xs
xsm
sm
md
lg

“เกย์” กลุ่มคนสีรุ้งที่สังคมจีนยังแสลงใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

งานแต่งงานของสองหนุ่มจีนรักร่วมเพศ
ไชน่าเดลี่ – ในบาร์แห่งหนึ่ง ซึ่งมีแสงไฟสลัวๆ ดนตรีที่ฟังแล้วนุ่มหู ผู้คนพูดคุยกันด้วยเสียงคล้ายกระซิบ บรรยากาศช่างดีพร้อมสมบูรณ์แบบ ชายหนุ่มกำลังเต้นรำอยู่กลางฟลอว์ ฉับพลันมีเสียงๆ หนึ่งแหวกเสียงดนตรีกล่าวขึ้นว่า “ก้าวยาวกว่านั้น จะได้ทันคู่เต้น”

ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา หากเสี่ยวฝาน (นามสมมติ) ไม่ได้เต้นรำอยู่ในบาร์เกย์! และเสียงกล่าวนั้นจะไม่ใช่เสียงแม่ของเขา!

ที่ยิ่งประหลาดใจกว่านั้น คือคุณแม่ของเสี่ยวฝาน นักศึกษาหนุ่มในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของประเทศ พูดขึ้นว่า “แม่นึกไม่ถึงเลยว่า ลูกจะมีเพื่อนดีๆ มากมายในวงสังคม (เกย์) นี้”

เสี่ยวฝานดูเหมือนเด็กหนุ่มทั่วไปในวัยเดียวกัน เพียงแต่ค่อนข้างขี้อายสักหน่อย แต่ที่แตกต่างคือ เสี่ยวฝานกลับมักติดตาต้องใจเพื่อนผู้ชาย “ผมเกลียดตัวเองที่แตกต่างจากคนอื่น และไม่กล้าบอกใคร ความกดดันทำให้ผมเกือบฆ่าตัวตายมาแล้ว”

หลังจากเข้าสู่รั้วอุดมศึกษาในปี 2005 เสี่ยวฝานตัดสินใจบอกความลับนี้ ให้กับบุคคลแรกที่เขานึกถึง นั่นคือ คุณแม่ของเขา “แม่เสียใจมาก แต่เธอไม่ได้ว่าผม แม่เอาแต่ถามผมว่า “ทำไม” แต่ผมก็ไม่อาจตอบคำถามนั้นได้” เสี่ยวฝานกล่าว

คุณเฉินผู้เป็นแม่พาลูกชายไปพบจิตแพทย์ เพราะเธอคิดว่า “สภาพของลูกชายเป็นความผิดปกติทางด้านจิตใจอย่างหนึ่ง และสามารถรักษาได้” แต่ความหวังของเฉินกลับดับสลาย เมื่อคุณหมออธิบายให้เธอฟังว่า ลูกชายของเธอไม่ได้มีความผิดปกติทางจิตใจแต่อย่างใด

“ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ฉันยังมีความรู้เรื่อง โฮโมเซ็กชวล หรือ รักร่วมเพศ น้อยมาก คนเราเกิดมามีเพศชาย และเพศหญิง นั่นเป็นเรื่องปกติ แต่ความรักระหว่างเพศเดียวกันเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับฉัน” เฉินกล่าว

พร้อมระบายความในใจให้ฟังว่า “เรื่องพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศของลูก ไม่ทำให้ฉันเสียใจเท่ากับความยากลำบากที่เขาต้องเผชิญในการยอมรับรสนิยมทางเพศของตัวเอง ฉันต้องช่วยเขาให้ยอมรับความเป็นจริง และสลัดความละอายใจต่อสังคมที่เขายังต้องมีส่วนร่วมอยู่ มิฉะนั้น เขาอาจหมดกำลังใจและหันพึ่งยาเสพติด ดื่มเหล้า หรือถึงขั้นฆ่าตัวตายก็ได้ ความสุขของลูกชายเป็นสิ่งที่ฉันแคร์มากที่สุด”

