ผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอชิ้นสำคัญจากศูนย์วิจัยในมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดชี้ ศาตราจารย์ด้านบัญชีชาวอเมริกันมีรหัสสายเลือดตรงกับวีรบุรุษผู้กล้าแห่งเอเชีย ‘เจงกิสข่าน’ นับเป็นทายาทเลือดนักรบคนแรกที่พบนอกเขตเอเชีย
หนังสือพิมพ์ ‘เดอะไทมส์’ ของอังกฤษรายงานเมื่อเร็วๆนี้ว่า ชายผู้สร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการประวัติศาสตร์คนนี้คือ ศาตราจารย์ทอม โรบินสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีแห่งมหาวิทยาลัยไมอามี มลรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา อายุ 48 ปี โดยผลการตรวจดีเอ็นเอส่วนสำคัญทั้งหมดบ่งชี้ว่า ตรงกับเลือดของเจงกิสข่าน ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หยวนของจีน (ค.ศ.1271-1368)

ศาตราจารย์ไบรอัน ไซค์ส จากศูนย์วิจัยยีนมนุษย์แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด มหาวิทยาลัยที่มีชื่อของอังกฤษ เปิดเผยรายงานชิ้นอื้อฉาวระบุ การทดสอบเปรียบเทียบดีเอ็นเอจากตัวอย่างเลือดของนายทอม โรบินสัน พบว่ามีโครโมโซมวายตรงกับโครโมโซมวายในเลือดของเจงกิสข่าน ทั้งนี้ โครโมโซมวายเป็นโครโมโซมพบเฉพาะในเพศชาย หากมีการถ่ายทอดลักษณะบุคคลจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งจะปรากฏอยู่ในลูกหลานเพศชายเท่านั้น
ทั้งนี้ ผลการวิจัยด้านดีเอ็นเอของเขาที่ตีพิมพ์ในหนังสือเมื่อปี 2004 ชื่อ “คำสาปของอาดัม” หรือ "Adams Curse" 《亚当的诅咒》 ฟันธงว่า “เจงกิสข่านเป็นผู้หว่านเมล็ดพันธุ์ที่ประสบความสำเร็จที่สุด” โดยเขายังอ้างว่า ผู้ชายที่มีดีเอ็นเอตรงกับเจงกิสข่านอาจมีจำนวนสูงถึง 16 ล้านคน ซึ่งกระจายอยู่ทั่วทวีปเอเชีย แม้แต่ในเกาะอังกฤษก็เป็นไปได้ว่าจะมีลูกหลานเจงกิสข่านอาศัยอยู่ด้วย
“เราทราบดีว่าในทวีปเอเชียปัจจุบันมีทายาทของเจงกิสข่านมากมายมหาศาล แต่ผมมั่นใจว่า นอกเขตเอเชียที่ห่างไกลออกไปก็ยังมีทายาทของเจงกิสข่านอยู่ด้วย โรบินสันเป็นทายาทเจงกิสข่านคนแรกที่เราพบมีถิ่นฐานอยู่ในแถบยุโรปและอเมริกา” ศ.ไบรอันกล่าว
งานวิจัยที่ใช้เวลากว่า 10 ปีของไซค์สและคณะทำงานได้บุกไปถึงจีน ปากีสถาน อุซเบกิซสถานและมองโกเลีย เพื่อเก็บตัวอย่างเลือดจากชายในชนเผ่าพื้นเมือง 16 เผ่า ซึ่งผลการตรวจชี้ว่า มีผู้ชายที่มีโครโมโซมวายตรงกัน 8% ซึ่งศ.ไซค์ส มั่นใจว่า เป็นโครโมโซมวายที่ถ่ายทอดจากบรรพบุรุษคนเดียวกันมาจนถึงรุ่นปัจจุบัน เขาผู้นี้มีชีวิตอยู่ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 12-13
