ประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์จีน-สยาม (ไทย) มีมายาวนาน เนื้อหาก็มากมาย ตอนที่ผมกลับจากประเทศจีนเมื่อปี พ.ศ.2526 นั้น ผมมีความใฝ่ฝันอย่างหนึ่งครับ ผมอยากจะแปลเอกสารจีนที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์สยามทั้งหมด ถ้ามีคนจ่ายเงินเดือนให้ผมเลี้ยงชีพอยู่ได้โดยไม่ต้องทำอย่างอื่น ผมก็จะนั่งแปลให้หมดเลย
แต่นั่นก็เป็นเพียงความฝัน เพราะชีวิตต้องดิ้นรนเลี้ยงครอบครัว และตัวเองก็ยังไม่มีผลงานอะไร ใครเขาจะเชื่อถือจ้างให้นั่งแปลอยู่เฉยๆ ผมก็เลยต้องแปลหนังสือเขียนหนังสือหลายแนว แล้วก็มาติดพันกับงานหนังสือพิมพ์จนไม่มีเวลาพอจะทำด้านอื่นนัก งานด้านประวัติศาสตร์จึงทำได้ไม่มากอย่างใจหวัง
แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็ได้ค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับความเป็นมาของชนชาติไทยไว้เยอะพอสมควร เพียงแต่ยังมิได้ชำระรวมพิมพ์เป็นเล่ม
ในทางวิชาการที่มีคนเชื่อถือกันมากที่สุดในตอนนี้นั้น ต้นเค้าของชนชาติไทกระจายตัวอยู่ในดินแดนตั้งแต่กวางตุ้ง กวางสี เวียดนามภาคเหนือ ยูนนาน รวมถึงภาพเหนือของลาว ไทย ด้วย
ชื่อ “ไทย” หรือ “ไต” เป็นชื่อที่เริ่มใช้ในยุคราชวงศ์ซ้องใต้ (ก่อนสุโขทัยนิดหน่อย)ฃก่อนหน้านั้น บรรพชนของไทถูกเรียกด้วยชื่อต่างกันหลายชื่อ
“ลาว” เป็นชื่อที่เก่ากว่าชื่อ “ไท” ตัวอักษรจีนที่คนโบราณใช้เรียกชนเผ่า “ลาว” นั้น สมัยใหม่ออกเสียงว่า “เหลียว” คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าสมัยโบราณเขาอ่านว่า “เหล่า”
เก่าไปกว่านั้นอีก จีนเรียกพวกชนกลุ่มน้อยใต้แม่น้ำแยงซีลงมาจนถึงเวียดนามภาคเหนือว่า “เยวี่ย”
แต่พวก “เยวี่ย” นี่มีหลายจำพวกมาก จีนจึงเรียกว่า “ไป่เยวี่ย” – เยวี่ยร้อยจำพวก
พวกที่พัฒนามาเป็นลาวไทนั้น เป็นเพียงสายหนึ่งของเยวี่ยเท่านั้น คือพวก “ลั่วเยวี่ย” ในกวางสี
นักประวัติศาสตร์สืบค้นกันได้ค่อนข้างแน่นอนถึงเรื่อง “ไป่เยวี่ย” นี่แหละครับ
แต่ผมก็ไม่หยุดอยู่เพียงนั้น ค้นไปค้นมา รู้สึกว่าจะค้นพบอะไรที่เก่าไปกว่านั้นอีก คือพอจะมีหลักฐาน นำเสนอได้ว่า ชื่อเรียกบรรพชนลาวไท-จ้วง ที่เก่ากว่า “เยวี่ย” คือคำว่า “ผู” หรือ “ผู้” (ผู้-คน) นั่นเอง
ผมไม่คิดจะอธิบายในคอลัมน์สั้นๆ อย่างนี้หรอกครับ เพราะจะต้องแสดงข้อมูลและอธิบายทฤษฎีต่างๆ กันมาก กว่าจะยอมรับกันได้ เช่นจะต้องอธิบายพัฒนาการของความเชื่อเรื่องโทเทม (Totem) กันยาวเหยียด อธิบายเรื่องความหมายของความเชื่อเกี่ยวกับน้ำเต้า (คนกำเนิดจากน้ำเต้า) กันยาวเหยียดเช่นกัน
เอาเป็นว่าผมมาโม้ให้ตื่นเต้นก็แล้วกันว่า ผมพบชื่อเรียกบรรพชนของไทที่เก่าแก่กว่าคำว่า “เยวี่ย” แล้ว
และถ้าจะให้เก่ากว่านั้นถึงระดับที่มนุษย์เพิ่งก้าวพ้นจากยุคมนุษย์หินก็ยังได้ เพียงแต่เก่าดึกดำบรรพ์ถึงขนาดนั้น ยังไม่มีชื่อเรียกกลุ่มชนเผ่าหรอกนะครับ