วันที่เสี่ยวฝานยอมรับว่า มีความสัมพันธ์ชั่วคืนกับคนแปลกหน้า เฉินน้ำตาไหลพรากขอให้เสี่ยวฝานอย่าทำอะไรที่เสี่ยงต่อชีวิตและสุขภาพของตัวเอง ให้มองหาคู่ครองที่เหมาะสมดีกว่า การมีความสัมพันธ์แบบชั่วคืนกับคู่นอนมากหน้าหลายตา ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับกลุ่มรักร่วมเพศ แต่ตามสถิติของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งประเทศจีน (ซีดีซี) ระบุว่า กลุ่มผู้ติดเชื้อ HIV หรือโรคเอดส์ ส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้ยาเสพติด รองลงมาคือกลุ่มรักร่วมเพศ

แต่ถึงแม้ว่าเฉินกล่าวว่า เธอต้องการเห็นลูกชายของเธอมีความสุข แต่เธอก็แอบหวังในใจว่าสักวันลูกชายเธอจะกลับเป็นคนปกติ

“ฉันหวังว่า สักวันเขาจะกลับเป็นเหมือนเด็กผู้ชายคนอื่นๆ เมื่อเจอกับผู้หญิงที่ “ใช่” สำหรับเขา” เฉินกล่าว แต่ก็ย้ำว่าเธอจะไม่บีบบังคับให้ลูกแต่งงาน
บาร์เกย์ในเมืองปักกิ่ง
จางเป่ยชวน ศาสตราจารย์และนักวิชาการชั้นนำเรื่องการศึกษาเกี่ยวกับรักร่วมเพศแสดงความคิดเห็นว่า คงต้องให้เวลาแก่บรรดาพ่อแม่และผู้ปกครองของเด็กที่เป็นเกย์ในการยอมรับความเป็นจริง แต่อย่างไรก็ตามเขาเชื่อว่า พ่อแม่สมัยนี้เข้าใจอะไรมากขึ้น

ดังเช่น เสี่ยวฝานซึ่งรู้ดีว่า เขามีแม่ที่เข้าอกเข้าใจเขาเป็นอย่างดี และยอมรับความเป็นจริง “ผมดีใจที่แม่เข้าใจ ความรักและการสนับสนุนจากเธอทำให้ผมหลุดพ้นจากความสิ้นหวัง วันนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองใกล้ชิดกับแม่มากขึ้น” เสี่ยวฝาน ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างศึกษาดูใจกับชายที่มีอายุมากกว่าเขา 7 ปีกล่าว

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าเสี่ยวฝานเป็นผู้โชคดีที่มีจำนวนนับคนได้ในสังคมจีนที่คาดว่าน่าจะมีกลุ่มชายรักร่วมเพศราว 30 ล้านคน เพราะแม้ว่าสังคมจะยอมรับกลุ่มคนเหล่านี้มากขึ้น แต่ในความคิดของคนส่วนใหญ่ก็ยังมองว่าคนเหล่านี้ไม่ปกติอยู่ดี

จากการสำรวจของศาสตราจารย์จางเป่ยชวนระบุว่า ในจำนวนชายรักชาย 2,500 คน มีไม่ต่ำกว่าครึ่งที่เผชิญกับปัญหาการเลือกปฏิบัติ และทุกข์ทรมานจากบาดแผลทางจิตใจที่สาหัสสากรรณหลังจากเปิดเผยรสนิยมทางเพศของตน โดยกลุ่มคนอันดับต้นที่แสดงอาการรังเกียจพฤติกรรมรักร่วมเพศ ก็คือพ่อแม่ของเด็กๆ เอง นอกจากนี้ ยังมีเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมชั้น และเพื่อนบ้านร่วมขบวนด้วย

