ไชน่าเดลี่/ซีน่า เน็ต-28/08/06—พญามังกรผ่านขั้นตอนสุดท้ายรับรองกฎหมายล้มละลายฉบับใหม่ มุ่งเน้นการคุ้มครองเจ้าหนี้ก่อนสะสางค่าชดเชยแก่คนงานที่ถูกปลดออก อีกทั้งไฟเขียวกฎหมายฉบับปรับแก้ว่าด้วยการจัดตั้งคู่หุ้นส่วนในภาคธุรกิจของต่างชาติ พร้อมขยายอำนาจสมัชชาผู้แทนประชาชนหรือสภานิติบัญญัติในการตรวจสอบการทำงานรัฐบาล โดยมีประธานาธิบดีหูจิ่นเทาเป็นประธานการลงนามก่อนประกาศกฎหมายเหล่านี้
การประชุมคณะกรรมการประจำแห่งสมัชชาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน(เอ็นพีซี) หรือสภานิติบัญัตติ ซึ่งปิดการประชุมสมัยสามัญประจำปีไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (27 ส.ค.) รับรองกฎหมายว่าด้วยการล้มละลายของกลุ่มธุรกิจ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ.2007 และจะยกเลิกกฎหมายล้มละลายฉบับปัจจุบันในกำหนดเวลาเดียวกันนับเป็นครั้งแรกที่กฎหมายล้มละลายจีนได้ครอบคลุมถึงภาคธุรกิจเอกชนอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ จีนได้ประกาศใช้กฎหมายล้มละลายฯฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เมื่อปี ค.ศ. 1986 บนพื้นฐานของการทดลองใช้ และขณะนี้ มีกระแสเห็นพ้องกันอย่างกว้างขวางว่า กฎหมายล้มละลายฉบับปัจจุบันนี้ ล้าสมัย เนื่องจากไม่อาจให้การคุ้มครองอย่างเพียงพอแก่เจ้าหนี้ และมีขอบเขตการบังคับใช้ที่แคบเพียงกลุ่มวิสาหกิจของรัฐเท่านั้น ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ ได้ระบุให้จ่ายเงินชดเชยแก่พนักงานที่ถูกโละออกจากงาน ก่อนที่จะสะสางหนี้สินให้แก่เจ้าหนี้
สำหรับกฎหมายว่าด้วยการล้มละลายฯฉบับใหม่นี้ ได้ระบุขอบเขตการคุ้มครองแก่กลุ่มบริษัทและสถาบันการเงินทุกประเภท โดยบริษัทและวิสาหกิจทั้งหมดในดินแดน ไม่ว่าของรัฐหรือเอกชน จะต้องยึดถือกฎหมายว่าด้วยการล้มละลายฉบับใหม่นี้
กฎหมายฉบับใหม่ดังกล่าวระบุว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ปี ค.ศ. 2007 บริษัทที่ไร้ความสามารถในการชำระหนี้สินทุกราย จะต้องสะสางค่าค้ำประกันแก่เจ้าหนี้ก่อน จากนั้น จึงใช้สินทรัพย์เป็นสินเชื่อค้ำประกันแก่คนงานที่ต้องถูกปลดออกจากงาน
“กฎหมายฉบับใหม่นี้ ถือเป็นการประนีประนอม โดยมีจุดมุ่งหมายให้การคุ้มครองแก่ทั้งเจ้าหนี้และคนงาน” เฉิงซือเว่ย รองประธานคณะกรรมการประจำเอ็นพีซี กล่าว
นอกจากนี้ เจียจื้อเจี๋ยสมาชิกในคณะกรรมการประจำเอ็นพีซีกล่าวเสริมว่า กฎหมายล้มละลายฉบับใหม่มุ่งเน้นให้การคุ้มครองแก่ประชาชนเป็นอันดับแรก และคำนึงถึงผลประโยชน์ของคนงานอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน ก็สอดคล้องกับวิธีปฏิบัติสากลในการให้การคุ้มครองที่ดีกว่าแก่เจ้าหนี้ผู้ให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อ
