xs
xsm
sm
md
lg

ไม่ต้องอวดศักดาหรอก คนเขาเบื่อ

เผยแพร่:   โดย: โชติช่วง นาดอน

ฝากนิทานเตือนใจนักต่อสู้ผู้เหี้ยมหาญทั้งหลายไว้อีกสักตอน เป็นนิทานเต๋าจากคัมภีร์ “เลี่ยจื่อ”

เรื่องแรกชื่อว่า “ไม่อวดศักดา” ท่านเล่าว่า

“เจ้าโจวเซวียนหวางชื่นชอบการตีไก่ สั่งให้ผู้เชี่ยวชาญการบ่มเพาะไก่ชนชื่อจี้เสิงจื่อเลี้ยงและฝึกไก่ชนที่มีลักษณะดีมากตัวหนึ่งในเก่งกาจ

เวลาผ่านไปสิบวัน เจ้าโจวเซวียนหวางไปถามจี้เสิงจื่อว่า ฝึกไก่สำเร็จหรือยัง นำไปตีได้หรือยัง จี้เสิงจื่อบอกว่า ยังไม่ได้ เพราะไก่ตัวนี้ยังฮึกเหิมคึกคะนองมาก

ผ่านไปอีกสิบวัน เจ้าโจวเซวียนหวางก็ไปถามจี้เสิงจื่ออีก จี้เสิงจื่อบอกว่า ยังไม่พร้อม เพราะเพียงมันเห็นเงาไก่ตัวผู้ตัวอื่น มันก็คึกขนชูชัน

อีกสิบวันต่อมา เจ้าโจวเซวียนหวางไปถามจี้เสิงจื่ออีกครั้ง จี้เสิงจื่อก็ตอบว่ายังไม่พร้อมอีก เนื่องจากมันยังลำพองมาก ชอบมองอย่างท้าทายโกรธเกรี้ยว อวดศักดาไปทั่ว

ผ่านเวลาไปอีกสิบวัน โจวเซวียนหวางไปถามจี้เสิงจื่ออีก คราวนี้จี้เสิงจื่อบอกว่า พอจะใช้ได้แล้ว เพราะเวลามันได้ยินไก่ตัวผู้ตัวอื่นขัน มันไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ราวกันว่ามันเป็นหุ่นไม้ เวลานี้ใจมันสงบไม่ถูกสิ่งภายนอกยั่วยุได้

โจวเซวียนหวางจึงนำมันลงสนามชนไก่ ไก่ตัวอื่นเห็นท่าทางของมันนิ่งสงบเยือกเย็นต่างพากันกลัวหงอไม่กล้าสู้”

นิทานเรื่องนี้สอนว่า ไก่ชนที่ไม่ฮึกห้าวจะเอาชนะแต่ถ่ายเดียว ย่อมไม่มีจุดอ่อนให้โจมตี พลังของมันซ่อนอยู่ภายในล้ำลึก ยามลงมือจึงไม่มีไก่ตัวใดต้านทานได้

นักต่อสู้ทั้งหลายแหล่ ที่ฮึ่มๆ แฮ่ๆ กันด้วยวาจานั้น น่ารำคาญมากกว่าน่าเกรงขาม

และว่ากันให้ถึงที่สุดแล้ว คนเราก็ไม่รู้จะต่อสู้กันไปทำไม นิทานเรื่องต่อมาชื่อว่า “ไปตีคนอื่น เราก็ย่อมถูกตี”

“เจ้าจิ้นเหวินกง” ประมุขแคว้นจิ้น เรียกชุมนุมกองทัพแคว้นย่อยต่างๆ เพื่อรวมกำลังไปบุกโจมตีแคว้นเว่ย กงจื่อฉูขุนนางคนหนึ่งหัวร่อขึ้นในที่ประชุม จิ้นเหวินกงตวาดถามว่า หัวเราะอะไร กงจื่อฉูตอบว่า ข้าพเจ้านึกขำชายเพื่อนบ้านของข้าพเจ้า วันนึงเขาพาเมียไปเยี่ยมบ้านเดิม ระหว่างทางเขาเห็นสาวสวยเก็บใบหม่อนอยู่ในไร่ เขาจึงแอบหลบไปจีบสาวคนนั้น จีบกำลังเพลิดเพลิน เขาหันกลับไปดูทางเมีย ก็เห็นชายแปลกหน้ากำลังจีบเมียของตนอยู่

เจ้าจิ้นเหวินกงนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เข้าใจความนัยของกงจื่อฉู จึงบอกว่า เราเข้าใจเจ้าแล้ว ตกลงสั่งงดแผนการโจมตีแคว้นเว่ย รีบยกทัพกลับราชธานี

