ท่ามกลางแสงสปอตไลท์ที่ฉายไปบนเวทีประกาศรางวัลปาล์มทองคำครั้งที่ 59 บุรุษผู้มากับแว่นดำที่ดูราวกับมาเฟียในหนังฮ่องกง ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ด้วยภาษาบ้านเกิดว่า “การได้เป็นประธานคณะกรรมการตัดสินเทศกาลหนังเมืองคานส์ถือเป็นเกียรติประวัติที่ยิ่งใหญ่ แต่มันไม่ใช่ของผมคนเดียว หากแต่เป็นของชาวจีนทั่วโลก และเป็นเกียรติยศของวงการภาพยนตร์เอเชียด้วย”
สองทศวรรษที่ผ่านมา หว่องกาไว หรือ หวังเจียเว่ย (王家卫) ค่อยๆ ไต่บันไดขึ้นมาอย่างมั่นคงทีละขั้นๆ จนได้เป็นชาวจีนคนแรกที่ได้นั่งหัวโต๊ะคณะกรรมการตัดสินรางวัลเทศกาลหนังประจำแดนน้ำหอม ที่เหมือนตราประทับรับรองคุณภาพหนังดีอีกหนึ่งเวทีของซีกโลกตะวันตก
ความปรารถนาสูงสุดของด.ช.หว่องกาไวคือการได้เข้าเรียนในสถาบันภาพยนตร์ เพราะจะได้ดูหนังดีดีทุกวัน ทว่ากว่าฝันนี้จะเป็นจริงได้ ก็ปาเข้าไปหลังเขาเรียนจบสาขากราฟฟิกดีไซน์ จากวิทยาลัยโปลีเทคนิคฮ่องกง แล้วได้เข้าอบรมวิชาผลิตภาพยนตร์และเขียนบทกับทางสถานีโทรทัศน์ฮ่องกง (TVB)
หว่องเล่าว่าตอนนั้นเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่สุด จินตนาการของเขาวิ่งเล่นเริ่งร่าทุกวัน ถ้าบังเอิญได้พบเจอสาวงามที่ไหน เขาจะไม่รีรอที่จะชวนเธอว่า “เรามาถ่ายหนังกันเถอะ !” หว่องตอบตัวเองได้ทันทีว่าหลงรักงานทำหนังเข้าแล้วเต็มเปา พร้อมเปิดฉากชีวิตวงการมายาด้วยงานผู้ช่วยฝ่ายผลิตและเขียนบทละครโทรทัศน์ให้กับทีวีบีนาน 2 ปี
หลังจากนั้นหว่องได้ก้าวเข้าสู่โลกภาพยนตร์ ช่วงปี 1982-1987 เขาเขียนบทภาพยนตร์ถึง 10 เรื่อง จนมีผลงานกำกับหนังเรื่องแรกออกมาตอนอายุขึ้นเลข 3 กับ As Tears Go By (旺角卡门-1988) ที่สะท้อนสังคมมาเฟียฮ่องกงซึ่งนอกจากโดนใจคนดูในบ้านแล้ว ยังโกอินเตอร์ทันทีไปฉายในงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 1989
เรื่องต่อมา Days of Being Wild (阿飞正传-1990) ว่าด้วยชีวิตวัยรุ่นไร้จุดหมายในยุค 1960 ที่รวบรวมดาราดังแห่งยุคไว้คับคั่ง ถือเป็นจุดเริ่มต้นหนังเอกลักษณ์สไตล์หว่อง ซึ่งคว้ารางวัลตุ๊กตาทองฮ่องกงไปถึง 5 รางวัล อันรวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและผู้กำกับยอดเยี่ยมด้วย
หลังจากนั้นเขาได้ใช้เวลาอีกสองปีเนรมิตรวรรณกรรมของกิมย้งให้เป็นหนังกำลังภายในแนวดรามาเรื่อง Ashes of Time (东邪西毒-1994) ซึ่งได้เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองเวนิซปีเดียวกัน
หว่องใช้เวลาเพียงสองเดือน ระหว่างงานขั้นตอนหลังการถ่ายทำ Ashes of Time กำกับเรื่อง Chungking Express (重庆森林-1994) ตามติดด้วย Fallen Angels (堕落天使-1995) ซึ่งได้เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ที่โตรอนโต้ในปีนั้น
ปีที่ฮ่องกงกลับคืนสู่อ้อมอกแผ่นดินแม่ หว่องได้ส่งหนังท้าท้ายแห่งยุคว่าด้วยชีวิตเกย์เรื่อง Happy Together (春光乍-1997) ที่ได้เลสลี่จางและเหลียงเฉาเหว่ยมาแสดง ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาพร้อมได้เปิดตัวในงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ และสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้กำกับจีนคนแรกที่ได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเวทีนี้