ด้านหวังซินอาจารย์แหก่งภาควิชากฎหมายประจำมหาวิทยาลัยประชาชนจีนในปักกิ่ง ชี้ว่าการสะสางหนี้สินแก่เจ้าหนี้ก่อนเป็นอันแรกนั้น เป็นวิธีปฏิบัติทั่วไปของนานาชาติ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศจีนด้วย
ทั้งนี้ การบังคับใช้กฎหมายล้มละลายฉบับใหม่นี้ จะไม่ครอบคลุมถึงกลุ่มวิสาหกิจของรัฐประมาณ 2,000 ราย ที่รัฐบาลได้ประกาศล้มละลายไปแล้วก่อนเดือนมิถุนายน 2007 ซึ่งบริษัทเหล่านี้ จะปิดกิจการด้วยเงินช่วยเหลือของรัฐบาล และจะจ่ายเงินชดเชยให้แก่คนงานก่อนเป็นอันดับแรก ทั้งนี้ ระหว่างปี 1994 ถึง ปี 2005 จีนได้ประกาศให้วิสาหกิจของรัฐ 3,658 ราย ที่มีฐานะทางการเงินร่อแร่ ปิดตัวลงด้วยเงินอุดหนุนของรัฐ และในปี 2006 รัฐบาลมังกรก็ได้จัดสรรงบประมาณ 33,800 ล้านหยวน เพื่อช่วยวิสาหกิจที่ล้มละลายสะสางหนี้สินแก่คนงานที่ถูกโละทิ้ง
คลอดกม.ปรับแก้ใหม่สำหรับคู่หุ้นส่วนต่างชาติ
ในที่ประชุมเดียวกันนี้ ยังได้ไฟเขียวการปรับแก้กฎหมายว่าด้วยคู่หุ้นส่วนในภาคธุรกิจทั้งของต่างชาติและปัจเจกชน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนเมษายน ปี ค.ศ.2007
สำหรับกฎหมายฉบับปรับแก้ว่าด้วยคู่หุ้นส่วนภาคธุรกิจฯนี้ ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า การจัดตั้งธุรกิจร่วมทุนไม่ว่าของต่างชาติหรือปัจเจกชนใดๆจะต้องยึดถือปฏิบัติตามกฎระเบียบของคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ กฎหมายฯฉบับก่อนหน้านี้ ระบุเพียงว่าผู้ประกอบการต่างชาติหรือปัจเจกชน ที่จะจัดตั้งคู่หุ้นส่วนใดๆในประเทศจีน จะต้องยึดถือปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องที่มีอยู่ในประเทศ โดยไม่ได้ระบุแจ่มแจ้งว่า ของหน่วยงานใด
สำหรับสาระสำคัญของกฎหมายฉบับปรับแก้นี้ ได้ระบุรูปแบบการจัดตั้งองค์กรของธุรกิจร่วมทุน ขยายขอบเขตการจัดตั้งธุรกิจร่วมทุน การเรียกเก็บและชำระภาษี ตลอดจนสร้างความสะดวกเรียบง่ายแก่ขั้นตอนการชำระบัญชี และการจดทะเบียนธุรกิจร่วมทุน เป็นต้น
กลุ่มนักบัญญัติกฎหมายจีนกล่าวว่า กฎหมายการจัดตั้งคู่หุ้นส่วนธุรกิจต่างชาตินี้ จะหนุนส่งการบรรลุสัญญาเปิดประตูภาคธุรกิจต่างๆแก่กลุ่มต่างชาติตามข้อตกลงการเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก(ดับเบิลยูทีโอ)
นอกไปจากกฎหมายสำคัญที่เกี่ยวกับภาคธุรกิจแล้ว คณะกรรมการประจำของเอ็นพีซียังได้ผ่านกฎหมายขยายอำนาจหน้าที่ของเอ็นพีซีนี้ ในการดูแลตรวจสอบการทำงานของคณะรัฐบาล ศาล และองค์กรในกระบวนการยุติธรรม เพื่อป้องกันคณะบริหารของประเทศและองค์กรศาลสถิตยุติธรรม ใช้ตำแหน่งอำนาจในทางมิชอบ.