xs
xsm
sm
md
lg

หญิงคณิกาที่กวางตุ้ง

เผยแพร่:   โดย: โชติช่วง นาดอน

ยังสนุกอยู่กับการตามขุนนางไทยสมัยก่อนไปดูเมืองจีน บทนี้มาดูเรื่องหญิงบริการในสมัยก่อนกันหน่อย

เมืองท่าสากลกับหญิงบริการหรือนางคณิกานั้น แยกกันไม่ออก พระยามหานุภาพไปเมืองกวางโจว (กวางเจา) เมื่อพ.ศ.2324 ท่านก็ประสบพบเล่าไว้ นายแวว (หลวงนรเนติบัญชากิจ) ไปฮ่องกง เมื่อ พ.ศ.2430 ก็พบเห็นและเขียนเล่าไว้เช่นกัน

พระยามหานุภาพท่านเล่าไว้เป็นหญิงบริการบนเรือ มองไกลๆ ก็จิ้มลิ้มนิ่มนวล แต่มองใกล้ก็เห็นร่อยรอยทรุดโทรม เพราะต้องรับแขก (บริการ) ทุกวัน

เรือของพระยามหานุภาพเข้าแม่น้ำสองวันจึงถึงเมืองกวางเจา ขุนนางไทยยังขึ้นบกไม่ได้ พวกพ่อค้าแม่ค้ารวมทั้งหญิงบริการต้องลอยเรือออกมาหาเรือสำเภาของขุนนางไทย

“บ้างลงเรือน้อยน้อยมาพลอยทักยิ้มพยักด้วยไม่รู้ภาษา
บ้างลอยล้อมตอมรอบทั้งเภตราเอาผักปลามาจำหน่ายขายไทย
อันนารีเรือลากสำหรับจ้างนั้นรูปร่างหมดจดสดใส
นวลนิ่มจิ้มลิ้มละไมใจเมื่อดูไกลเอกเอี่ยมละออตา
ครั้นเข้าใกล้เห็นเลือดชายจะเผือดผาดด้วยการสวาทไม่หลีกเลือกภาษา
แขกฝรั่งอังกฤษวิลันดาจะไปมาย่อมได้อาศัยกัน”

ในยุคของพระยามหานุภาพนั้น ท่านบอกว่าจีนห้ามนางคณิกาไปหากินบนบก ต่างกับยุคนายแวว ที่เล่าว่าไปเห็นหอคณิกาสวยงามในเมืองฮ่องกง (อังกฤษปกครองฮ่องกงอยู่)

“ต้องห้ามทั้งมิให้ไปอยู่บกประจำพกแหล่งหลักสำนักนั่น
ประกวดดีดูทีนับถือกันไม่เว้นวันชายหาจึงว่าดี
แต่บรรจงจริตจัดผัดพักตร์บำรุงรักมิให้ชายหน่ายหนี
กันไรให้วิไลกับเมาลีมวยมีดอกไม้เงินงาม
นุ่งกางเกงใส่เสื้อที่สังเกตทำแปลงเพศก็พอเอี่ยมออกสนาม
รู้ชำเลืองประปรายให้ชายตามแต่ต้องห้ามมิให้ไทยไปพบพาน”

คณะขุนนางสยามที่ไปจีนในรัชสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช มีวินัย ห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับหญิงคณิกาจีน แต่อยู่ไปนานๆ ก็มีบางคนแหกกฎเหมือนกัน เช่น หลวงราไชย ถึงกับติดโรคผู้หญิง (กามโรค) ทีเดียว

“ที่ภักดีโดยการก็งานเปลืองไม่ยักเยื้องกริยาเหมือนราไชย
เมื่อท่านยุกรบัตรหาปรึกษาของก็ปิดป้องโรคาไม่มาได้
เอาอาสัจที่วิบัตินั้นบอกไปพะวงใจอยู่ด้วยรักข้างลักชม
อีดอกทองราวทองธรรมชาติพิศวาสมิได้เว้นวันสม
จนโรคันปันทบข้างอุปทมเสน่หาส่าลมขึ้นเต็มตัว”

ทางการจีนนั้น นอกจากจะห้ามหญิงคณิกาขึ้นไปหากินบนบก และต้องบริการในเรือของฝ่ายหญิงแล้ว ยังห้ามคนไทยว่า ห้ามนำหญิงคณิกามาสัมผัสกับเครื่องของบรรณาการและสินค้าต่างๆ ด้วย เห็นทีเขาจะถือสาว่าสัมผัสแล้วจะเป็นเสนียด หรือทำให้ขายไม่ออก

