เอเชียนวอลสตรีทเจอร์นัล – ผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมขายตรงเชื่อ อนาคตธุรกิจในแดนมังกรจะเติบโตอย่างเชื่องช้า เนื่องจากรัฐบาลปักกิ่งไม่ปล่อยเสรีจริง ผุดกฎระเบียบเป็นหางว่าวคุมเข้มตั้งแต่พนักงานขายตรงยันรูปแบบธุรกิจ

เมื่อปี 1998 ปักกิ่งสั่งฝังกลบธุรกิจขายตรง เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวนำไปสู่การขายแบบปิรามิดและแบบ Ponzi ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาในสังคมจีนอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งจีนเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) เมื่อปี 2001 และถูกเรียกร้องให้เปิดเสรีธุรกิจค้าปลีก รวมถึงภาคขายตรงด้วย
และในปี 2005 จีนก็ประกาศปลดล็อกธุรกิจขายตรง และทยอยอนุมัติบริษัทต่างชาติดำเนินกิจการในจีน อาทิ บริษัทเอวอน โปรดักส์ บริษัท แอมเวย์ คอร์ป บริษัท นู สกีน เอ็นเตอร์ไพรส์ รวมทั้งโอริเฟลม บริษัทเครื่องสำอางที่เพิ่งเข้าเจาะจีนเมื่อเดือนที่แล้ว มองผิวเผินแล้วน่าจะเป็นข่าวดีของบรรดานักธุรกิจ แต่ในความเป็นจริงรัฐบาลปักกิ่งได้เปลี่ยนมากุมบังเหียนพนักงานขายตรงแทนโดยการผุดกฎเหล็กใหม่ขึ้นมาควบคุม
หวังหยวนหยวน สาวออฟฟิศผู้ตัดสินใจมาทำงานเป็น “สาวเอวอน” แบบพาร์ทไทม์ ค้นพบว่าเส้นทางการเป็นสาวเอวอนในแผ่นดินใหญ่นั้นยากเย็นกว่าที่ใดๆ ในโลก เพราะนอกจากจะต้องใช้เวลาสมัครนานไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์ ขณะที่ในประเทศอื่นใช้เวลาสมัครเพียงไม่กี่นาที เธอยังต้องสอบข้อเขียน และเข้าอบรมเกี่ยวกับกฎระเบียบการขายฉบับใหม่ล่าสุดของจีนอีกด้วย นอกจากนี้ ทุกครั้งที่เธอจำหน่ายสินค้าจะต้องแขวนป้ายพนักงาน ซึ่งมีรูปถ่ายของเธอ และต้องจำหน่ายอยู่ภายในเขตการขายที่กำหนดไว้เท่านั้น
ขณะเดียวกัน ปักกิ่งยังกำหนดให้จ่ายค่าคอมมิสชั่นแก่ผู้จำหน่ายไม่เกิน 30% ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีการเปลี่ยนแปลงกฎใหม่นั้น บริษัทตัวแทนจำหน่ายในจีนของแอมเวย์เคยให้ค่าคอมมิสชั่นและโบนัสมากถึง 45% ของยอดจำหน่าย กฎยังระบุว่า บริษัทไม่สามารถจ้างผู้สนับสนุนการขายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ เจ้าหน้าที่พลเรือน ชาวต่างชาติ หรือ นักเรียนนักศึกษาได้ นับเป็นก้างชิ้นโตสำหรับแอมเวย์และเอวอน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัททั้งสองต่างภูมิใจที่บริษัทมีทั้งแพทย์และอาจารย์มหาวิทยาลัยเป็นแรงสนับสนุนการขายอยู่
ไม่เพียงเท่านั้น ภายใต้กฎหมายต่อต้านการขายแบบปิรามิดและกฎหมายบริหารจัดการธุรกิจขายตรงที่จีนเพิ่งออกมาภายหลังนั้น ยังไม่อนุญาตให้บริษัทขายตรงดำเนินธุรกิจขายตรงหลายชั้น หรือ MLM เนื่องจากเกรงจะมีธุรกิจแบบปิรามิดแอบแฝง ทำให้ผู้จำหน่ายมีรายได้ทางเดียวจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ แทนที่จะได้จากการเพิ่มดาวน์ไลน์อีกทางด้วย
