xs
xsm
sm
md
lg

มรรควิถี &道

เผยแพร่:   โดย: โชติช่วง นาดอน

ปัญญาชนทั่วโลกคุ้นกับคำจีนว่า道 สำเนียงจีนกลางออกเสียงว่า “ต้าว” แต่คนไทยจะคุ้นกับเสียงแต้จิ๋วว่า “เต๋า” มากกว่า ที่ว่าปัญญาชนทั่วโลกคุ้นกับคำๆ นี้ เพราะคัมภีร์เต๋าเต็กเก็งนั้น เป็นหนังสือที่มียอดพิมพ์อยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก (หนังสือที่พิมพ์มากที่สุดคือคัมภีร์ไบเบิล)

อย่างไรก็ตาม คำว่า “เต๋า” นี้เป็นคำกลางๆ ปรัชญาหลายสำนักต่างใช้คำนี้ในการอธิบายปรัชญาของสำนักตน และก็ยังใช้ในคำศัพท์ทั่วๆ ไปด้วย เป็นต้นว่า

道路 ต้าวลู่ แปลว่า ถนนหนทาง, ทิศทางการพัฒนาของเรื่องราว

道德 ต้าวเต๋อ แปลว่า จริยธรรม

คำนี้ประกอบด้วยตัวอักษรจีนสองตัว ได้แก่ 走 โจ่ว แปลว่า เดิน บอกนัยว่าเคลื่อนที่ไปข้างหน้า กับคำว่า 首 โส่ว แปลว่า หัว บอกนัยว่าสมอง คำว่า “ต้าว” บอกเราว่า การเคลื่อนไปข้างหน้า หรือความก้าวหน้านั้น จะต้องนำทางด้วยสมอง

มนุษย์ทุกคนจะมีความก้าวหน้าในชีวิต ประสบความสำเร็จในการดำรงชีพอย่างเป็นสุข มีเกียรติได้รับการยอมรับในสังคม จำเป็นจะต้องมีสอง “ต้าว” คือ ต้าวหลี่ 道理 และต้าวเต๋อ

ต้าวหลี่ คือมีเหตุผล รู้กฎเกณฑ์การพัฒนาของเรื่องราว คือมีพุทธิศึกษา ความรู้วิทยาการต่างๆ
ต้าวเต๋อ คือจริยธรรม คือมีจริยศึกษา ประพฤติปฏิบัติตัวถูกต้องทำนองคลองธรรม ละเว้นการกระทำชั่ว

เราใช้สมองในการทำงาน ก็จะมีพลังของ “ต้าวหลี่”

เราใช้สมองควบคุมความประพฤติ ก็จะมีพลังของ “ต้าวเต๋อ”

ผู้นำชาติทั่วโลกแต่ละท่าน มี “มรรควิถี” ในการบริหารพัฒนาชาติในแบบฉบับของตน แต่ละท่านมอบมรดกทางปัญญาไว้กับมนุษยชาติไม่น้อย ชนรุ่นหลังสมควรศึกษา สิ่งใดเป็นเรื่องดีงาม สมควรสืบทอดปฏิบัติ

ผู้นำของสาธารณรัฐประชาชนจีน นับตั้งแต่ยุคเหมาเจ๋อตงเป็นต้นมา ต่างก็มี “มรรค” ในการบริหารพัฒนาชาติของแต่ละคน เราสรุปได้ดังนี้

มรรควิถีของเหมาเจ๋อตงคือ 实事求是 สือสื้อฉิวสื้อ จะต้องค้นคว้าหากฎเกณฑ์การพัฒนาจากสภาพความเป็นจริง บางท่านใช้สำนวนไพเราะว่า “หาสัจจะจากความเป็นจริง”

เหมาเจ๋อตงเน้นแนวทางนี้มาก เพราะผู้นำการปฏิวัติจีนที่เป็นปัญญาชนหลายคนกำหนดยุทธศาสตร์การปฏิบัติแบบเพ้อฝัน ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของสังคมจีน เช่นเน้นการลุกขึ้นสู้ของกรรมกรในเมือง เน้นการทำสงครามยึดพื้นที่ เป็นต้น

เหมาเจ๋อตงเริ่มต้นจากความเป็นจริงของสังคมจีน ที่มีชาวนาเป็นกำลังหลัก เสนอรูปแบบสงครามจรยุทธ ป่าล้อมเมือง สร้างพันธมิตรชาวนากับกรรมกร จนสามารถได้ชัยชนะในสงครามปฏิวัติ สร้างประเทศจีนใหม่ได้สำเร็จ

แต่เมื่อเหมาเจ๋อตงอยู่สูงเกินไป ห่างไกลจากสภาพความเป็นจริงในสังคม เขาก็ทำความผิดพลาดที่ใหญ่หลวง ที่เขาพลาดไป ก็เพราะเขาละเมิดมรรควิถี “หาสัจจะจากความเป็นจริง” ที่เขาเสนอไว้เอง

