ผู้จัดการออนไลน์ 14/06/06 – นักท่องเที่ยวยูนนานเมินภูเก็ตหันเที่ยวเกาะไหหลำ เพราะเที่ยวในบ้านเกิดสะดวกและราคาถูกกว่า คณะตัวแทนจากภูเก็ตรุดจัดโรดโชว์ 3 เมืองลูกค้าเป้าหมาย คุนหมิง เฉิงตู และเซี่ยงไฮ้ เร่งเจรจาจัดเที่ยวบินตรงสู่ภูเก็ต หวังช่วยลดราคาทัวร์และฟื้นคืนความสนใจชาวมังกร หลังยอดนักท่องเที่ยวจีนมาไทยหดเหลือเพียง 2.9%เมื่อปีที่ผ่านมาจาก 9.7%เมื่อปี 1998
นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยระหว่างการเดินทางเยือนคุนหมิง เมืองเอกมณฑลหยุนหนัน (ยูนนาน) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวยูนนานที่เคยนิยมชมชอบการมาเที่ยวภูเก็ต ได้เริ่มหันไปพักผ่อนยังเกาะไห่หนัน (ไหหลำ) ทางใต้ของแดนมังกรบ้านเกิดแทน ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ยอดนักท่องเที่ยวจีนในภูเก็ตลดลง
ทั้งนี้ เป็นเพราะว่าไห่หนันมีทัศนียภาพที่ไม่น้อยหน้าชายหาดภูเก็ต อีกทั้งการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของชาวหยุนหนันเองย่อมสะดวกกว่าต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมาเที่ยวเมืองไทย ซึ่งสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้กว่าครึ่ง
โดยราคาทัวร์ไห่หนัน 5 วันในช่วงโลว์ซีซันแค่เพียง 1,500 หยวน (ราว 7,500 บาท) ขณะที่ถ้าเป็นทัวร์ภูเก็ต 6 วัน 5 คืนอย่างน้อยก็ไม่ต่ำว่า 3,000 -4,000 หยวน (ราว 15,000 – 20,000 บาท)
ที่สำคัญระยะหลังมีการเพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างคุนหมิงไปยังเมืองไหโขว่และซันย่าของเกาะไหหลำ ทำให้การเดินทางยิ่งสะดวกขึ้น แต่ถ้าเดินทางมาเที่ยวภูเก็ตต้องแวะต่อเครื่องที่กรุงเทพฯ ซึ่งสิ้นเปลืองทั้งเงินทองและเวลา
ซุนหย่งคัง เจ้าหน้าที่บริษัททัวร์ไทยรายหนึ่งเผยว่า ปกตินักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทย 30%จะไปพักผ่อนที่ภูเก็ต แต่กลับมีชาวยูนนานเพียง 10%เท่านั้นที่เลือกจะไปเที่ยวภูเก็ต ซึ่งหากภายในปีนี้สามารถบรรลุข้อตกลงในการจัดชาร์เตอร์ไฟลต์ หรือ เที่ยวบินเช่าเหมาลำ จากคุนหมิงมายังภูเก็ตโดยตรง ก็จะช่วยให้ประหยัดค่าทัวร์เหลือเพียงประมาณ 2,500 หยวน (ราว 12,500 บาท) อันจะช่วยดึงดูดให้ชาวหยุนหนันสนใจมาเที่ยวภูเก็ตมากขึ้น
ตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา แม้จะมีการจัดเที่ยวบินตรงระหว่างสองเมืองอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญอย่างสัปดาห์ทองหยุดยาวเนื่องในวันตรุษจีนหรือวันชาติจีนเท่านั้น ดังนั้น การจัดเที่ยวบินตรงจึงเป็นความหวังที่จะช่วยฟื้นคืนความสนใจให้ชาวยูนนานมาเที่ยวภูเก็ตได้มากขึ้น จางจิง จากบริษัททัวร์คังฮุยในคุนหมิงเสริม
นอกจากนั้น จากการที่จีนเปิดประเทศมากขึ้น โดยอนุญาตให้ชาวจีนไปท่องเที่ยวทั้งแบบหมู่คณะและส่วนบุคคลในหลายประเทศทั่วโลกได้ ทำให้นักท่องเที่ยวแดนมังกรแห่ไปท่องเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ แทนแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตเดิมๆ อย่างไทย อีกด้านหนึ่งชาวจีนได้กลายเป็นลูกค้าเป้าหมายที่ทั่วโลกหมายปอง
ในช่วง 5 ปีมานี้ นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางออกนอกประเทศมีอัตราการเติบโตถึงปีละ 20% แต่กลับพบว่าสัดส่วนที่มาเที่ยวไทยมีแนวโน้มลดลง จาก 9.7%เมื่อปี 1998 เหลือเพียง 2.9%เมื่อปีที่ผ่านมา
ดังนั้น ระหว่างวันที่ 11-18 มิถุนายนนี้ ทางจังหวัดภูเก็ตพร้อมด้วยสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) หอการค้าจังหวัดภูเก็ต สภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้เดินทางไปจัดโรดโชว์ส่งเสริมการท่องเที่ยวใน 3 เมืองหลักของจีน ได้แก่ คุนหมิง เฉิงตู และเซี่ยงไฮ้ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อไปเจรจาให้บริษัททัวร์แดนมังกรจัดทัวร์ด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำมายังภูเก็ตมากขึ้น