“บำรุงเรือแต่ให้เกื้อการสังวาสนั้นปูลาดจัดแจงแกล้งสรร
ล้วนพู่กลิ่นฟุ้งอบตลบครันปะไม่ทันรู้เข้าก็เอาแพง
เขามาชี้แจงความให้ตามกฎในกำหนดที่ตระหนักประจักษ์แจ้ง
ว่าสุวรรณขาวเหลืองเครื่องทองแดงทั้งแพรไหมเหล็กแท่งแลสาตรา
มิให้ไทยเอาหญิงมาพิงพาดอันการสวาทนี้กำชับเป็นหนักหนา
ที่รักตัวเขาก็กลัวไม่พานพาที่แกมกล้าก็เข้ากลั้วเอาตัวพัน”

ท่านพระยามหานุภาพท่านบอกว่า ท่านไม่กล้าไปยุ่งเกี่ยวเที่ยวผู้หญิง แหม...แต่ท่านบรรยายไว้ได้ค่อนข้างละเอียด น่าสงสัยเหมือนกัน...

“เสียแรงมาพาร่างถึงกวางตุ้งเขม้นมุ่งว่าจะลองก็ต้องพรั่น
ได้ชมงามอยู่แต่ไกลมิได้กันครั้นถึงวันรวิวารเวลา”

เมื่อได้ขึ้นพักบ้านรับรองของหลวงบนบกแล้ว พระยามหานุภาพเขียนชมความงามของสาวๆ ชาวกวางเจาไว้มาก จะบ่นว่าอยู่เพียงเรื่องเดียวคือเรื่องมัดเท้า การมัดเท้าทำให้ผู้หญิงจีนเดินเหินไม่สะดวก ทำมาหากินลำบาก ต้องพึ่งพาสามีทุกเรื่อง และสามีทอดทิ้งไปก็มีอยู่มาก

“อันชมสาวที่ชาวสถลมาศไม่อุจาดเหมือนจีนประจำท่า
อันรูปทรงสรรเสริญจำเริญตาครั้นพิศบาทบาทาก็เสียดาย
เอาผ้าคาดขึงเหนียวจนเรียวรัดพาวิบัติอินทรีย์ให้มีสลาย
จะดำเนินมิใคร่ตรงพอทรงกายย่อมใช้ชายขายค้ามาให้กิน
มีแต่จะพึงผัวเป็นครัวใช้ตัวได้แต่จะร่วมภิรมย์ถวิล
แต่ชายถ่อยทุจริตผิดกระบิลย่อมคว่ำผินประดิพัทธอยู่อัตรา”

อีกเรื่องหนึ่งที่ขัดตาของพระยามหานุภาพคือเรื่องขอทาน

“จะเข้านอกออกในก็ใช้สอยบุรุษรูปน้อยน้อยโออ่า
อันยาจกวรรณิพกที่ไปมาเที่ยวภิกขาตารขอไม่พอกิน
ก็อุบายทำกายนั้นต่างๆจะร่ำปางโดยดูไม่รู้สิ้น
บ้างอุจานทานทำทั้งกายินบ้างนั่งวอนนอนดิ้นลงโดยจน
บ้างก็เอามีดสับจับอิฐต่อยจนโลหิตแดงย้อยไปเต็มถนน
มิได้ของแล้วก็ร้องไม่จรดลไปเห็นจนก็ได้คิดอนิจจา”

ทุกวันนี้ขอทานในเมืองจีนก็มีวิธีต่างๆ นานาสร้างความสงสารน่าเห็นใจ ครั้งหนึ่งที่เมืองซีอานเมื่อสองปีก่อน อากาศฤดูชุนเทียนยังหนาวมากอยู่ หนุ่มขอทานเขาถอดเสื้อนอนขดอยู่กลางฟุตบาธย่านศูนย์การค้ากลางเมือง ผมมองแล้วสะท้อนสะท้านใจ จะหาเสื้อเก่าๆ ขาดๆ มาใส่กันหนาวคงพอหาได้ แต่ก็ต้องจงใจเปลือยท่อนบนให้หนาวสั่น เพื่อที่จะได้รับบริจาคเศษเงินมากหน่อย

ผมหนาวใจจริงๆ ครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น