ศาสตราจารย์หัวใสยังนำข้อมูลรหัสล้ำค่าทางวิทยาศาสตร์นี้มาประกอบกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นแผนที่เก่าการนำทัพบุกยึดดินแดนต่างๆเพื่อรวบรวมอาณาจักรมองโกลเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 12 การพิจารณาอย่างรอบด้านทำให้ทีมนักวิจัยของไซค์สตั้งข้อสันนิษฐานว่า “บรรพบุรุษร่วมของพวกเขาคือ ท่านข่านผู้เกรียงไกร”

ศ.ไซค์สยังอธิบายอีกว่า สาเหตุที่ท่านข่านมีลูกหลานมากมายขนาดนั้น เนื่องจากในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 เจงกิสข่านได้นำทัพไปตีเมืองใดก็จะมีการสังหารชาวพื้นเมืองจนหมด แม่ทัพใหญ่ยังได้ครอบครองทรัพย์สมบัติและหญิงงาม ที่จะถูกจับมาเป็นชายารับใช้ท่านข่านจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ลูกชายที่เกิดกับชายาเหล่านี้จะเป็นเด็กเลือดผสมที่มี “ซูเปอร์โครโมโซม” ของท่านข่านอยู่
ด้านทอม โรบินสัน เมื่อได้รับข่าวจากศูนย์วิจัยฯว่า เขามีสายเลือดนักรบมาจากบรรพบุรุษเลื่องชื่อของโลก เจ้าตัวถึงกับตะลึง เขาเผยว่า เขาเริ่มสนใจอยากจะสืบค้นที่มาของตนด้วยการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ เมื่อเขาได้อ่านหนังสือเรื่อง “ลูกสาวเจ็ดคนของอีฟ” หรือ The Seven Daughters of Eve : The Science That Reveals Our Genetic Ancestry ในปี 2003 แม้ว่าในตอนแรกเขาจะรู้จักเจ้าของซูเปอร์โครโมโซมในตัวเขาน้อยมาก แต่ต่อมาก็ไปค้นคว้าเรื่องของเจงกิสข่านมาอ่าน
“เขาเป็นคนที่น่าทึ่งจริงๆ ผมเริ่มรู้สึกภาคภูมิใจบ้างแล้วซิ อุปนิสัยของผมโดยส่วนใหญ่ไม่เหมือนเจงกิสข่านเลย นอกจากเรียนจนจบได้ปริญญามา ก็ไม่เคยรบชนะประเทศไหน” อาจารย์ผู้มีบุคลิกอ่อนโยนกล่าว
ทั้งนี้ การศึกษาลำดับวงศ์ของตระกูลโรบินสันพบว่า บรรพบุรุษของเขาอพยพมาจากเขตคัมเบรียในอังกฤษ ทอมมีพี่สาวน้องสาวอีก 3 คน และที่ประจวบเหมาะก็คือ ภรรยาของเขายังเป็นลูกครึ่งจีน-ฟิลิปปินส์ด้วย แม้ว่าทั้งคู่จะยังไม่มีบุตรด้วยกัน แต่ทอมก็ออกตัวว่า ยังไม่คิดจะถ่ายทอดโครโมโซมวายไปสู่รุ่นลูกของตน
เจงกิสข่าน หรือเตมูจิน (成吉思汗1162-1227) เป็นกษัตริย์นักรบผู้เกรียงไกรแห่งแคว้นมองโกล มีฝีมือทางการยุทธ์ การเมืองการปกครอง กรำศึกมาอย่างโชกโชน สามารถนำกองทัพบุกยึดดินแดนต่างๆ จากมองโกลทางตอนเหนือของจีนไกลไปจรดทวีปยุโรป เตมูจินยกทัพตีอาณาจักรจินได้สำเร็จในปี ค.ศ.1234 ภายหลังสถาปนาอาณาจักรหยวนขึ้นในปี 1271 นอกจากจะเป็นบุคคลสำคัญในประวัติสาสตร์จีนแล้ว ยังเป็นความภาคภูมิใจของชาวจีนอีกด้วย
เจงกิสข่านไม่เพียงแต่จะมีฝีมือในเชิงรบ ขณะขึ้นครองราชย์มีมเหสีที่มีตำแหน่งทางการองค์สำคัญได้แก่ มเหสีใหญ่ป๋อเอ๋อเทีย มเหสีรองฮูหลุน และมเหสีเล็กอีซี่ว์ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีชายาและนางสนมอีกจำนวนมาก .
