ชาติสมาคมอาเซียนไปประชุมกับจีนที่เมืองหนานหนิง เขตปกครองตนเองชนชาติจ้วง- กวางสี สะท้อนถึงบทบาทที่เพิ่มพูนใหญ่โตขึ้นมากมายของจีน
การประชุมรอบนี้ รู้สึกว่าจะมีการกล่าวถึง ความร่วมมือทางการทหารระหว่างจีนกับชาติอาเซียนอย่างชัดเจน โดยเวินเจียเป่านายกรัฐมนตรีของจีน
และในวันรุ่งขึ้น สหรัฐอเมริกาก็แสดงท่าทีต่อกรณีนี้ทันที รัฐบาลสหรัฐบอกว่าเป็นเรื่องดีที่จีนจะขยายความร่วมมือทางการทหารกับชาติอาเซียน
ไม่ต้องแปลกใจหรอกที่สหรัฐหันมาสนับสนุนจีนให้ขยายความร่วมมือทางทหารกับชาติอาเซียน เพราะถึงแม้สหรัฐจะห้ามปรามต่อต้านอย่างไร ก็ไม่อาจฝืนต้านทานแนวโน้มนี้ได้สำเร็จ สหรัฐจึงออกลูก “ยุส่งไปเลย” และเหน็บข้อเรียกร้องให้จีนเปิดเผยการใช้งบประมาณทางการทหาร เปิดเผยโครงการต่างๆ มากขึ้น
การร่วมมือกับอาเซียนนั้น จะเป็นการเปิดเผยโครงการทางทหารของจีนในภูมิภาคนี้ได้ส่วนหนึ่ง สหรัฐจึงน่าจะยินดี เพราะสหรัฐสามารถล้วงความลับทางทหารจากชาติอาเซียนส่วนหนึ่งได้อย่างหวานหมูอยู่แล้ว
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจของการประชุมรอบนี้คือ จีนเลือกจัดประชุมที่กวางสี
อันนี้เป็นยุทธศาสตร์ของจีนที่จะเปิดกวางสีให้เป็นประตูสู่อาเซียน
ผมเคยเขียนเล่าเรื่องชาวจ้วงในกวางสีไปบ้างแล้ว
สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องประวัติของชนชาติไท (หรือไต) ก็จะต้องทำความเข้าใจศึกษาเรื่องของชนชาติจ้วง เรื่องของกวางสีให้ดี
ถ้ายังไม่เข้าใจดี โปรดศึกษาเสียก่อน อย่าด่วนนึกว่าตนรู้เรื่องของชนชาติไทแล้ว
ชื่อชนชาติจ้วงในกวางสีนี้ เป็นชื่อรวมเรียกชนกลุ่มน้อยที่ใช้ภาษาตระกูลจ้วง-ไทหลายๆ กลุ่มในกวางสี
กลุ่มย่อยเหล่านี้มีประมาณสามสิบกว่าชื่อ เช่น ผู้จ้วง ผู้ม่าน (บ้าน) ผู้นา ผู้ญัย ผู้ไท ผู้โท้ ผู้นุง ฯลฯ
ทีนี้เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนเขาได้อำนาจ เขาใช้นโยบายแนวสังคมนิยมที่ส่งเสริมการปกครองตนเองของชนชาติส่วนน้อย เขาสำรวจและจัดแบ่งชนชาติส่วนน้อย สำหรับในกวางสี เขารวมสามสิบกว่ากลุ่มนี้เข้าด้วยกัน แล้วใช้ชื่อกลุ่ม “จ้วง” (เป็นชนพื้นเมืองแถบหนานหนิง) เป็นชื่อกลาง เรียกว่าชนชาติจ้วง และแบ่งเขตปกครองกวางสีเรียกว่า เขตปกครองตนเองชนชาติจ้วง กวางสี
คนผู้ไทแถบกวางสีตอนใต้ที่ติดกับเวียดนาม จึงจัดเป็นชนชาติจ้วงไปด้วย และคนผู้ญัยแถบกวางสีตอนเหนือก็จัดเป็นชนชาติจ้วงด้วยเช่นกัน แม้ว่าในมณฑลกุ้ยโจวจะมีชนชาติผู้ญัย (ปู้อี) เป็นชนชาติอีกชนชาติหนึ่งอยู่แล้วก็ตาม
ชนชาติจ้วงมีประชากรอยู่มากกว่า 15 ล้านคน เป็นชนชาติส่วนน้อยที่มีประชากรมากที่สุด
หลายๆ ท่านคงจะทราบแล้วว่า คำศัพท์พื้นฐานในภาษาจ้วงมีที่ตรงกับคำภาษาไทย (โดยเฉพาะคำลาว) เป็นจำนวนมาก
มึง-กู, กินข้าว-กินเหล้า, ไก่-เป็ด ฯลฯ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะฟังพูดกันรู้เรื่องนะครับ
สอบถามกันทีละคำจึงรู้เรื่อง
แต่ถ้าพูดเร็วปรื๋อมาทั้งประโยค คนไทยฟังไม่ออก เพราะจะมีคำสำเนียงไป๋หั้ว (สำเนียงท้องถิ่นหนึ่งของกวางตุ้ง) ปะปนอยู่ครึ่งต่อครึ่ง
เช่นเดียวกับที่ประโยคภาษาไทยจะมีคำมอญ เขมร และอินเดียปะปนอยู่มากกว่าครึ่ง ชาวจ้วงจึงฟังไม่เข้าใจ
