xs
xsm
sm
md
lg

วัฒนธรรมสูบบุหรี่จีนระบาดแรง WHO ชี้สิงห์อมควันจีนเพิ่ม 2 เท่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไชน่าเดลี่/เอเจนซี่-ในพิธีแต่งงานของชาวจีนแห่งหนึ่ง แทนที่เจ้าสาวจะแจกลูกอมให้แก่แขกเหรื่อตามธรรมเนียมเก่าที่เคยปฏิบัติกันมา เธอกลับเดินไปตามโต๊ะเพื่อแจก “บุหรี่แต่งงาน” ให้แก่แขกที่เป็นผู้ชาย ซึ่งชาวจีนนิยมแจกบุหรี่ยี่ห้อแพงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงไมตรีจิตของคู่บ่าวสาว และตามมารยาทแล้วคนที่ไม่สูบบุหรี่ก็ไม่ควรปฏิเสธการหยิบยื่นไมตรีครั้งนี้เช่นกัน


“บุหรี่แต่งงาน” เป็นหนึ่งในตัวอย่างทั่วไปที่ชี้ให้เห็นว่า “การสูบบุหรี่” ฝังแน่นในวัฒนธรรมจีนยุคใหม่เพียงใด องค์การอนามัยโลก(ฮู)คาดการณ์ว่า จีนมีสิงห์อมควันราว 350 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนกว่า 1 ใน 4 ของนักสูบทั่วโลกที่มีอยู่ราว 1,300 ล้านคน

แต่ละปีการสูบบุหรี่คร่าชีวิตชาวจีนไปถึง 1 ล้านคน ซึ่งองค์การอนามัยโลกคาดว่า หากอัตราการสูบบุหรี่ไม่เปลี่ยนแปลง และจีนไม่งัดมาตรการที่สามารถลดจำนวนสิงห์อมควันลงได้ ในปี 2020 ตัวเลขศพนักสูบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแตะ 2.2 ล้านคนต่อปีหรือเพิ่มเป็น 2 เท่า โดยเสียชีวิตจากโรคยอดฮิตคือ มะเร็ง,โรคหลอดเลือดหัวใจและทางเดินหายใจ


การวิจัยของเซี่ยงไฮ้ชี้ว่า ในครอบครัวที่มีสมาชิกสูบบุหรี่ เด็กจะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งมากกว่าครอบครัวที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 50%

“การสูบบุหรี่เป็นการทำลายล้างทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ” Henk Bekedam ตัวแทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศจีนกล่าว

แม้จะมีการประเมินในหลายรูปแบบ สิ่งที่ชัดเจนคือจำนวนผู้สูบบุหรี่จะเป็นชายมากกว่าผู้หญิง เท่ากับ 57% ต่อ 3.1% ในผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป

ด้านผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการเปลี่ยนทัศนคติผู้ชายเป็นสิ่งสำคัญในการลดอัตราการสูบบุหรี่ ซึ่งจิงจวินศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยชิงหัว นักสูบอีกรายกล่าวว่า “การควบคุมการสูบบุหรี่สำหรับผู้ชายแล้วเป็นเรื่องยากกว่าการป้องกันเอดส์ถึง 100 เท่า ซึ่งผมพยายามทำเมื่อ 6 ปีก่อน และพยายามเลิกหลายครั้งแต่ก็ล้มเหลวทุกที”

“เมื่อไม่ได้สูบผมรู้สึกหงุดหงิดมาก ที่สำคัญ การมีวัฒนธรรมสูบบุหรี่ทำให้นักสูบอย่างผมตัดขาดจากบุหรี่ได้ยาก”จิงจวินกล่าว

ตามมารยาททางสังคมในหลายส่วน การหยิบยื่นบุหรี่ให้ ถือเป็นการแสดงน้ำใจและเป็นพิธีเปิดการสนทนา

ฟังยี๋ว์ทิง แพทย์ประจำบ้านในโรงพยาบาลเหอหมู่เจียในปักกิ่งกล่าวว่า ก่อนมาอาศัยในจีน ผู้ป่วยต่างชาติหลายรายของเธอสามารถเลิกบุหรี่ได้ แต่กลับมาสูบบุหรี่อีกครั้งในจีน “การหาที่ปลอดบุหรี่เพื่อเจรจากันทางธุรกิจในจีนเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักธุรกิจจีนมักเสนอบุหรี่ให้อีกฝ่ายเพื่อแสดงมารยาท ซึ่งเป็นสิ่งที่ปฏิเสธได้ยาก”

ฟังยี๋ว์ทิงหาทางแก้ปัญหาด้วยการรวบรวมรายชื่อร้านอาหารปลอดบุหรี่ในปักกิ่งให้แก่ผู้ป่วยของเธอ เพราะเชื่อว่าสิ่งแวดล้อมปลอดบุหรี่เป็นปัจจัยสำคัญในการเลิกบุหรี่