เจ้าจิ้นเหวินกงยังไม่ทันกลับถึงราชธานีเลย ก็มีรายงานด่วนแจ้งว่า ชายแดนภาคเหนือของแคว้นจิ้นถูกรุกราน”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า หากคิดรุกรานเอาชนะคนอื่น จะพบกับภัยการรุกรานเอาชนะจากผู้อื่นด้วย

มีนิทานเต๋าอีกเรื่องที่สอนคล้ายๆ กัน เป็นคำสอนจากคัมภีร์จวงจื่อ เล่าว่า เจ้าตั๊กแตนตำข้าวกำลังเงื้อง่าจะจับจักจั่นกินเป็นอาหาร มีนกกระจอกจ้องอยู่เบื้องหลังตั๊กแตนตำข้าว กำลังจะจิกกินเจ้าตั๊กแตน แต่ใต้ต้นไม้มีเจ้าเด็กคนหนึ่งกำลังยืดหนังสะติ๊กเล็งไปที่นกกระจอก

คนที่หลงอยู่กับผลประโยชน์เฉพาะหน้า จนหลงลืมสังเกตภัยอันตรายรอบข้าง อย่างเจ้าตั๊กแตนตำข้าว เจ้านกกระจอก มีอยู่มากมายนัก

นิทานอีกเรื่อง เหมาะสำหรับคนที่ชอบนึกว่าตัวเองเป็นปราชญ์ สอนผู้อื่นตลอดเวลา แต่ไม่เคยจะยอมรับการสั่งสอนของใคร

เรื่องนี้ชื่อว่า “ไม่ต้องเป็นปราชญ์ แต่ต้องรู้จักปราชญ์”

“คนที่มีพลังใจสูงมักเชื่อมั่นทะนงตัว คนที่ทรงพลังมีวิทยายุทธ์สูงมักฮึกห้าวคะนองนึกว่าตนเก่งกาจ คนหลงตนไม่ชอบฟังความเห็นคนอื่น ย่อมจะไม่มีใครเขาอยากจะบอกความจริงให้ฟัง เขาจึงถูกโดดเดี่ยว ไม่มีใครช่วยเหลือเกื้อกูล

ปราชญ์จึงชอบเลือกใช้ผู้สูงอายุ ซึ่งสติปัญญาลึกซึ้งแต่สงบเสงี่ยม ไม่โอ้อวดหลงตัวเอง

ประมุขก็เช่นกัน ประมุขไม่จำเป็นต้องปราดเปรื่องเป็นปราชญ์ แต่ประมุขต้องรู้ว่า จะแสวงหาปราชญ์มาแวดล้อมได้อย่างไร”

บางคนเคยมีปราชญ์แวดล้อมเหมือนกัน แต่แล้วก็ถนัดในการไล่ปราชญ์กระเด็นกระดอนห่างเหินไปหมด

นิทานเต๋าในคัมภีร์เลี่ยจื่ออ่านสนุกและให้ความคำสอนล้ำลึกมากนะครับ แต่ตัวเลี่ยจื่อเป็นใคร หาหลักฐานได้น้อยเหลือเกินครับ

เลี่ยจื่อคือใคร มีหลักฐานทางข้อเขียนอยู่นิดหน่อยว่า เลี่ยจื่อเป็นปราชญ์รุ่นก่อนท่านจวงจื่อ เลี่ยจื่อมีนามเต็มว่า “เลี่ยอวี้โขว้” เป็นคนแคว้นเจิ้ง มีชีวิตอยู่ในรัชสมัยของเจิ้งซวีกง เลี่ยจื่อเป็นอาจารย์ชื่อดังผู้มีชื่อเสียงว่าเป็นผู้ “ดำรงเต๋า” มีลูกศิษย์ร่ำเรียนวิชาด้วยไม่น้อย บางครั้งมากถึง 40 คน

คำสอนของเลี่ยจื่อเป็นสะพานเชื่อมระหว่างคำสอนของเหลาจื่อ (คัมภีร์เต๋าเต็กเก็ง) กับคำสอนของจวงจื่อ (คัมภีร์จวงจื่อ)

แต่ทว่า คัมภีร์ของเหลาจื่อและจวงจื่อแพร่หลายกว้างขวางกว่าคัมภีร์เลี่ยจื่อมากครับ ทั้งนี้ เนื่องจากสองคัมภีร์ข้างต้นมีเนื้อหาเป็นระบบมากกว่าของเลี่ยจื่อครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น