เขียนถึงหลักการค้าของ ‘เถาจูกง’ ไปแล้ว แต่ยังไม่ได้เล่าประวัติเถาจูกงเลย ตามตำนานเถาจูงกงว่า คนผู้นี้มีตัวตนจริง ชื่อเดิมว่า ‘ฟั่นหลี’
ฟั่นหลี เป็นขุนนางผู้ใหญ่ของโกวเจี้ยน – พระราชาแห่งก๊กเยวี่ยในยุคชุนชิว (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 1) สมัยนั้นก๊กที่มีอานุภาพเข้มแข็งอยู่ทางฝั่งใต้ของแม่น้ำแยงซีเกียง คือ ก๊กอู๋ กับ ก๊กเยวี่ย
ก๊กอู๋อยู่ทางแถบปากแม่น้ำแยงซี ส่วนก๊กเยวี่ยอยู่ถัดไปข้างใน ก๊กอู๋เข้มแข็งขึ้นมาก่อน ตำนานว่าได้กุนซือผู้ยิ่งใหญ่คือ “ซุนวู” เจ้าของพิชัยสงครามสะท้านโลกมาเป็นผู้ปฏิรูปกองทัพและทำสงครามรุกรานเพื่อนบ้าน (ซุนวูมีตัวตนจริงหรือเปล่าก็ยังพิสูจน์ไม่ได้)
ก๊กอู๋รบชนะก๊กเยวี่ย จับโกวเจี้ยน พระราชาก๊กเยวี่ยไปเป็นทาสเลี้ยงม้าในก๊กอู๋ ส่วนทางก๊กเยวี่ยก็ให้ฟั่นหลี – ขุนนางของโกวเจี้ยนบริหารจัดการไป
ฟั่นหลีจึงมีบทบาทสำคัญมากที่ช่วยบริหารดูแลก๊กเยวี่ยให้ฟื้นฟูกำลังเข้มแข็งขึ้น ระหว่างที่โกวเจี้ยนตกเป็นเชลยอยู่ในก๊กอู๋
ส่วนตัวโกวเจี้ยนเองก็นับว่าเป็นผู้ปรีชาสามารถคนหนึ่ง เพราะสามารถวางตัวให้ฟูไช – ราชาก๊กอู๋หลงไว้วางใจได้ โกวเจี้ยนกระทำทุกอย่างเพื่อทำให้ฟูไชเชื่อว่าโกวเจี้ยนจงรักภักดีฟูไชจริง จะได้ยอมปล่อยให้โกวเจี้ยนกลับไปปกครองก๊กเยวี่ย
โกวเจี้ยนทำถึงขึ้นเสนอตัวชิมอุจจาระของฟูไชเมื่อฟูไชป่วยหนัก โกวเจี้ยนชิมอุจจาระแล้วบอกว่าฟูไชจะหายป่วยแน่นอน สุดท้ายฟูไชหายป่วยจริงๆ ต่อมาฟูไชจึงปล่อยโกวเจี้ยนกลับไปอยู่ก๊กเยวี่ย
นี่เท่ากับปล่อยเสือคืนป่า โกวเจี้ยนเมื่อเป็นอิสระแล้วก็ยิ่งตระเตรียมการที่จะปลดแอกเอาชนะก๊กอู๋ได้ถนัดและสะดวกขึ้น
อุบายสำคัญอุบายหนึ่ง ส่งสาวสวยสะคราญไปถวายตัวเป็นสนมอยู่ใกล้ชิดกับฟูไช หญิงงามที่ถูกคัดเลือกส่งไปทำงานนี้คือ นางไซซี
นางไซซีเลยได้ฉายาว่าเป็น “จารชนหญิงคนแรกของโลก”
ตำนานว่า ฟั่นหลีกับนางไซซี ชอบพอรักใคร่กัน แต่เพื่อแว่นแคว้นจะได้เป็นอิสระ ทั้งสองต้องยอมเสียสละ
นางไซซี ผู้งามเลิศทำหน้าที่ได้ดียิ่ง คือทำให้ผู้ชายหลงใหล หมกมุ่นในกาม ไม่สนใจราชการงานเมือง เวลามีข่าวไม่ดีว่าก๊กเยวี่ยกระทำการบางอย่างน่าสงสัยว่าจะเอาใจออกห่าง นางไซซีก็จะกล่อมฟูไชให้คลายความสงสัยไป
เล่ารวบรัดตัดความว่า ในที่สุดก๊กอู๋อ่อนแอลง ก๊กเยวี่ยเข้มแข็งขึ้น จนสามารถปราบปรามก๊กอู๋ไว้ใต้อำนาจได้
โกวเจี้ยนแก้แค้นล้างอายได้สำเร็จ ความดีความชอบส่วนไม่น้อยเป็นผลงานของฟั่นหลี โกวเจี้ยนคิดจะมอบตำแหน่งจอมพลสูงสุดแก่ฟั่นหลี เพื่อตอบแทนบุญคุนที่ได้ช่วยเหลือกันมา