ส่วนในประเทศนั้น นายภานุ มาศวงศา อุปนายกฝ่ายการตลาด สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตเปิดเผยว่า ทางสมาคมฯ จะเร่งหารือกับบริษัทท่าอากาศยานฯ ให้ลดค่าบินขึ้นและลงจอดหรือค่าแลนดิ่งฟรีให้แก่สายการบินที่บินมาลงที่ท่าอากาศยานภูเก็ต ในช่วงโลว์ซีซันไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2549 อันจะช่วยให้ต้นทุนชาร์เตอร์ไฟลต์มาภูเก็ตถูกลงอีก ซึ่งจะช่วยลดราคาทัวร์มาภูเก็ตในช่วงหน้าฝนนี้ เพื่อหวังฟื้นคืนจำนวนนักท่องเที่ยวตลาดจีนให้กลับมาเป็น 55% ของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในปี 2547
ขณะนี้เที่ยวบินชาร์เตอร์ไฟลต์จากจีนที่เดินทางมาภูเก็ตมีเพียงสัปดาห์ละ 2-3 เที่ยวเท่านั้น จากเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง ด้วยการสายการบินเซี่ยงไฮ้แอร์ไลน์ และไชน่าอีสเทิร์นแอร์ ส่วนการบินไทยจะบินจากคุนหมิงและเฉิงตู แต่ต้องไปแวะที่กรุงเทพฯก่อน
สำหรับนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวภูเก็ตส่วนใหญ่มาจาก 3 เมืองหลัก คือ คุนหมิง เฉิงตู และเซี่ยงไฮ้ โดยในปี 2547 นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาภูเก็ต 119,000 กว่าคน แต่ปีที่แล้วหลังเหตุการณ์สึนามิกลับลดลงเหลือเพียง 51,000 กว่าคน และในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เข้ามาแล้วประมาณ 60,000 คน แต่ระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคมกลับลดลงไปถึง 30%
ทั้งนี้ การไปเยือนแดนมังกรของคณะตัวแทนจากภูเก็ตในครั้งนี้ ยังจะหารือเรื่องการค้าและการลงทุนกับจีน โดยจะผลักดันให้ภูเก็ตและเมืองในทะเลอันดามันเป็นแหล่งจำหน่วยสินค้าอาหารทะเลและยางพาราแก่จีนด้วย นอกจากนั้น ยังจะเดินทางไปเมืองเยียนไถ มณฑลซันตง ทางชายฝั่งทะเลตะวันออกของจีน เพื่อรื้อฟื้นความสัมพันธ์หลังมีการลงนามสถาปนาเป็นเมืองพี่เมืองน้องตั้งแต่ 4 พฤศจิกายน 2540.
นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยระหว่างการเดินทางเยือนคุนหมิง เมืองเอกมณฑลหยุนหนัน (ยูนนาน) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวยูนนานที่เคยนิยมชมชอบการมาเที่ยวภูเก็ต ได้เริ่มหันไปพักผ่อนยังเกาะไห่หนัน (ไหหลำ) ทางใต้ของแดนมังกรบ้านเกิดแทน ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ยอดนักท่องเที่ยวจีนในภูเก็ตลดลง
ทั้งนี้ เป็นเพราะว่าไห่หนันมีทัศนียภาพที่ไม่น้อยหน้าชายหาดภูเก็ต อีกทั้งการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของชาวหยุนหนันเองย่อมสะดวกกว่าต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมาเที่ยวเมืองไทย ซึ่งสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้กว่าครึ่ง
โดยราคาทัวร์ไห่หนัน 5 วันในช่วงโลว์ซีซันแค่เพียง 1,500 หยวน (ราว 7,500 บาท) ขณะที่ถ้าเป็นทัวร์ภูเก็ต 6 วัน 5 คืนอย่างน้อยก็ไม่ต่ำว่า 3,000 -4,000 หยวน (ราว 15,000 – 20,000 บาท)
ที่สำคัญระยะหลังมีการเพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างคุนหมิงไปยังเมืองไหโขว่และซันย่าของเกาะไหหลำ ทำให้การเดินทางยิ่งสะดวกขึ้น แต่ถ้าเดินทางมาเที่ยวภูเก็ตต้องแวะต่อเครื่องที่กรุงเทพฯ ซึ่งสิ้นเปลืองทั้งเงินทองและเวลา
ซุนหย่งคัง เจ้าหน้าที่บริษัททัวร์ไทยรายหนึ่งเผยว่า ปกตินักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทย 30%จะไปพักผ่อนที่ภูเก็ต แต่กลับมีชาวยูนนานเพียง 10%เท่านั้นที่เลือกจะไปเที่ยวภูเก็ต ซึ่งหากภายในปีนี้สามารถบรรลุข้อตกลงในการจัดชาร์เตอร์ไฟลต์ หรือ เที่ยวบินเช่าเหมาลำ จากคุนหมิงมายังภูเก็ตโดยตรง ก็จะช่วยให้ประหยัดค่าทัวร์เหลือเพียงประมาณ 2,500 หยวน (ราว 12,500 บาท) อันจะช่วยดึงดูดให้ชาวหยุนหนันสนใจมาเที่ยวภูเก็ตมากขึ้น
ตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา แม้จะมีการจัดเที่ยวบินตรงระหว่างสองเมืองอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญอย่างสัปดาห์ทองหยุดยาวเนื่องในวันตรุษจีนหรือวันชาติจีนเท่านั้น ดังนั้น การจัดเที่ยวบินตรงจึงเป็นความหวังที่จะช่วยฟื้นคืนความสนใจให้ชาวยูนนานมาเที่ยวภูเก็ตได้มากขึ้น จางจิง จากบริษัททัวร์คังฮุยในคุนหมิงเสริม
นอกจากนั้น จากการที่จีนเปิดประเทศมากขึ้น โดยอนุญาตให้ชาวจีนไปท่องเที่ยวทั้งแบบหมู่คณะและส่วนบุคคลในหลายประเทศทั่วโลกได้ ทำให้นักท่องเที่ยวแดนมังกรแห่ไปท่องเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ แทนแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตเดิมๆ อย่างไทย อีกด้านหนึ่งชาวจีนได้กลายเป็นลูกค้าเป้าหมายที่ทั่วโลกหมายปอง
ในช่วง 5 ปีมานี้ นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางออกนอกประเทศมีอัตราการเติบโตถึงปีละ 20% แต่กลับพบว่าสัดส่วนที่มาเที่ยวไทยมีแนวโน้มลดลง จาก 9.7%เมื่อปี 1998 เหลือเพียง 2.9%เมื่อปีที่ผ่านมา
ดังนั้น ระหว่างวันที่ 11-18 มิถุนายนนี้ ทางจังหวัดภูเก็ตพร้อมด้วยสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) หอการค้าจังหวัดภูเก็ต สภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้เดินทางไปจัดโรดโชว์ส่งเสริมการท่องเที่ยวใน 3 เมืองหลักของจีน ได้แก่ คุนหมิง เฉิงตู และเซี่ยงไฮ้ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อไปเจรจาให้บริษัททัวร์แดนมังกรจัดทัวร์ด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำมายังภูเก็ตมากขึ้น
ส่วนในประเทศนั้น นายภานุ มาศวงศา อุปนายกฝ่ายการตลาด สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตเปิดเผยว่า ทางสมาคมฯ จะเร่งหารือกับบริษัทท่าอากาศยานฯ ให้ลดค่าบินขึ้นและลงจอดหรือค่าแลนดิ่งฟรีให้แก่สายการบินที่บินมาลงที่ท่าอากาศยานภูเก็ต ในช่วงโลว์ซีซันไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2549 อันจะช่วยให้ต้นทุนชาร์เตอร์ไฟลต์มาภูเก็ตถูกลงอีก ซึ่งจะช่วยลดราคาทัวร์มาภูเก็ตในช่วงหน้าฝนนี้ เพื่อหวังฟื้นคืนจำนวนนักท่องเที่ยวตลาดจีนให้กลับมาเป็น 55% ของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในปี 2547
ขณะนี้เที่ยวบินชาร์เตอร์ไฟลต์จากจีนที่เดินทางมาภูเก็ตมีเพียงสัปดาห์ละ 2-3 เที่ยวเท่านั้น จากเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง ด้วยการสายการบินเซี่ยงไฮ้แอร์ไลน์ และไชน่าอีสเทิร์นแอร์ ส่วนการบินไทยจะบินจากคุนหมิงและเฉิงตู แต่ต้องไปแวะที่กรุงเทพฯก่อน
สำหรับนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวภูเก็ตส่วนใหญ่มาจาก 3 เมืองหลัก คือ คุนหมิง เฉิงตู และเซี่ยงไฮ้ โดยในปี 2547 นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาภูเก็ต 119,000 กว่าคน แต่ปีที่แล้วหลังเหตุการณ์สึนามิกลับลดลงเหลือเพียง 51,000 กว่าคน และในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เข้ามาแล้วประมาณ 60,000 คน แต่ระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคมกลับลดลงไปถึง 30%
ทั้งนี้ การไปเยือนแดนมังกรของคณะตัวแทนจากภูเก็ตในครั้งนี้ ยังจะหารือเรื่องการค้าและการลงทุนกับจีน โดยจะผลักดันให้ภูเก็ตและเมืองในทะเลอันดามันเป็นแหล่งจำหน่วยสินค้าอาหารทะเลและยางพาราแก่จีนด้วย นอกจากนั้น ยังจะเดินทางไปเมืองเยียนไถ มณฑลซันตง ทางชายฝั่งทะเลตะวันออกของจีน เพื่อรื้อฟื้นความสัมพันธ์หลังมีการลงนามสถาปนาเป็นเมืองพี่เมืองน้องตั้งแต่ 4 พฤศจิกายน 2540.