ได้แค่เพียงสรุปว่า คนกลุ่มนี้พัฒนาการเจริญขึ้นแถบดินแดนภาคตะวันออก ใต้แม่น้ำแยงซีเกียง กลุ่มหนึ่งเจริญขึ้นเป็นพวก “ไป่ผู” – ผูร้อยจำพวก ซึ่งต่อมาจีนทางภาคเหนือเรียกว่าพวก “เยวี่ย” นั่นเอง ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งกระจายตัวออกไปอยู่ตามเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิคครับ คือข้ามไปอยู่เกาะไต้หวัน แล้วแพร่กระจายต่อไปจนเต็มมหาสมุทรเลย
เพราะฉะนั้นว่าไปแล้ว คนพื้นเมืองในภูมิภาคจีนภาคตะวันออกเฉียงใต้เอเชียอาคเนย์นี้ และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิค ในปลายยุคหินก็มีบรรพชนร่วมกันนั่นเอง
ข้อมูลที่ช่วยในการค้นคว้าต้นเค้าของชนชาติไทยนั้น มีอยู่ในจีนมา และต่อไปก็คงจะช่วยกันค้นออกมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ยังจำกันได้หรือไม่เล่าครับ เมื่อสักสามสิบ ยี่สิบกว่าปีก่อน เรายังตื่นเต้นกับเรื่องสิบสองปันนา ในตอนใต้ของยูนนาน บางท่านเพิ่งเคยเห็นก็นึกว่านี่กระมังต้นเค้าของไทย
ตื่นเต้นกันอยู่พักหนึ่ง ทางจุฬาลงกรณ์ก็ไปบุกเบิกศึกษาเกี่ยวกับชนชาติกวางสี ชาวเราก็ตื่นเต้นกันเรื่อง “ชนชาติจ้วง” กัน เพราะเป็นชนชาติที่ใช้ภาษาตระกูลเดียวกับภาษาไท และมีประชากรมากถึงสิบสามล้านคน
ต่อมาการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับกลุ่มชนที่ใช้ภาษาตระกูลจ้วง-ไท ในจีนขยายตัวขึ้นมาก (ในแวดวงวิชาการ)
แต่การเผยแพร่ให้สังคมได้รับรู้ มีความงอกงามทางวิชาการทุกระดับ ยังคงน้อยเกินไป ผมไม่แน่ใจว่านักเรียนนักศึกษาได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มชนที่ใช้ภาษาตระกูลภาษาจ้วง-ไทในจีนกันบ้างหรือเปล่า
หรือว่า ยังสอนให้เชื่อว่าคนไทยอพยพมาจากเทือกเขาอัลไตเหมือนสมัยก่อน
แต่นั่นก็เป็นเพียงความฝัน เพราะชีวิตต้องดิ้นรนเลี้ยงครอบครัว และตัวเองก็ยังไม่มีผลงานอะไร ใครเขาจะเชื่อถือจ้างให้นั่งแปลอยู่เฉยๆ ผมก็เลยต้องแปลหนังสือเขียนหนังสือหลายแนว แล้วก็มาติดพันกับงานหนังสือพิมพ์จนไม่มีเวลาพอจะทำด้านอื่นนัก งานด้านประวัติศาสตร์จึงทำได้ไม่มากอย่างใจหวัง
แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็ได้ค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับความเป็นมาของชนชาติไทยไว้เยอะพอสมควร เพียงแต่ยังมิได้ชำระรวมพิมพ์เป็นเล่ม
ในทางวิชาการที่มีคนเชื่อถือกันมากที่สุดในตอนนี้นั้น ต้นเค้าของชนชาติไทกระจายตัวอยู่ในดินแดนตั้งแต่กวางตุ้ง กวางสี เวียดนามภาคเหนือ ยูนนาน รวมถึงภาพเหนือของลาว ไทย ด้วย
ชื่อ “ไทย” หรือ “ไต” เป็นชื่อที่เริ่มใช้ในยุคราชวงศ์ซ้องใต้ (ก่อนสุโขทัยนิดหน่อย)ฃก่อนหน้านั้น บรรพชนของไทถูกเรียกด้วยชื่อต่างกันหลายชื่อ
“ลาว” เป็นชื่อที่เก่ากว่าชื่อ “ไท” ตัวอักษรจีนที่คนโบราณใช้เรียกชนเผ่า “ลาว” นั้น สมัยใหม่ออกเสียงว่า “เหลียว” คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าสมัยโบราณเขาอ่านว่า “เหล่า”
เก่าไปกว่านั้นอีก จีนเรียกพวกชนกลุ่มน้อยใต้แม่น้ำแยงซีลงมาจนถึงเวียดนามภาคเหนือว่า “เยวี่ย”