แต่ไอ้เรื่อง “มีทุกข์ร่วมทุกข์ มีสุขร่วมเสพ” นั้น ใช้กับเจ้านายระดับประมุขไม่ค่อยได้หรอก
ปราชญ์จีนเขาสอนกันไว้ว่า “เมื่อภารกิจบรรลุสำเร็จแล้ว จงถอนตัวถอยจากไปเสีย”
ปราชญ์อินเดียเขาสอนกันไว้ว่า “พระราชาดุจดั่งพระอาทิตย์ อยู่ไกลก็หนาว อยู่ใกล้ก็ร้อน อยู่ใกล้เกินไปก็ถูกเผาไหม้”
ฟั่นหลี นอกจากจะเฉยเมยต่อลาภ ยศ สรรเสริญแล้ว เขายังเห็นว่า ประมุขอย่างโกวเจี้ยน ซึ่งติดยึดกับเรื่องบุญคุณความแค้นมากเกินไป มีข้ออ่อน
เขาจึงลอบหลบหนี นั่งเรือไปเสียจากก๊กเยวี่ย ตำนานว่าเขานำนางไซซีไปครองรักกันด้วย
ฟั่นหลีเปลี่ยนชื่อแซ่เป็น “ซื่ออี้จื่อผี” ไปอาศัยในก๊กฉี ซึ่งคือดินแดนแถบตอนกลางของมณฑลซานตงในปัจจุบัน ต่อมาเขาย้ายไปอยู่ก๊กเถา ทางตะวันตกเฉียงเหนือ เปลี่ยนชื่อแซ่ใหม่เป็น เถาจูกง
เถาจูกงเห็นว่า ก๊กเถามีทำเลเป็นศูนย์กลางของแว่นแคว้นต่างๆ เป็นทำเลทองทางการค้า จึงหันมาทำการค้าขาย
ด้วยสติปัญญาระดับกุนซือ เถาจูกงทำการค้าขายจนร่ำรวยมาก เขาอยู่ที่ก๊กเถา 19 ปี ร่ำรวยมีทรัพย์สินถึง 10 ล้านตำลึงทอง
เถาจูกงยึดหลักความซื่อตรง เขาบัญญัติหลักการค้าไว้ดังต่อ่ไปนี้
1.อ่านคนออก
2.รู้จักต้อนรับ
3.ไม่จับจด
4.จัดระเบียบ
5.มีไหวพริบ
6.ทวงหนี้เป็น
7.ใช้คนเป็น
8.อธิบายเป็น
9.แยกแยะสินค้าออก
10.รู้จักใช้โอกาส
11.เป็นผู้นำ
12.มองการณ์ไกล
ชาวจีนยุคต่อๆ มายกย่องให้เถาจูกงเป็นเทพเจ้าแห่งการค้า.
ฟั่นหลี เป็นขุนนางผู้ใหญ่ของโกวเจี้ยน – พระราชาแห่งก๊กเยวี่ยในยุคชุนชิว (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 1) สมัยนั้นก๊กที่มีอานุภาพเข้มแข็งอยู่ทางฝั่งใต้ของแม่น้ำแยงซีเกียง คือ ก๊กอู๋ กับ ก๊กเยวี่ย
ก๊กอู๋อยู่ทางแถบปากแม่น้ำแยงซี ส่วนก๊กเยวี่ยอยู่ถัดไปข้างใน ก๊กอู๋เข้มแข็งขึ้นมาก่อน ตำนานว่าได้กุนซือผู้ยิ่งใหญ่คือ “ซุนวู” เจ้าของพิชัยสงครามสะท้านโลกมาเป็นผู้ปฏิรูปกองทัพและทำสงครามรุกรานเพื่อนบ้าน (ซุนวูมีตัวตนจริงหรือเปล่าก็ยังพิสูจน์ไม่ได้)
ก๊กอู๋รบชนะก๊กเยวี่ย จับโกวเจี้ยน พระราชาก๊กเยวี่ยไปเป็นทาสเลี้ยงม้าในก๊กอู๋ ส่วนทางก๊กเยวี่ยก็ให้ฟั่นหลี – ขุนนางของโกวเจี้ยนบริหารจัดการไป
ฟั่นหลีจึงมีบทบาทสำคัญมากที่ช่วยบริหารดูแลก๊กเยวี่ยให้ฟื้นฟูกำลังเข้มแข็งขึ้น ระหว่างที่โกวเจี้ยนตกเป็นเชลยอยู่ในก๊กอู๋
ส่วนตัวโกวเจี้ยนเองก็นับว่าเป็นผู้ปรีชาสามารถคนหนึ่ง เพราะสามารถวางตัวให้ฟูไช – ราชาก๊กอู๋หลงไว้วางใจได้ โกวเจี้ยนกระทำทุกอย่างเพื่อทำให้ฟูไชเชื่อว่าโกวเจี้ยนจงรักภักดีฟูไชจริง จะได้ยอมปล่อยให้โกวเจี้ยนกลับไปปกครองก๊กเยวี่ย