จากสถานการณ์ข้างต้น ทำให้กลุ่มนักวิเคราะห์เชื่อว่า ถึงแม้ว่าจะมีบริษัทขายตรงแห่รุกขุดทองในตลาดมังกรก็ตาม แต่อัตราการเติบโตของธุรกิจน่าจะชะลอตัวและไม่หวือหวานัก
ศาสตราจารย์หยางเซียน จากวิทยาลัยธุรกิจการจัดการปักกิ่งกล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า “ธุรกิจของบริษัทขายตรง อาทิ เอวอน แอมเวย์ จะต้องย่ำแย่ลงแน่นอน” จากที่คาดการณ์ไว้ อุตสาหกรรมขายตรงมูลค่ากว่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐของจีนน่าจะขยายตัว 10.7% ต่อปีในช่วงปี 2006-2011 ขณะที่อัตราการขยายตัวก่อนหน้านี้อยู่ที่ราว 22%
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการขยายตัวของตลาดขายตรงในจีนจะชะลอตัวอยู่ที่ราว 10% ตามคาด แต่ก็ยังนับว่าโตเร็วกว่าอัตราขยายตัวของทั่วโลกที่คาดไว้ถึง 2.7% ตามข้อมูลของยูโรมอนิเตอร์
กำลังซื้อที่เพิ่มสูงขึ้น ยังหอมหวนเย้ายวล ทำให้ต่างชาติเริ่มผละจากเมืองชายฝั่งของจีนเข้าสยายปีกสู่เมืองชั้นใน ที่มีความต้องการสินค้าขายตรงต้นทุนต่ำเพิ่มจำนวนขึ้น
“ทุกคนพูดถึงจีนในฐานะตลาดขายตรงที่ใหญ่ที่สุดในโลก” โรเบิร์ต จอชนิก ประธานของบริษัทโอริเฟลมกล่าว แอมเวย์เองก็ไม่พลาดโอกาสเมื่อเร็วๆ นี้บริษัทได้จีบหลิวเสียง นักกีฬาวิ่งกระโดดเหรียญทองโอลิมปิกของจีนมาเป็นพรีเซนเตอร์
เมื่อปี 1998 ปักกิ่งสั่งฝังกลบธุรกิจขายตรง เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวนำไปสู่การขายแบบปิรามิดและแบบ Ponzi ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาในสังคมจีนอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งจีนเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) เมื่อปี 2001 และถูกเรียกร้องให้เปิดเสรีธุรกิจค้าปลีก รวมถึงภาคขายตรงด้วย
และในปี 2005 จีนก็ประกาศปลดล็อกธุรกิจขายตรง และทยอยอนุมัติบริษัทต่างชาติดำเนินกิจการในจีน อาทิ บริษัทเอวอน โปรดักส์ บริษัท แอมเวย์ คอร์ป บริษัท นู สกีน เอ็นเตอร์ไพรส์ รวมทั้งโอริเฟลม บริษัทเครื่องสำอางที่เพิ่งเข้าเจาะจีนเมื่อเดือนที่แล้ว มองผิวเผินแล้วน่าจะเป็นข่าวดีของบรรดานักธุรกิจ แต่ในความเป็นจริงรัฐบาลปักกิ่งได้เปลี่ยนมากุมบังเหียนพนักงานขายตรงแทนโดยการผุดกฎเหล็กใหม่ขึ้นมาควบคุม