ปัจจุบันนี้มีนักศึกษาจากกวางสีนิยมเรียนภาษาไทยกันมาก ที่มีเงินพอเสียค่าเล่าเรียนมาเรียนในเมืองไทยก็เยอะ เฉพาะที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตก็ปีละประมาณ 200 คนเข้าไปแล้ว
ต่อไปข้างหน้า กวางสี-ประเทศไทยจะขยายความสัมพันธ์และเป็นสถานีการค้าของไทยกับจีนที่สำคัญมากๆ
ท่านที่สนใจเรื่องจีน ขอให้หันมาดูเรื่อง กวางสี ให้มากขึ้น
ก่อนจบขอนำรัฐธรรมนูญของจีนที่คุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของชนชาติส่วนน้อยมาให้ดูดังนี้
มาตรา4 ชนชาติต่างๆ ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนล้วนมีความเสมอภาคเหมือนกันหมด รัฐคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ชอบด้วยกฎหมายของชนกลุ่มน้อยต่างๆ ปกปักษ์รักษาและพัฒนาความเสมอภาคของชนชาติต่างๆ สมานความสามัคคีเชื่อมความสัมพันธ์และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ห้ามดูถูกเหยียดหยามและกดขี่ชนชาติใดๆ ห้ามทำลายความสามัคคีของชนชาติและสร้างความแตกแยกของชนชาติ
ให้ความช่วยเหลือชนกลุ่มน้อยในเขตท้องถิ่นต่างๆ เร่งพัฒนาเศรษฐกิจ วัฒนธรรมตามลักษณะพิเศษและความต้องการของชนกลุ่มน้อยเหล่านั้น
ให้ท้องถิ่นที่ชนกลุ่มน้อยอยู่รวมกันดำเนินการปกครองตนเอง จึดองค์กรปกครองตนเอง ใช้อำนาจปกครองตนเอง ท้องถิ่นปกครองตนเองของชนกลุ่มน้อยต่างๆ เป็นส่วนหนึ่งของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ไม่อาจแบ่งแยกได้
ชนชาติต่างๆ มีสิทธิใช้และพัฒนาภาษาและอักษรของตนเองอย่างอิสระ มีอิสระในการรักษาไว้หรือปฏิรูปขนบธรรมเนียมประเพณีของตนเอง
การประชุมรอบนี้ รู้สึกว่าจะมีการกล่าวถึง ความร่วมมือทางการทหารระหว่างจีนกับชาติอาเซียนอย่างชัดเจน โดยเวินเจียเป่านายกรัฐมนตรีของจีน
และในวันรุ่งขึ้น สหรัฐอเมริกาก็แสดงท่าทีต่อกรณีนี้ทันที รัฐบาลสหรัฐบอกว่าเป็นเรื่องดีที่จีนจะขยายความร่วมมือทางการทหารกับชาติอาเซียน
ไม่ต้องแปลกใจหรอกที่สหรัฐหันมาสนับสนุนจีนให้ขยายความร่วมมือทางทหารกับชาติอาเซียน เพราะถึงแม้สหรัฐจะห้ามปรามต่อต้านอย่างไร ก็ไม่อาจฝืนต้านทานแนวโน้มนี้ได้สำเร็จ สหรัฐจึงออกลูก “ยุส่งไปเลย” และเหน็บข้อเรียกร้องให้จีนเปิดเผยการใช้งบประมาณทางการทหาร เปิดเผยโครงการต่างๆ มากขึ้น
การร่วมมือกับอาเซียนนั้น จะเป็นการเปิดเผยโครงการทางทหารของจีนในภูมิภาคนี้ได้ส่วนหนึ่ง สหรัฐจึงน่าจะยินดี เพราะสหรัฐสามารถล้วงความลับทางทหารจากชาติอาเซียนส่วนหนึ่งได้อย่างหวานหมูอยู่แล้ว
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจของการประชุมรอบนี้คือ จีนเลือกจัดประชุมที่กวางสี
อันนี้เป็นยุทธศาสตร์ของจีนที่จะเปิดกวางสีให้เป็นประตูสู่อาเซียน
ผมเคยเขียนเล่าเรื่องชาวจ้วงในกวางสีไปบ้างแล้ว
สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องประวัติของชนชาติไท (หรือไต) ก็จะต้องทำความเข้าใจศึกษาเรื่องของชนชาติจ้วง เรื่องของกวางสีให้ดี
ถ้ายังไม่เข้าใจดี โปรดศึกษาเสียก่อน อย่าด่วนนึกว่าตนรู้เรื่องของชนชาติไทแล้ว
ชื่อชนชาติจ้วงในกวางสีนี้ เป็นชื่อรวมเรียกชนกลุ่มน้อยที่ใช้ภาษาตระกูลจ้วง-ไทหลายๆ กลุ่มในกวางสี