มาถึงยุคผู้นำเติ้งเสี่ยวผิง ผู้คนถูกผูกมัดในกรอบเศรษฐกิจแบบวางแผนโดยศูนย์กลางมานานเกิดเป็นอคติ โน้มเอียงในการทำความเข้าใจค้นคว้าหาสัจจะ ไม่อาจออกพ้นกรอบเพื่อค้นพบกฎเกณฑ์การพัฒนาใหม่ๆ

เติ้งเสี่ยวผิงจึงเพิ่มเติมมรรคการบริหารพัฒนาบ้านเมืองขึ้นข้างหน้า “หาสัจจะจากความเป็นจริง” อีกประโยคหนึ่งว่า 解放思想 เจี่ยฟั่งซือเสี่ยง ปลดปล่อยความคิด

หมายความว่า ต้องค้นคว้าหากฎเกณฑ์การพัฒนาจากสภาพความเป็นจริง อย่างเปิดใจกว้างอย่าติดกรอบใดๆ

การกำหนดแผนพัฒนาประเทศของเติ้งเสี่ยวผิง จึงกล้าที่จะแหวกกรอบเก่าแบบแนวทางสร้างสังคมนิยมที่ผิดพลาดกลายเป็นลัทธิเฉลี่ยสมบูรณ์ของเหมาเจ๋อตง ทำให้เศรษฐกิจของจีนก้าวกระโดดพัฒนาเข้มแข็งขึ้นมาก และกำลังก้าวไปสู่เศรษฐกิจการตลาดแบบสังคมนิยมที่มีระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ การนำยุคเติ้งเสี่ยวผิง ปลดปล่อยความคิด ทำให้จีนค้นพบกฎเกณฑ์การพัฒนา สร้างสรรค์สังคม นิยมกฎใหม่ๆ ที่ทำแล้วได้ผลสำเร็จ

แต่กฎเกณฑ์การพัฒนาย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาละด้วย ในยุคของเจียงเจ๋อหมิน พรรคคอมมิวนิสต์ยุคเจียงเจ๋อหมินจึงเพิ่มเติมมรรควิถีอีกประโยคหนึ่งเข้าไปข้างหลังสองประโยคข้างต้นประโยคนั้นคือ 与时俱进 อวี่สือจวี้จิ้น ก้าวไปเหมาะสมกับกาล

หมายความว่า ต้องค้นคว้าหากกฎเกณฑ์การพัฒนาจากสภาพความเป็นจริง อย่างเปิดใจกว้างอย่าติดกรอบใดๆ และต้องเหมาะสมกับกาละ จึงจะเลือกใช้กฎเกณฑ์ได้อย่างเหมาะสมถูกต้อง

ยุคของเจียงเจ๋อหมิน ได้ทำความเข้าใจให้ถูกต้องเรื่อง “สังคมระยะผ่าน” ที่จะไปสู่สังคมสังคมนิยม จีนจะต้องใช้เวลาผ่าน “สังคมระยะผ่าน” นี้อีกนาน จึงจะสร้างสังคมสังคมนิยมที่สมบูรณ์ได้ ความผิดพลาดในอดีตนั้น เกิดจากความใจร้อน ไม่เข้าใจเรื่องสังคมระยะผ่านอย่างดีพอ

การค้นคว้าเข้าใจกฎเกณฑ์การพัฒนาสังคมแล้ว ยังไม่เป็นหลักประกันเพียงพอว่า ใครจะใช้ความรู้ในกฎเกณฑ์เหล่านั้นในทางดีหรือทางร้าย ยุคของหูจิ่นเทาจึงเติมมรรควิถีการบริหารพัฒนาประเทศอีกสองประโยค ได้แก่ 立 党 为 公,执 政 为 民 ลี่ตั่งเว่ยกง จื๋อเจิ้งเว่ยหมิน หมายความว่า ดำรงพรรค (คอมมิวนิสต์) เพื่อส่วนรวม (สาธารณะ) คุมการเมืองเพื่อประชาชน

สรุปมรรควิถีการบริหารบ้านเมืองของจีนทุกวันนี้ โดยนำเอา “ต้าว” ของทุกยุคนับแต่เหมาเจ๋อตงเป็นต้นมา ประมวลได้ว่า

“พรรคคอมมิวนิสต์จีนทำงานเพื่อส่วนรวม ทำงานการเมืองเพื่อพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของประชาชน โดยค้นคว้าหาสัจจะจากความเป็นจริง อย่างปลดปล่อยความคิด ที่สอดคล้องเหมาะสมกับช่วงระยะเวลา”
กำลังโหลดความคิดเห็น