เอเจนซี - บริษัทบริหารเงินทุนสำรองสกุลต่างประเทศของจีน ตกลงลงนามทุ่มเงินลงทุน 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐใน แบล็คสโตน กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่เงินทุนเอกชนสัญชาติมะกัน นับเป็นก้าวแรกในการนำเงินจากคลังสำรองเงินตราระหว่างประเทศที่ล้นเกินของแผ่นดินใหญ่มาบริหารจัดการ
อู๋เค่อเจีย ผู้บริหารจาก Brunswick บริษัทประชาสัมพันธ์ของแบล็กสโตน เปิดเผยว่า แบล็คสโตน กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่เงินทุนเอกชนสัญชาติมะกัน และ สเต็ท อินเวสต์เม้นท์ คอมปานี บริษัทที่รับผิดชอบบริหารเงินทุนบางส่วนจากคลังสำรองเงินตราระหว่างประเทศจีน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (20 พ.ค.) ได้ลงนามข้อตกลงลงทุนนำเงินทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศจำนวน 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐไปลงทุนซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์ของแบล็คสโตนเป็นสัดส่วนไม่เกิน 10% ของหุ้นทั้งหมด ภายหลังจากแบล็คสโตนเข้ากระจายหุ้นสู่สาธารณะครั้งแรก (ไอพีโอ) มูลค่า 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐราวกลางเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อเพิ่มกำไรและกระจายความเสี่ยงเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่ทะลุ 1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเมื่อสิ้นเดือนมีนาคม
โดยแบล็คสโตนได้รับเงินทุนผ่านเซ็นทรัล ฮุ่ยจิน สาขาเพื่อการลงทุนของธนาคารกลางจีน ที่คาดว่าจะรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งในสเต็ท อินเวสต์เม้นท์ คอมปานี ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างก่อตั้ง โดยไชน่า บิสซิเนส นิวส์รายงานอ้างคำกล่าวของแหล่งข่าวไม่เผยนาม
“นับเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลสำหรับจีนในการเอ้าท์ซอร์สบริษัทลงทุนหลักทรัพย์ระดับโลกที่มีประสบการณ์มาช่วยบริหารเงินสำรองเงินตราระหว่างประเทศ” หม่าจวิ้น นักเศรษฐศาสตร์ดอยช์ แบงก์ประจำฮ่องกงกล่าว
ข้อตกลงดังกล่าวจะให้สิทธิจีนในการครองส่วนแบ่งสินทรัพย์ อาทิ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซด์ ผ่านการลงทุนของแบล็คสโตนในทุสโซด์ กรุ๊ปด้วย
ภายใต้ข้อตกลง สเต็ท อินเวสต์เม้นท์ คอมปานี จะถือครองหุ้นบุริมสิทธิ์ของแบล็คสโตนเป็นจำนวนไม่เกิน 10% ของหุ้นทั้งหมด โดยฝ่ายจีนตกลงไม่จำหน่ายหุ้นดังกล่าวเป็นเวลาอย่างน้อย 4 ปี และจะไม่ลงทุนในบริษัทกองทุนเอกชนที่เป็นคู่แข่งเป็นเวลา 1 ปี และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลา 4 ปีที่กำหนด บริษัทจะเริ่มขายหุ้นปีละ 1 ใน 3 ของหุ้นทั้งหมด
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของจีนที่ต้องการหาช่องทางใหม่ในการลงทุนทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของจีน ซึ่งมีจำนวนมากสุดในโลก โดยได้จัดตั้งบริษัทเพื่อการลงทุนวิสาหกิจแห่งใหม่ เพื่อทำหน้าที่จัดการเงินส่วนหนึ่งของทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ
อู๋เค่อเจีย ผู้บริหารจาก Brunswick บริษัทประชาสัมพันธ์ของแบล็กสโตน เปิดเผยว่า แบล็คสโตน กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่เงินทุนเอกชนสัญชาติมะกัน และ สเต็ท อินเวสต์เม้นท์ คอมปานี บริษัทที่รับผิดชอบบริหารเงินทุนบางส่วนจากคลังสำรองเงินตราระหว่างประเทศจีน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (20 พ.ค.) ได้ลงนามข้อตกลงลงทุนนำเงินทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศจำนวน 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐไปลงทุนซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์ของแบล็คสโตนเป็นสัดส่วนไม่เกิน 10% ของหุ้นทั้งหมด ภายหลังจากแบล็คสโตนเข้ากระจายหุ้นสู่สาธารณะครั้งแรก (ไอพีโอ) มูลค่า 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐราวกลางเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อเพิ่มกำไรและกระจายความเสี่ยงเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่ทะลุ 1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเมื่อสิ้นเดือนมีนาคม
โดยแบล็คสโตนได้รับเงินทุนผ่านเซ็นทรัล ฮุ่ยจิน สาขาเพื่อการลงทุนของธนาคารกลางจีน ที่คาดว่าจะรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งในสเต็ท อินเวสต์เม้นท์ คอมปานี ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างก่อตั้ง โดยไชน่า บิสซิเนส นิวส์รายงานอ้างคำกล่าวของแหล่งข่าวไม่เผยนาม
“นับเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลสำหรับจีนในการเอ้าท์ซอร์สบริษัทลงทุนหลักทรัพย์ระดับโลกที่มีประสบการณ์มาช่วยบริหารเงินสำรองเงินตราระหว่างประเทศ” หม่าจวิ้น นักเศรษฐศาสตร์ดอยช์ แบงก์ประจำฮ่องกงกล่าว
ข้อตกลงดังกล่าวจะให้สิทธิจีนในการครองส่วนแบ่งสินทรัพย์ อาทิ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซด์ ผ่านการลงทุนของแบล็คสโตนในทุสโซด์ กรุ๊ปด้วย
ภายใต้ข้อตกลง สเต็ท อินเวสต์เม้นท์ คอมปานี จะถือครองหุ้นบุริมสิทธิ์ของแบล็คสโตนเป็นจำนวนไม่เกิน 10% ของหุ้นทั้งหมด โดยฝ่ายจีนตกลงไม่จำหน่ายหุ้นดังกล่าวเป็นเวลาอย่างน้อย 4 ปี และจะไม่ลงทุนในบริษัทกองทุนเอกชนที่เป็นคู่แข่งเป็นเวลา 1 ปี และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลา 4 ปีที่กำหนด บริษัทจะเริ่มขายหุ้นปีละ 1 ใน 3 ของหุ้นทั้งหมด
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของจีนที่ต้องการหาช่องทางใหม่ในการลงทุนทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของจีน ซึ่งมีจำนวนมากสุดในโลก โดยได้จัดตั้งบริษัทเพื่อการลงทุนวิสาหกิจแห่งใหม่ เพื่อทำหน้าที่จัดการเงินส่วนหนึ่งของทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