เรียบเรียงจาก เน็ตอีสต์ / นสพ.สากล(อเมริกา) / ทอมดอทคอม
หนังสือพิมพ์ ‘เดอะไทมส์’ ของอังกฤษรายงานเมื่อเร็วๆนี้ว่า ชายผู้สร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการประวัติศาสตร์คนนี้คือ ศาตราจารย์ทอม โรบินสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีแห่งมหาวิทยาลัยไมอามี มลรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา อายุ 48 ปี โดยผลการตรวจดีเอ็นเอส่วนสำคัญทั้งหมดบ่งชี้ว่า ตรงกับเลือดของเจงกิสข่าน ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หยวนของจีน (ค.ศ.1271-1368)
ศาตราจารย์ไบรอัน ไซค์ส จากศูนย์วิจัยยีนมนุษย์แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด มหาวิทยาลัยที่มีชื่อของอังกฤษ เปิดเผยรายงานชิ้นอื้อฉาวระบุ การทดสอบเปรียบเทียบดีเอ็นเอจากตัวอย่างเลือดของนายทอม โรบินสัน พบว่ามีโครโมโซมวายตรงกับโครโมโซมวายในเลือดของเจงกิสข่าน ทั้งนี้ โครโมโซมวายเป็นโครโมโซมพบเฉพาะในเพศชาย หากมีการถ่ายทอดลักษณะบุคคลจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งจะปรากฏอยู่ในลูกหลานเพศชายเท่านั้น
ทั้งนี้ ผลการวิจัยด้านดีเอ็นเอของเขาที่ตีพิมพ์ในหนังสือเมื่อปี 2004 ชื่อ “คำสาปของอาดัม” หรือ "Adams Curse" 《亚当的诅咒》 ฟันธงว่า “เจงกิสข่านเป็นผู้หว่านเมล็ดพันธุ์ที่ประสบความสำเร็จที่สุด” โดยเขายังอ้างว่า ผู้ชายที่มีดีเอ็นเอตรงกับเจงกิสข่านอาจมีจำนวนสูงถึง 16 ล้านคน ซึ่งกระจายอยู่ทั่วทวีปเอเชีย แม้แต่ในเกาะอังกฤษก็เป็นไปได้ว่าจะมีลูกหลานเจงกิสข่านอาศัยอยู่ด้วย
“เราทราบดีว่าในทวีปเอเชียปัจจุบันมีทายาทของเจงกิสข่านมากมายมหาศาล แต่ผมมั่นใจว่า นอกเขตเอเชียที่ห่างไกลออกไปก็ยังมีทายาทของเจงกิสข่านอยู่ด้วย โรบินสันเป็นทายาทเจงกิสข่านคนแรกที่เราพบมีถิ่นฐานอยู่ในแถบยุโรปและอเมริกา” ศ.ไบรอันกล่าว
งานวิจัยที่ใช้เวลากว่า 10 ปีของไซค์สและคณะทำงานได้บุกไปถึงจีน ปากีสถาน อุซเบกิซสถานและมองโกเลีย เพื่อเก็บตัวอย่างเลือดจากชายในชนเผ่าพื้นเมือง 16 เผ่า ซึ่งผลการตรวจชี้ว่า มีผู้ชายที่มีโครโมโซมวายตรงกัน 8% ซึ่งศ.ไซค์ส มั่นใจว่า เป็นโครโมโซมวายที่ถ่ายทอดจากบรรพบุรุษคนเดียวกันมาจนถึงรุ่นปัจจุบัน เขาผู้นี้มีชีวิตอยู่ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 12-13
ศาสตราจารย์หัวใสยังนำข้อมูลรหัสล้ำค่าทางวิทยาศาสตร์นี้มาประกอบกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นแผนที่เก่าการนำทัพบุกยึดดินแดนต่างๆเพื่อรวบรวมอาณาจักรมองโกลเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 12 การพิจารณาอย่างรอบด้านทำให้ทีมนักวิจัยของไซค์สตั้งข้อสันนิษฐานว่า “บรรพบุรุษร่วมของพวกเขาคือ ท่านข่านผู้เกรียงไกร”
