xs
xsm
sm
md
lg

จดหมายจากซินเกียง : อ้อมกอดแห่ง 'อัลไต' (4)

เผยแพร่:   โดย: วริษฐ์ ลิ้มทองกุล


แม่ครับ ......

ตอนนี้ ที่นอกหน้าต่างรถพระอาทิตย์กำลังจะตกครับ ผมเอนหลังอยู่บนรถบัสคันใหญ่ที่ออกเดินทางจากเมืองอุรุมชีตั้งแต่เวลาทุ่มครึ่ง และตอนนี้กำลังตะบึงฝ่าละอองแดดยามอัสดง มุ่งหน้าไปยังดินแดนตอนเหนือสุดของมณฑลซินเกียง

แม่เคยได้ยินชื่อ 'เทือกเขาอัลไต' ไหมครับ?

ผมจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า เมื่อก่อนนักประวัติศาสตร์ไทยเชื่อกันว่าถิ่นฐานดั้งเดิมของชาวไทยนั้นอยู่ที่บริเวณเทือกเขาอัลไต ก่อนที่แรงกระตุ้นจากการแสวงหาทรัพยากรจะผลักดันให้คนไทยเราเดินทางผ่านเทือกเขาลูกแล้วลูกเล่า ข้ามแม่น้ำใหญ่สายแล้วสายเล่า อพยพเคลื่อนย้ายกันมาระลอกแล้วระลอกเล่าเป็นเวลาต่อเนื่องกันหลายพันปี จนมาอยู่อาศัยลงหลักปักฐานกันยังดินแดนสุวรรณภูมิที่เราอยู่ ณ ปัจจุบัน

จริงๆ ในสมองส่วนความทรงจำของผมชื่อของ 'อัลไต' ถูกความทรงจำอื่นๆ กลบทับมานานมากแล้วล่ะครับแม่ เพราะทฤษฎีที่ว่าบรรพบุรุษของคนไทย ชนชาติไท อพยพลงมาจากเทือกเขาอัลไตนั้นถูกนักประวัติศาสตร์ไทยรุ่นใหม่ตีตกไปหลายปีแล้วเนื่องจากทฤษฎีนี้ขาดหลักฐานอ้างอิงทางโบราณคดีที่เชื่อถือได้

ปัจจุบันนักประวัติศาสตร์ไทยหันมาเชื่อทฤษฎีที่ว่า เดิมทีชนชาติไทนั้นอาศัยอยู่เป็นบริเวณจีนตอนใต้จนถึงภาคเหนือของไทยและได้มีการอพยพลงใต้เรื่อยๆ เข้ามาอาศัยอยู่ในดินแดนคาบสมุทรอินโดจีน หรือ ทฤษฎีที่ว่าแต่ไหนแต่ไรมาชนชาติไทก็อาศัยอยู่ในดินแดนที่กลายมาเป็นประเทศไทยในปัจจุบันอยู่แล้วมากกว่า

ไม่ว่าจะอย่างไร วันนี้ชื่อของ 'อัลไต'ได้ถูกขุดรื้อขึ้นมาอีกครั้งจากกองความทรงจำ เพราะ พรุ่งนี้ยามตะวันทอแสงอีกครั้ง 'เทือกเขาอัลไต' ก็จะปรากฎต่อหน้าผมแล้วล่ะครับ

แม่ครับ ...... เทือกเขาอัลไต ในภาษาตุรกีโบราณคือ Altutara Alytau หรือ Altay โดยมีที่มาจากคำว่า Al ที่แปลว่า "ทองคำ" และ tau ที่แปลว่า "ภูเขา" ขณะที่ในภาษามองโกลและภาษาอุยกูร์นั้นคำกว่าอัลไต (Altai หรือ Altay) มีความหมายว่า "เทือกเขาทองคำ"* นอกจากนี้แล้วเทือกเขาแห่งนี้ ยังมีชื่อเรียกว่า เอก-ทัค (Ek-tagh) อัลไตแห่งมองโกล (Mongolian Altai) อัลไตใหญ่ (Great Altai) และอัลไตใต้ (Southern Altai) อีกด้วย ส่วนชาวจีนที่เป็นชาวฮั่นนั้นเขาเรียกเทือกเขาอัลไตว่า อาเล่อไท่ (阿勒泰)

อัลไตเป็นเทือกเขาในเอเชียกลาง ตั้งอยู่บนบริเวณพรมแดนร่วมของประเทศรัสเซีย จีน มองโกเลีย และคาซัคสถาน และยังเป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำสายสำคัญ คือ แม่น้ำอิร์ทีช (Irtysh) แม่น้ำโอบ (Ob) และแม่น้ำเยนิไซ (Yenisei) ด้วย ส่วนปลายทางตะวันตกเฉียงเหนือของเทือกเขา อยู่ที่พิกัด 52 องศาเหนือ กับระหว่าง 84 และ 90 องศาตะวันออก (ซึ่งไปจรดกลืนเขากับเทือกเขาสายัน (Sayan Mountains) ทางตะวันออก) และทอดยาวไปทางตะวันออกเฉียงใต้ จนถึงพิกัด 45 องศาเหนือ 99 องศาตะวันออก แล้วค่อยๆ ลาดต่ำลง กลืนเข้ากับที่ราบสูงแห่งทะเลทรายโกบี (ข้อมูลจาก Wikipedia ไทย)

