ไชน่านิวส์ – เมื่อเร็วๆนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและรักษาโรคเอดส์มหาวิทยาลัยชิงเต่าระบุว่า แดนมังกรมีกลุ่มคนรักร่วมเพศถึง 30 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นเกย์ 20 ล้านคนซึ่งจัดเป็นกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงในการติดและแพร่เชื้อเอดส์ ในขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเอดส์ของจีนเปิดเผยผลการสำรวจล่าสุดพบว่า มีเกย์เพียง 20% เท่านั้นมีมีการป้องกันในขณะมีเพศสัมพันธ์
ศาสตราจารย์จางเป่ยชวน ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและรักษาโรคเอดส์จากมหาวิทยาลัยชิงเต่าได้เปิดเผยว่า “ประเทศจีนมีคนที่จัดเป็นพวกรักร่วมเพศมากขึ้นทุกที ปัจจุบัน มีกลุ่มคนรักร่วมเพศอยู่ราว 30 ล้านคน เป็นเกย์ 20 ล้านคน โดยกลุ่มรักร่วมเพศชายนี้จัดเป็นกลุ่มบุคคลที่มีโอกาสติดเชื้อสูงมาก อย่างเกย์ในปักกิ่งที่มีราว 300,000 คน มีตัวเลขการติดเอดส์มากกว่า 3%”
ในขณะที่นายอู๋จุนโหย่วผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเอดส์ของจีนก็ได้เปิดเผยรายงานผลการสำรวจสุขภาพของเกย์ในประเทศจีน ที่ระบุว่ารักร่วมเพศในชายนั้น เป็นกลุ่มตัวการหลักในการเผยแพร่เชื้อเอชไอวี
โดยรายงานได้ทำการสำรวจอาชีพ การศึกษา สภาพทางการเงิน ความเป็นอยู่ ความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์ และความปลอดภัยในการมีเพศสัมพันธ์ ของเกย์ 526 คนในปักกิ่งพบว่า 1 ใน 3 ของเกย์จีน มีความสัมพันธ์กับทั้งหญิงและชาย ซึ่งจะทำให้มีโอกาสในการติดและแพร่เชื้อที่สูงมาก โดย 46%ของเกย์จีน เป็นคนมีการศึกษาค่อนข้างสูง มีสิ่งแวดล้อมที่ดี และมีอาชีพที่มั่นคง
ผลการสำรวจยังพบว่า ในกลุ่มเกย์ที่มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีมากที่สุด กลับมีเพียง 20% เท่านั้นที่มีการป้องกันอย่างเช่นใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งในขณะมีเพศสัมพันธ์
“เหมือนกับคนสูบบุหรี่ที่รู้ว่าเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง แต่หมอหลายคนก็ยังสูบ บรรดาเกย์แม้รู้ว่ามีความเสี่ยงสูง แต่ก็ยังคงสนใจความสนุกชั่วขณะ มากกว่าการตระหนักถึงความปลอดภัย จึงมักไม่ค่อยยอมใช้ถุงยางอนามัย” อู๋กล่าว
ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเอดส์ของจีนยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ภายในเวลา 1 วัน (28 พ.ย. – 29 พ.ย.) มีการตรวจพบผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อเอดส์เพิ่มขึ้นถึง 190 คน กึ่งหนึ่งในนั้นเป็นผู้ที่แพร่เชื้อเอชไอวี”
ทั้งนี้จากการสำรวจผู้ติดเชื้อเอชไอวีของชาวจีนล่าสุดในปีที่ผ่านมา ผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่ เกิดจากการแพร่เชื้อด้วยการมีเพศสัมพันธ์มากกว่าการเสพยาเสพติดแล้ว.