รายงานของจางแนะนำว่า การเยียวยาจิตใจที่ดีที่สุดมาจากความเข้าใจจากพ่อแม่ผู้ปกครอง พ่อแม่บางรายถึงขนาดตัดหางปล่อยวัดลูก และไล่ออกจากบ้าน จางอ้างกรณีของ ฉีลู่ (นามสมมติ) ชายหนุ่มอายุประมาณ 20 ปี จากมณฑลซันตง ทางตะวันออกของประเทศจีน เมื่อตอนที่ฉีลู่อายุได้ 18 ปี เขาได้ตกหลุมรักผู้ชายคนหนึ่ง และถูกไล่ออกจากโรงเรียนในปี 2005 เมื่อทางโรงเรียนทราบว่าเขานิยมไม้ป่าเดียวกัน

หลังจากนั้น ฉีลู่พาเพื่อนชายกลับบ้าน แต่พ่อซึ่งเป็นเกษตรกรมิอาจยอมรับพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศของลูก บันดาลโทสะฆ่าคู่ขาเกย์ของลูก สุดท้ายพ่อก็ถูกจำคุก

หลังเกิดเหตุฉีลู่ เด็กหนุ่มกำพร้าแม่ ระเห็จออกจากบ้าน “เป็นความผิดของผมเอง ทำให้คนที่ผมรักต้องตาย ครอบครัวต้องพังพินาศ ผมจะมีหน้าพบพ่อ และใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างไร” ฉีลู่ครวญ

นอกจากนี้ จางยังเปิดเผยผลวิจัยว่า บรรดาชายรักชายมากกว่าครึ่งที่ยังไม่เป็นฝั่งเป็นฝา ถูกพ่อแม่กดดันให้แต่งงาน อันเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้กลุ่มรักร่วมเพศเกือบ 20% พยายามฆ่าตัวตาย

ชายรักชายบางคนตัดสินใจฝังความลับทางเพศของตนไว้ และเดินสู่ประตูวิวาห์ตามที่บิดามารดาต้องการ เพราะวิธีนี้จะสามารถทำให้พวกเขาสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้

“หลังจากเรียนจบ ผมก็จะแต่งงาน เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยให้ผมสามารถรักษาความลับที่ผมเป็นเกย์ โดยเฉพาะกับพ่อและแม่ของผม” ซูซิน นักศึกษาวัย 23 ปีจากมหาวิทยาลัยอู่ฮั่นกล่าว

ศาสตราจารย์จางยังกล่าวว่า หนุ่มรักร่วมเพศราว 90% ยอมแพ้ต่อแรงกดดันจากพ่อแม่และสังคม แต่มีหลายกรณีสะท้อนว่า การแต่งงานลักษณะนี้กลายเป็น “นรก” สำหรับผู้ชายและภรรยาของเขา พ่อแม่เป็นบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งและใกล้ชิดกับลูกๆ ที่สุด ควรยืนข้างหน้าคอยปกป้องลูก และช่วยให้สังคมเปลี่ยนทัศนะต่อกลุ่มคนรักร่วมเพศ

ดังเช่นที่ แม่ของเสี่ยวฝานยอมรับว่า “หากเราผู้เป็นพ่อแม่ปฏิเสธ และกดดันลูก เราจะทำให้สังคมยอมรับพวกเขาได้อย่างไร”

แม้ว่าจางจะรู้ดีว่า คงเป็นเรื่องยากช่วงแรกๆ ที่จะให้พ่อแม่ยอมรับลูกที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศ แต่เขาก็แนะว่า “หากลูกชายผมเป็นเกย์ ผมจะขอให้เขาเป็นเกย์ที่ดี ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และเผชิญหน้าอย่างกล้าหายกับแรงกดดันของสังคม ผมจะบอกเขาว่า เขาควรจะเอาใจใส่เรื่องการเรียน และพยายามทุกวิถีทางที่จะดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพ พ่อแม่ที่ให้สิทธิ และเข้าใจลูกๆ ควรได้รับการยกย่องจากสังคม”
กำลังโหลดความคิดเห็น