ผู้อำนวยการธนาคารฯ ภายใต้คณะกรรมการประชาชากรและการวางแผนครอบครัวแห่งชาติจีนอธิบายถึงสาเหตุที่ยังมีผู้บริจาคน้ำเชื้อน้อยอยู่ว่า “หลายคนมีความเชื่อที่ผิดว่า น้ำเชื้อ 1 หยดมีค่าเท่ากับเลือด 10 หยดจึงทำให้พวกเขาไม่มาบริจาคน้ำเชื้อกัน”
“โชคดีที่เหล่านักศึกษาไม่ได้หลงเชื่อไปกับความคิดดังกล่าว และเต็มใจจะช่วยเหลือ หลายคนเป็นอาสาสมัครช่วยงานโอลิมปิก 2008” เฉินกล่าว
โดยอาสาสมัครหลายร้อยคน ซึ่งกว่าครึ่งหนึ่งเป็นนักศึกษา ได้แสดงเจตจำนงบริจาคน้ำเชื้อให้กับธนาคารดังกล่าวตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการเมื่อปลายปี 2005 เป็นต้นมา ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขระบุว่าน้ำเชื้อของผู้บริจาค 1 คน สามารถช่วยให้หญิง 5 คนสามารถตั้งครรภ์ได้
“ปัจจุบันได้มีการบริจาคเลือดและไขกระดูกแล้ว แล้วทำไมเราถึงไม่บริจาคสเปิร์มด้วยล่ะ มันสามารถช่วยเติมเต็มความฝันที่จะมีบุตรของคู่รักได้” เซียวหวัง (นามสมมติ) กล่าว
อย่างไรก็ตาม ข่าวรายงานว่า นักศึกษาชายในปักกิ่งส่วนใหญ่จะไม่บอกให้แฟนสาวทราบเกี่ยวกับการบริจาคดังกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ผู้บริจาคซึ่งเป็นนักศึกษานั้นมีสุขภาพที่แข็งแรงและใช้ชีวิตค่อนข้างมีวินัย จึงนับเป็นกลุ่มผู้บริจาคชั้นเลิศสุด
อนึ่ง การบริจาคน้ำเชื้อนั้นไม่ใช่แค่การเดินเข้าไปในสถานที่หนึ่ง ใช้เวลาช่วยตัวเองเพียงแค่ 5 นาทีและก็ออกมาพร้อมกับถ้วยที่มี “น้ำ” อยู่ในนั้น แต่ผู้บริจาคจะต้องผ่านการทดสอบโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ยีน และโรคติดต่ออื่นๆ โดยกระบวนการทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
เฉินเปิดเผยข้อมูลว่า ผู้บริจาคน้ำเชื้อจะได้รับเงิน 2,000 หยวนต่อการบริจาคน้ำเชื้อ 1 ครั้ง แต่นักศึกษาหลายคนก็ไม่ได้ต้องการบริจาคเพื่อเงินเท่านั้น “มีนักศึกษาคนหนึ่งถึงขั้นต้องควักกระเป๋าตัวเองจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินเพื่อบรรลุกระบวนการบริจาคดังกล่าว”
อย่างไรก็ตาม เฉินได้กล่าวเตือนกลุ่มนักศึกษาอย่างได้หลงเชื่อ “นักล่าน้ำเชื้อ” ที่หากินในรั้วสถาบันการศึกษา เพราะกลุ่มคนเหล่านี้เป็นพวกต้มตุ๋น ทางที่ดีนักศึกษาควรตรวจสอบหน่วยงานที่รับบริจาคก่อนยินยอม
ทั้งนี้ จีนได้สั่งห้ามมิให้มีการซื้อขายน้ำเชื้อนอกเหนือจากในสถาบัน 88 แห่งที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขแล้ว และมีเพียงสถาบันเหล่านี้เท่านั้นที่สามารถให้บริการทำไอวีเอฟ หรือการผสมเทียมในหลอดแก้ว
แต่ถึงแม้ว่าการบริจาคสเปิร์มและการทำไอวีเอฟ จะช่วยสานฝันให้กับครอบครัวหนึ่งได้ แต่เฉียวเจี๋ย หัวหน้าศูนย์การเจริญพันธุ์แห่งโรงพยาบาลหมายเลข 3 ของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ซึ่งเป็นคลินิกเกี่ยวกับภาวะเจริญพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดของจีนกล่าวว่า ความกังวลด้านศีลธรรมและการจัดตั้งระบบที่ดีในการตรวจสอบการใช้สเปิร์มก็ไม่ควรถูกมองข้าม เพราะอาจเกิดเรื่องเศร้าขึ้นหากพี่น้อง “ทางชีวภาพ” บังเอิญมาแต่งงานกัน