แต่พวก “เยวี่ย” นี่มีหลายจำพวกมาก จีนจึงเรียกว่า “ไป่เยวี่ย” – เยวี่ยร้อยจำพวก
พวกที่พัฒนามาเป็นลาวไทนั้น เป็นเพียงสายหนึ่งของเยวี่ยเท่านั้น คือพวก “ลั่วเยวี่ย” ในกวางสี
นักประวัติศาสตร์สืบค้นกันได้ค่อนข้างแน่นอนถึงเรื่อง “ไป่เยวี่ย” นี่แหละครับ
แต่ผมก็ไม่หยุดอยู่เพียงนั้น ค้นไปค้นมา รู้สึกว่าจะค้นพบอะไรที่เก่าไปกว่านั้นอีก คือพอจะมีหลักฐาน นำเสนอได้ว่า ชื่อเรียกบรรพชนลาวไท-จ้วง ที่เก่ากว่า “เยวี่ย” คือคำว่า “ผู” หรือ “ผู้” (ผู้-คน) นั่นเอง
ผมไม่คิดจะอธิบายในคอลัมน์สั้นๆ อย่างนี้หรอกครับ เพราะจะต้องแสดงข้อมูลและอธิบายทฤษฎีต่างๆ กันมาก กว่าจะยอมรับกันได้ เช่นจะต้องอธิบายพัฒนาการของความเชื่อเรื่องโทเทม (Totem) กันยาวเหยียด อธิบายเรื่องความหมายของความเชื่อเกี่ยวกับน้ำเต้า (คนกำเนิดจากน้ำเต้า) กันยาวเหยียดเช่นกัน
เอาเป็นว่าผมมาโม้ให้ตื่นเต้นก็แล้วกันว่า ผมพบชื่อเรียกบรรพชนของไทที่เก่าแก่กว่าคำว่า “เยวี่ย” แล้ว
และถ้าจะให้เก่ากว่านั้นถึงระดับที่มนุษย์เพิ่งก้าวพ้นจากยุคมนุษย์หินก็ยังได้ เพียงแต่เก่าดึกดำบรรพ์ถึงขนาดนั้น ยังไม่มีชื่อเรียกกลุ่มชนเผ่าหรอกนะครับ
ได้แค่เพียงสรุปว่า คนกลุ่มนี้พัฒนาการเจริญขึ้นแถบดินแดนภาคตะวันออก ใต้แม่น้ำแยงซีเกียง กลุ่มหนึ่งเจริญขึ้นเป็นพวก “ไป่ผู” – ผูร้อยจำพวก ซึ่งต่อมาจีนทางภาคเหนือเรียกว่าพวก “เยวี่ย” นั่นเอง ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งกระจายตัวออกไปอยู่ตามเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิคครับ คือข้ามไปอยู่เกาะไต้หวัน แล้วแพร่กระจายต่อไปจนเต็มมหาสมุทรเลย
เพราะฉะนั้นว่าไปแล้ว คนพื้นเมืองในภูมิภาคจีนภาคตะวันออกเฉียงใต้เอเชียอาคเนย์นี้ และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิค ในปลายยุคหินก็มีบรรพชนร่วมกันนั่นเอง
ข้อมูลที่ช่วยในการค้นคว้าต้นเค้าของชนชาติไทยนั้น มีอยู่ในจีนมา และต่อไปก็คงจะช่วยกันค้นออกมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ยังจำกันได้หรือไม่เล่าครับ เมื่อสักสามสิบ ยี่สิบกว่าปีก่อน เรายังตื่นเต้นกับเรื่องสิบสองปันนา ในตอนใต้ของยูนนาน บางท่านเพิ่งเคยเห็นก็นึกว่านี่กระมังต้นเค้าของไทย
ตื่นเต้นกันอยู่พักหนึ่ง ทางจุฬาลงกรณ์ก็ไปบุกเบิกศึกษาเกี่ยวกับชนชาติกวางสี ชาวเราก็ตื่นเต้นกันเรื่อง “ชนชาติจ้วง” กัน เพราะเป็นชนชาติที่ใช้ภาษาตระกูลเดียวกับภาษาไท และมีประชากรมากถึงสิบสามล้านคน
ต่อมาการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับกลุ่มชนที่ใช้ภาษาตระกูลจ้วง-ไท ในจีนขยายตัวขึ้นมาก (ในแวดวงวิชาการ)
แต่การเผยแพร่ให้สังคมได้รับรู้ มีความงอกงามทางวิชาการทุกระดับ ยังคงน้อยเกินไป ผมไม่แน่ใจว่านักเรียนนักศึกษาได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มชนที่ใช้ภาษาตระกูลภาษาจ้วง-ไทในจีนกันบ้างหรือเปล่า
หรือว่า ยังสอนให้เชื่อว่าคนไทยอพยพมาจากเทือกเขาอัลไตเหมือนสมัยก่อน