“วัฒนธรรมการดื่มและสูบบุหรี่ในร้านอาหารสำหรับชาวจีน เป็นสิ่งที่หยั่งรากลึกเกินกว่าจะเปลี่ยนแปลงได้ การเสนอบุหรี่ให้อีกฝ่ายขณะรับประทานอาหารก็เหมือนการเช็คแฮนด์ ถ้ากฎหมายไม่สั่งห้ามผมจะไม่ห้ามลูกค้าสูบบุหรี่” หลี่เต๋ออี่ เจ้าของร้านอาหาร หลี่เหลาเตี่ย ฮอทพอท กล่าว

โดยทั่วไป อัตราการสูบบุหรี่จะมีสัดส่วนผกผันกับระดับการศึกษาของกลุ่มสังคม ซึ่งคนจนในจีนจะมีการสูบบุหรี่ที่แพร่หลายกว่าผู้มีการศึกษามาก สีว์กุ้ยหัว รองผู้อำนวยการสถาบันควบคุมการสูบบุหรี่จีนกล่าว

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ อัตราการสูบบุหรี่ในแพทย์ชายในจีนอยู่ในระดับสูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นอยู่ราว 60%

“ผมคิดว่าเป็นเรื่องปรกตินะ แม้พวกเขาจะมีความรู้ด้านสุขภาพมากกว่า แต่หมอก็ไม่ต่างจากคนทั่วไปหรอกครับ หมอหลายคนเริ่มสูบตอนเป็นนักศึกษาแพทย์”เสียหยัง แพทย์ในโรงพยาบาลเป่ยจิง ซื่อทันซึ่งเป็นคนไม่สูบบุหรี่กล่าว

จีนมีร้านขายบุหรี่กระจายตัวอยู่ทุกหนแห่งและมีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ หลายร้านขายแม้แต่บุหรี่กลิ่นลูกอมหรือผลไม้ เพื่อดึงดูดให้เด็กและสาวน้อยหันมาสูบบุหรี่ นอกจากนี้ ร้านขายบุหรี่ส่วนใหญ่ก็ขายไอศกรีมและเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ในร้านหรือนอกร้าน

แม้ทางการจีนจะห้ามขายบุหรี่ให้แก่เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีก็ตาม แต่เด็กก็ยังหาซื้อบุหรี่กันได้ง่าย เพราะบุหรี่ในจีนมีราคาค่อนข้างถูก ซึ่งราคาถูกสุดอยู่ที่ซองละ 10 บาท เมื่อเทียบกับประเทศทางตะวันตกที่มีการเรียกเก็บภาษีอุตสาหกรรมยาสูบในอัตราสูง บางครั้งสูงถึง 66% ของราคาค้าปลีก

ในปี 2003 จีนได้ลงนามอนุสัญญาควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก และบังคับใช้อย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2006 สาระสำคัญคือ จีนต้องออกกฎหมายหรือมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการลดการสูบบุหรี่ในที่ทำงาน,ขนส่งสาธารณะ,อาคารสาธารณะและสถานที่อื่นๆที่เหมาะสม ซึ่งในวันงดสูบบุหรี่โลกในปีนี้(31 พ.ค) องค์การอนามัยโลกได้ส่งสัญญานความจำเป็นเร่งด่วนแก่ประเทศต่างๆในการทำให้ที่สาธารณะและที่ทำงานปลอดบุหรี่ 100%

แม้จีนจะมีมาตรการบางส่วนออกมาแล้ว แต่ฮูยังต้องการให้จีนเดินหน้าในหลายด้านเช่น การปิดฉลากเตือนบนซองบุหรี่ให้เข้มงวดขึ้น,ห้ามโฆษณาบุหรี่โดยเด็ดขาด และให้รัฐบาลจีนขึ้นภาษีสินค้ายาสูบ ซึ่งอุตสาหกรรมยาสูบเป็นธุรกิจที่รัฐบาลจีนผูกขาด และเป็นแหล่งรายได้ใหญ่ของรัฐ โดยจีนผลิตบุหรี่ถึง 1 ใน 3 ของบุหรี่ที่ผลิตทั่วโลก

“ ทั่วโลกรู้ว่าหากขึ้นภาษีบุหรี่ราว 10% อุปสงค์จะลดลงราว 4-6% และสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลห่วงคือ การขึ้นภาษีบุหรี่อาจทำให้รัฐสูญเสียรายได้ ซึ่งหากรัฐบาลยอมขึ้นภาษีจะเป็นการสร้างประโยชน์แก่ทุกฝ่ายคือมีผู้รอดชีวิตมากขึ้น รัฐสูญเสียค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพน้อยลง อย่างไรก็ดี การต่อสู้กับบุหรี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อรัฐเป็นผู้ผูกขาดการผลิตบุหรี่เสียเอง” Bekedam กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น