หวังหยวนหยวน สาวออฟฟิศผู้ตัดสินใจมาทำงานเป็น “สาวเอวอน” แบบพาร์ทไทม์ ค้นพบว่าเส้นทางการเป็นสาวเอวอนในแผ่นดินใหญ่นั้นยากเย็นกว่าที่ใดๆ ในโลก เพราะนอกจากจะต้องใช้เวลาสมัครนานไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์ ขณะที่ในประเทศอื่นใช้เวลาสมัครเพียงไม่กี่นาที เธอยังต้องสอบข้อเขียน และเข้าอบรมเกี่ยวกับกฎระเบียบการขายฉบับใหม่ล่าสุดของจีนอีกด้วย นอกจากนี้ ทุกครั้งที่เธอจำหน่ายสินค้าจะต้องแขวนป้ายพนักงาน ซึ่งมีรูปถ่ายของเธอ และต้องจำหน่ายอยู่ภายในเขตการขายที่กำหนดไว้เท่านั้น
ขณะเดียวกัน ปักกิ่งยังกำหนดให้จ่ายค่าคอมมิสชั่นแก่ผู้จำหน่ายไม่เกิน 30% ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีการเปลี่ยนแปลงกฎใหม่นั้น บริษัทตัวแทนจำหน่ายในจีนของแอมเวย์เคยให้ค่าคอมมิสชั่นและโบนัสมากถึง 45% ของยอดจำหน่าย กฎยังระบุว่า บริษัทไม่สามารถจ้างผู้สนับสนุนการขายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ เจ้าหน้าที่พลเรือน ชาวต่างชาติ หรือ นักเรียนนักศึกษาได้ นับเป็นก้างชิ้นโตสำหรับแอมเวย์และเอวอน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัททั้งสองต่างภูมิใจที่บริษัทมีทั้งแพทย์และอาจารย์มหาวิทยาลัยเป็นแรงสนับสนุนการขายอยู่
ไม่เพียงเท่านั้น ภายใต้กฎหมายต่อต้านการขายแบบปิรามิดและกฎหมายบริหารจัดการธุรกิจขายตรงที่จีนเพิ่งออกมาภายหลังนั้น ยังไม่อนุญาตให้บริษัทขายตรงดำเนินธุรกิจขายตรงหลายชั้น หรือ MLM เนื่องจากเกรงจะมีธุรกิจแบบปิรามิดแอบแฝง ทำให้ผู้จำหน่ายมีรายได้ทางเดียวจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ แทนที่จะได้จากการเพิ่มดาวน์ไลน์อีกทางด้วย
จากสถานการณ์ข้างต้น ทำให้กลุ่มนักวิเคราะห์เชื่อว่า ถึงแม้ว่าจะมีบริษัทขายตรงแห่รุกขุดทองในตลาดมังกรก็ตาม แต่อัตราการเติบโตของธุรกิจน่าจะชะลอตัวและไม่หวือหวานัก
ศาสตราจารย์หยางเซียน จากวิทยาลัยธุรกิจการจัดการปักกิ่งกล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า “ธุรกิจของบริษัทขายตรง อาทิ เอวอน แอมเวย์ จะต้องย่ำแย่ลงแน่นอน” จากที่คาดการณ์ไว้ อุตสาหกรรมขายตรงมูลค่ากว่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐของจีนน่าจะขยายตัว 10.7% ต่อปีในช่วงปี 2006-2011 ขณะที่อัตราการขยายตัวก่อนหน้านี้อยู่ที่ราว 22%
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการขยายตัวของตลาดขายตรงในจีนจะชะลอตัวอยู่ที่ราว 10% ตามคาด แต่ก็ยังนับว่าโตเร็วกว่าอัตราขยายตัวของทั่วโลกที่คาดไว้ถึง 2.7% ตามข้อมูลของยูโรมอนิเตอร์
กำลังซื้อที่เพิ่มสูงขึ้น ยังหอมหวนเย้ายวล ทำให้ต่างชาติเริ่มผละจากเมืองชายฝั่งของจีนเข้าสยายปีกสู่เมืองชั้นใน ที่มีความต้องการสินค้าขายตรงต้นทุนต่ำเพิ่มจำนวนขึ้น
“ทุกคนพูดถึงจีนในฐานะตลาดขายตรงที่ใหญ่ที่สุดในโลก” โรเบิร์ต จอชนิก ประธานของบริษัทโอริเฟลมกล่าว แอมเวย์เองก็ไม่พลาดโอกาสเมื่อเร็วๆ นี้บริษัทได้จีบหลิวเสียง นักกีฬาวิ่งกระโดดเหรียญทองโอลิมปิกของจีนมาเป็นพรีเซนเตอร์