โกวเจี้ยนทำถึงขึ้นเสนอตัวชิมอุจจาระของฟูไชเมื่อฟูไชป่วยหนัก โกวเจี้ยนชิมอุจจาระแล้วบอกว่าฟูไชจะหายป่วยแน่นอน สุดท้ายฟูไชหายป่วยจริงๆ ต่อมาฟูไชจึงปล่อยโกวเจี้ยนกลับไปอยู่ก๊กเยวี่ย
นี่เท่ากับปล่อยเสือคืนป่า โกวเจี้ยนเมื่อเป็นอิสระแล้วก็ยิ่งตระเตรียมการที่จะปลดแอกเอาชนะก๊กอู๋ได้ถนัดและสะดวกขึ้น
อุบายสำคัญอุบายหนึ่ง ส่งสาวสวยสะคราญไปถวายตัวเป็นสนมอยู่ใกล้ชิดกับฟูไช หญิงงามที่ถูกคัดเลือกส่งไปทำงานนี้คือ นางไซซี
นางไซซีเลยได้ฉายาว่าเป็น “จารชนหญิงคนแรกของโลก”
ตำนานว่า ฟั่นหลีกับนางไซซี ชอบพอรักใคร่กัน แต่เพื่อแว่นแคว้นจะได้เป็นอิสระ ทั้งสองต้องยอมเสียสละ
นางไซซี ผู้งามเลิศทำหน้าที่ได้ดียิ่ง คือทำให้ผู้ชายหลงใหล หมกมุ่นในกาม ไม่สนใจราชการงานเมือง เวลามีข่าวไม่ดีว่าก๊กเยวี่ยกระทำการบางอย่างน่าสงสัยว่าจะเอาใจออกห่าง นางไซซีก็จะกล่อมฟูไชให้คลายความสงสัยไป
เล่ารวบรัดตัดความว่า ในที่สุดก๊กอู๋อ่อนแอลง ก๊กเยวี่ยเข้มแข็งขึ้น จนสามารถปราบปรามก๊กอู๋ไว้ใต้อำนาจได้
โกวเจี้ยนแก้แค้นล้างอายได้สำเร็จ ความดีความชอบส่วนไม่น้อยเป็นผลงานของฟั่นหลี โกวเจี้ยนคิดจะมอบตำแหน่งจอมพลสูงสุดแก่ฟั่นหลี เพื่อตอบแทนบุญคุนที่ได้ช่วยเหลือกันมา
แต่ไอ้เรื่อง “มีทุกข์ร่วมทุกข์ มีสุขร่วมเสพ” นั้น ใช้กับเจ้านายระดับประมุขไม่ค่อยได้หรอก
ปราชญ์จีนเขาสอนกันไว้ว่า “เมื่อภารกิจบรรลุสำเร็จแล้ว จงถอนตัวถอยจากไปเสีย”
ปราชญ์อินเดียเขาสอนกันไว้ว่า “พระราชาดุจดั่งพระอาทิตย์ อยู่ไกลก็หนาว อยู่ใกล้ก็ร้อน อยู่ใกล้เกินไปก็ถูกเผาไหม้”
ฟั่นหลี นอกจากจะเฉยเมยต่อลาภ ยศ สรรเสริญแล้ว เขายังเห็นว่า ประมุขอย่างโกวเจี้ยน ซึ่งติดยึดกับเรื่องบุญคุณความแค้นมากเกินไป มีข้ออ่อน
เขาจึงลอบหลบหนี นั่งเรือไปเสียจากก๊กเยวี่ย ตำนานว่าเขานำนางไซซีไปครองรักกันด้วย
ฟั่นหลีเปลี่ยนชื่อแซ่เป็น “ซื่ออี้จื่อผี” ไปอาศัยในก๊กฉี ซึ่งคือดินแดนแถบตอนกลางของมณฑลซานตงในปัจจุบัน ต่อมาเขาย้ายไปอยู่ก๊กเถา ทางตะวันตกเฉียงเหนือ เปลี่ยนชื่อแซ่ใหม่เป็น เถาจูกง
เถาจูกงเห็นว่า ก๊กเถามีทำเลเป็นศูนย์กลางของแว่นแคว้นต่างๆ เป็นทำเลทองทางการค้า จึงหันมาทำการค้าขาย
ด้วยสติปัญญาระดับกุนซือ เถาจูกงทำการค้าขายจนร่ำรวยมาก เขาอยู่ที่ก๊กเถา 19 ปี ร่ำรวยมีทรัพย์สินถึง 10 ล้านตำลึงทอง
เถาจูกงยึดหลักความซื่อตรง เขาบัญญัติหลักการค้าไว้ดังต่อ่ไปนี้
1.อ่านคนออก
2.รู้จักต้อนรับ
3.ไม่จับจด
4.จัดระเบียบ
5.มีไหวพริบ
6.ทวงหนี้เป็น
7.ใช้คนเป็น
8.อธิบายเป็น
9.แยกแยะสินค้าออก
10.รู้จักใช้โอกาส
11.เป็นผู้นำ
12.มองการณ์ไกล
ชาวจีนยุคต่อๆ มายกย่องให้เถาจูกงเป็นเทพเจ้าแห่งการค้า.