เนื่องด้วยส่วนหนึ่งของเทือกเขาอัลไตนั้นทอดตัวอยู่ในดินแดนของมณฑลซินเกียง สาธารณรัฐประชาชนจีน อัลไตจึงถูกจัดให้เป็นหนึ่งใน 'สามเขาขนาบสองแอ่ง' อันเป็นลักษณะพิเศษของภูมิประเทศของมณฑลซินเกียง โดยเทือกเขาสามทิวดังกล่าวนั้นก็ประกอบด้วย เทือกเขาอัลไต เทือกเขาเทียนซานและเทือกเขาคุนหลุนที่ทอดตัวจากเหนือไปใต้ตามลำดับ ขณะที่ 'สองแอ่ง' ที่ว่านั้นก็คือ แอ่งจุ่นเก๊อะเอ่อร์และ แอ่งถาหลี่มู่

สำหรับยอดที่สูงที่สุดของเทือกเขาอัลไตนั้นก็คือ ยอดเขามิตรภาพ (โหยวอี้เฟิง; 友谊峰) ที่อยู่บนรอยต่อระหว่างชายแดนของประเทศจีนกับมองโกเลีย โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 4,374 เมตร โดยรอบประกอบไปด้วยธารน้ำแข็ง (Glacier) กว่า 374 สาย

นอกจากนี้หากมองจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ ด้วยความที่เทือกเขาแห่งนี้เป็นช่วงรอยต่อระหว่างเขตแดนของทวีปยุโรปและทวีปเอเชียทำให้ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ พันธุ์พืช และพันธุ์สัตว์มีความหลากหลายมาก โดยในพื้นที่เขตอัลไตที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของมณฑลซินเกียงนั้นมีทรัพยากรทางน้ำที่ถือว่าสมบูรณ์อย่างยิ่ง โดยในเขตนี้นั้นมีแม่น้ำน้อยใหญ่ไหลผ่านกว่า 56 สาย ก่อให้เกิดทัศนียภาพอันงดงาม โดยเป็นส่วนผสมระหว่างเทือกเขาหินสูง ยอดเขาหิมะตระหง่าน กับแม่น้ำสายน้อยใหญ่และทะเลสาบสีฟ้าคราม

แม่ครับ ช่วงเวลานี้ในแถบซินเกียงตอนเหนือเป็นปลายฤดูร้อนต้นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว อากาศกำลังเย็นสบายเชียว ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมอันเป็นช่วงฤดูร้อนที่เมืองจีนนั้น ถือว่าเป็นฤดูท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของซินเกียงเลยล่ะครับ ในช่วงนี้ชาวจีนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจีนต่างก็หอบลูกจูงหลานที่กำลังอยู่ในช่วงปิดเทอม พาพ่อแม่เดินทางมุ่งหน้ามาเยือนซินเกียง ดินแดนที่ไม่ค่อยจะเหมือนจีนเท่าไรนักทั้งภูมิประเทศ ภูมิอากาศ รวมไปถึงรูปร่าง หน้าตา ภาษา และวัฒนธรรมของผู้คน

รถที่ผมเอนหลังอยู่นี่เป็นรถบัสนอนที่ทั้งรถเอาเก้าอี้ออกแล้วดัดแปลงเอาเตียงนอนสองชั้นมาใส่ วางสามแถวเรียงกันไปตั้งแต่หัวรถยันท้ายรถ รวมทั้งหมดก็สามสิบกว่าเตียง สำหรับเตียงข้างๆ ผมนี่เป็นหนุ่มชาวฉงชิ่งที่พาคุณแม่วัย 60 กว่ามาเที่ยว เขาบอกกับผมว่า หลายปีก่อนเขาเคยมาทำงานด้านโทรคมนาคมอยู่ที่สาขาของบริษัทในเมืองอุรุมชีหลายปีก่อนที่จะย้ายกลับไปทำงานที่บ้านเกิด ปีนี้พอสบโอกาสเลยพาคุณแม่มาเยือนซินเกียงบ้าง เพราะประทับใจในความสวยงาม และความไม่ธรรมดาของซินเกียงมาก

จวีหม่าไท่ (Jumatay) ผู้ช่วยโชเฟอร์ชาวคาซัคเดินมาบอกพวกเราแล้วว่าจะปิดไฟให้พักผ่อนกันแล้วละฮะ เพราะพรุ่งนี้เช้าตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่ง รถก็จะถึงปู้เอ่อร์จิน (布尔津) ประตูสู่เขตอนุรักษ์ทะเลสาบคานาส จุดหมายการเดินทางของเราในครั้งนี้

ราตรีสวัสดิ์นะครับแม่ ......

รักและคิดถึง

ลูกชายตัวดี


อ้างอิงจาก :
- หนังสือ 绝色喀纳斯 เขียนโดย 邱华栋 สำนักพิมพ์ 广东旅游出版社 มีนาคม ค.ศ.2004 หน้า 10


กำลังโหลดความคิดเห็น