ศ.ไซค์สยังอธิบายอีกว่า สาเหตุที่ท่านข่านมีลูกหลานมากมายขนาดนั้น เนื่องจากในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 เจงกิสข่านได้นำทัพไปตีเมืองใดก็จะมีการสังหารชาวพื้นเมืองจนหมด แม่ทัพใหญ่ยังได้ครอบครองทรัพย์สมบัติและหญิงงาม ที่จะถูกจับมาเป็นชายารับใช้ท่านข่านจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ลูกชายที่เกิดกับชายาเหล่านี้จะเป็นเด็กเลือดผสมที่มี “ซูเปอร์โครโมโซม” ของท่านข่านอยู่
ด้านทอม โรบินสัน เมื่อได้รับข่าวจากศูนย์วิจัยฯว่า เขามีสายเลือดนักรบมาจากบรรพบุรุษเลื่องชื่อของโลก เจ้าตัวถึงกับตะลึง เขาเผยว่า เขาเริ่มสนใจอยากจะสืบค้นที่มาของตนด้วยการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ เมื่อเขาได้อ่านหนังสือเรื่อง “ลูกสาวเจ็ดคนของอีฟ” หรือ The Seven Daughters of Eve : The Science That Reveals Our Genetic Ancestry ในปี 2003 แม้ว่าในตอนแรกเขาจะรู้จักเจ้าของซูเปอร์โครโมโซมในตัวเขาน้อยมาก แต่ต่อมาก็ไปค้นคว้าเรื่องของเจงกิสข่านมาอ่าน
“เขาเป็นคนที่น่าทึ่งจริงๆ ผมเริ่มรู้สึกภาคภูมิใจบ้างแล้วซิ อุปนิสัยของผมโดยส่วนใหญ่ไม่เหมือนเจงกิสข่านเลย นอกจากเรียนจนจบได้ปริญญามา ก็ไม่เคยรบชนะประเทศไหน” อาจารย์ผู้มีบุคลิกอ่อนโยนกล่าว
ทั้งนี้ การศึกษาลำดับวงศ์ของตระกูลโรบินสันพบว่า บรรพบุรุษของเขาอพยพมาจากเขตคัมเบรียในอังกฤษ ทอมมีพี่สาวน้องสาวอีก 3 คน และที่ประจวบเหมาะก็คือ ภรรยาของเขายังเป็นลูกครึ่งจีน-ฟิลิปปินส์ด้วย แม้ว่าทั้งคู่จะยังไม่มีบุตรด้วยกัน แต่ทอมก็ออกตัวว่า ยังไม่คิดจะถ่ายทอดโครโมโซมวายไปสู่รุ่นลูกของตน
เจงกิสข่าน หรือเตมูจิน (成吉思汗1162-1227) เป็นกษัตริย์นักรบผู้เกรียงไกรแห่งแคว้นมองโกล มีฝีมือทางการยุทธ์ การเมืองการปกครอง กรำศึกมาอย่างโชกโชน สามารถนำกองทัพบุกยึดดินแดนต่างๆ จากมองโกลทางตอนเหนือของจีนไกลไปจรดทวีปยุโรป เตมูจินยกทัพตีอาณาจักรจินได้สำเร็จในปี ค.ศ.1234 ภายหลังสถาปนาอาณาจักรหยวนขึ้นในปี 1271 นอกจากจะเป็นบุคคลสำคัญในประวัติสาสตร์จีนแล้ว ยังเป็นความภาคภูมิใจของชาวจีนอีกด้วย
เจงกิสข่านไม่เพียงแต่จะมีฝีมือในเชิงรบ ขณะขึ้นครองราชย์มีมเหสีที่มีตำแหน่งทางการองค์สำคัญได้แก่ มเหสีใหญ่ป๋อเอ๋อเทีย มเหสีรองฮูหลุน และมเหสีเล็กอีซี่ว์ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีชายาและนางสนมอีกจำนวนมาก .
เรียบเรียงจาก เน็ตอีสต์ / นสพ.สากล(อเมริกา) / ทอมดอทคอม