กลุ่มย่อยเหล่านี้มีประมาณสามสิบกว่าชื่อ เช่น ผู้จ้วง ผู้ม่าน (บ้าน) ผู้นา ผู้ญัย ผู้ไท ผู้โท้ ผู้นุง ฯลฯ
ทีนี้เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนเขาได้อำนาจ เขาใช้นโยบายแนวสังคมนิยมที่ส่งเสริมการปกครองตนเองของชนชาติส่วนน้อย เขาสำรวจและจัดแบ่งชนชาติส่วนน้อย สำหรับในกวางสี เขารวมสามสิบกว่ากลุ่มนี้เข้าด้วยกัน แล้วใช้ชื่อกลุ่ม “จ้วง” (เป็นชนพื้นเมืองแถบหนานหนิง) เป็นชื่อกลาง เรียกว่าชนชาติจ้วง และแบ่งเขตปกครองกวางสีเรียกว่า เขตปกครองตนเองชนชาติจ้วง กวางสี
คนผู้ไทแถบกวางสีตอนใต้ที่ติดกับเวียดนาม จึงจัดเป็นชนชาติจ้วงไปด้วย และคนผู้ญัยแถบกวางสีตอนเหนือก็จัดเป็นชนชาติจ้วงด้วยเช่นกัน แม้ว่าในมณฑลกุ้ยโจวจะมีชนชาติผู้ญัย (ปู้อี) เป็นชนชาติอีกชนชาติหนึ่งอยู่แล้วก็ตาม
ชนชาติจ้วงมีประชากรอยู่มากกว่า 15 ล้านคน เป็นชนชาติส่วนน้อยที่มีประชากรมากที่สุด
หลายๆ ท่านคงจะทราบแล้วว่า คำศัพท์พื้นฐานในภาษาจ้วงมีที่ตรงกับคำภาษาไทย (โดยเฉพาะคำลาว) เป็นจำนวนมาก
มึง-กู, กินข้าว-กินเหล้า, ไก่-เป็ด ฯลฯ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะฟังพูดกันรู้เรื่องนะครับ
สอบถามกันทีละคำจึงรู้เรื่อง
แต่ถ้าพูดเร็วปรื๋อมาทั้งประโยค คนไทยฟังไม่ออก เพราะจะมีคำสำเนียงไป๋หั้ว (สำเนียงท้องถิ่นหนึ่งของกวางตุ้ง) ปะปนอยู่ครึ่งต่อครึ่ง
เช่นเดียวกับที่ประโยคภาษาไทยจะมีคำมอญ เขมร และอินเดียปะปนอยู่มากกว่าครึ่ง ชาวจ้วงจึงฟังไม่เข้าใจ
ปัจจุบันนี้มีนักศึกษาจากกวางสีนิยมเรียนภาษาไทยกันมาก ที่มีเงินพอเสียค่าเล่าเรียนมาเรียนในเมืองไทยก็เยอะ เฉพาะที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตก็ปีละประมาณ 200 คนเข้าไปแล้ว
ต่อไปข้างหน้า กวางสี-ประเทศไทยจะขยายความสัมพันธ์และเป็นสถานีการค้าของไทยกับจีนที่สำคัญมากๆ
ท่านที่สนใจเรื่องจีน ขอให้หันมาดูเรื่อง กวางสี ให้มากขึ้น
ก่อนจบขอนำรัฐธรรมนูญของจีนที่คุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของชนชาติส่วนน้อยมาให้ดูดังนี้
มาตรา4 ชนชาติต่างๆ ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนล้วนมีความเสมอภาคเหมือนกันหมด รัฐคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ชอบด้วยกฎหมายของชนกลุ่มน้อยต่างๆ ปกปักษ์รักษาและพัฒนาความเสมอภาคของชนชาติต่างๆ สมานความสามัคคีเชื่อมความสัมพันธ์และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ห้ามดูถูกเหยียดหยามและกดขี่ชนชาติใดๆ ห้ามทำลายความสามัคคีของชนชาติและสร้างความแตกแยกของชนชาติ
ให้ความช่วยเหลือชนกลุ่มน้อยในเขตท้องถิ่นต่างๆ เร่งพัฒนาเศรษฐกิจ วัฒนธรรมตามลักษณะพิเศษและความต้องการของชนกลุ่มน้อยเหล่านั้น
ให้ท้องถิ่นที่ชนกลุ่มน้อยอยู่รวมกันดำเนินการปกครองตนเอง จึดองค์กรปกครองตนเอง ใช้อำนาจปกครองตนเอง ท้องถิ่นปกครองตนเองของชนกลุ่มน้อยต่างๆ เป็นส่วนหนึ่งของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ไม่อาจแบ่งแยกได้
ชนชาติต่างๆ มีสิทธิใช้และพัฒนาภาษาและอักษรของตนเองอย่างอิสระ มีอิสระในการรักษาไว้หรือปฏิรูปขนบธรรมเนียมประเพณีของตนเอง