ประสบการณ์งานเขียนบทเกือบ 10 ปีของหว่อง ถือเป็นฐานรากที่แข็งแกร่งให้กับงานกำกับภาพยนตร์ และทำให้เขาสร้างหนังได้เป็นเอกลักษณ์ยากจะลอกเลียนแบบได้
หนังของ ‘พ่อครัวหว่อง’ ถูกปรุงด้วยส่วนผสมของภาพ เสียง ดนตรี และคำพูด ที่อาจสร้างความคลุมเครือให้คนดู แต่ก็วิจิตรอยู่ในตัวอย่างยากอธิบาย เพื่อถ่ายทอดภาระแห่งความทรงจำอันโศกซึ้ง ด้วยบุคลิกของตัวละครที่แปลกแยก
‘พ่อครัวหว่อง’ ยังมักซ้อนรหัสตัวเลขไว้ในหนัง ตั้งแต่วันที่ นาฬิกา เพจเจอร์ วิทยุ ตู้เพลง สัปปะรดกระป๋อง หรือแม้แต่สลัด ฉากหนึ่งในเรื่อง Fallen Angels ‘หลีหมิง’ ทิ้งเหรียญ 5 ไว้ให้หลี่เจียซิน แล้วฝากบ๋อยไปบอกเธอว่าหมายเลขนำโชคคือ 1818 ซึ่งความจริงแล้ว 1818 เป็นรหัสของเพลงหนึ่งในตู้เพลง ที่มีชื่อว่า “ให้ลืมเขา” ส่วนห้องพักที่เหลียงเฉาเหว่ยนัดเจอกับจางมั่นอี้ว์ในเรื่อง In The mood of love คือห้อง 2046
แฟนหนังของหว่องอาจจะสังเกตเห็นว่า หนังของเขาเต็มไปด้วยฉากสลัวๆ ในเวลากลางคืน เรื่องนี้จะว่าจงใจก็ไม่เชิง เพราะเหตุผลคือช่วงกลางวันของหว่องมักหมดไปกับงานเขียนบท แก้บท และถ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผู้กำกับหัวก้าวหน้าจากฮ่องกงคนนี้ยังเคยบอกว่า เขาไม่ชอบให้คนดูเดาเนื้อเรื่องที่จะเกิดต่อไปได้ ดังนั้น เขาจะไม่เข้าไปบังคับกะเกณฑ์เค้าโครงของหนัง แต่จะปล่อยให้โครงสร้างแต่ละส่วนทำงานไปตามธรรมชาติ ซึ่งกลับกลายเป็นเอกลักษณ์หนังสไตล์หว่องอีกอย่าง
ดาราแต่ละคนที่เคยร่วมงานกับหว่อง ก่อนที่จะได้ดูหนังทั้งเรื่อง จะไม่มีทางรู้เลยว่าหนังจะจบลงอย่างไร เพราะว่าหว่องจะถ่ายฟิล์มเก็บไว้เป็นตั้งๆ ส่วนหนังจะพัฒนาเนื้อเรื่องไปอย่างไรนั้น มีเพียงผู้กำกับและคนตัดต่อเท่านั้นที่จะล่วงรู้ ซึ่งบางครั้งทำให้หนังเรื่องเดียวกัน แต่อาจมีหลายเวอร์ชัน
บรรดานักแสดงชื่อดังทั้งหลายถึงกับยอมลดค่าตัว เพื่อจะได้ร่วมงานกับผกก.หว่อง และยังเต็มใจแสดงโดยไม่ตั้งคำถามกับเขา ‘จินเฉิงอู่ หรือ ทาเคชิ คาเนชิโร่’ แม้จะตากแดดอยู่กลางแจ้งเป็นวันๆ โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่ากำลังแสดงอะไรอยู่ในเรื่อง Fallen Angels แต่เขาก็ทุ่มเทแรงกายเล่นอย่างสุดฝีมือ
ถึงกระนั้น ผกก.หว่องก็รู้ตัวดีว่า ด้วยความที่เป็นพวกตั้งมาตรฐานหนังไว้สูงลิ่ว ทำให้ดาราจำนวนมากไม่ชอบร่วมงานกับตน “หนังแต่ละเรื่องของผมต้องใช้เวลาถ่ายนานมาก เพราะผมชอบถ่ายไปแก้ไป ที่สำคัญตอนตัดต่อ ตัดไปตัดมา ยังตัดบางคนทิ้งไปอีก”
หว่องกาไวกล่าวถึง ‘เหลียงเฉาเหว่ย’ ที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘ดาราคู่บารมี’ ของตนเองว่า “เหลียงเป็นคนที่มีบุคลิกเฉพาะตัว และเล่นได้ทุกบทบาท จะว่าไปแล้วก็เหมือน ‘ฟองน้ำ’ ที่สามารถดูดซับอะไรไว้ได้มากมาย และสามารถคลายออกมาได้หมดจด”
ส่วน ‘ตู้เข่อเฟิง’ ขุนพลช่างภาพคู่ทุกข์คู่ยาก กลับถูกผกก.หว่องแซวว่าชอบทำเป็นเล่นเหมือนคนบ้า แต่กลับถ่ายหนังออกมาได้ดีถูกใจแม้ไม่ต้องบอกอะไรเลย
จุดเด่นอีกอย่างของหนังยี่ห้อหว่องกาไว ยังอยู่ที่ ‘บทสนทนา’ ของตัวละคร ที่ทำหน้าที่สาธยายแก่นแท้ของชีวิตคนดู เพราะแท้จริงแล้ว การพูดคุยโต้ตอบถือเป็นการสื่อสารขั้นพื้นฐานระหว่างมนุษย์นั่นเอง
ผู้กำกับวัย 48 ที่มีพรสวรรค์สูงสุดคนหนึ่งในเอเชียยังยอมรับว่า ทุกวันนี้การทำหนังต้องคำนึกถึงเรื่องตลาด และต้องอาศัยรสนิยมทางหนังหลายหลายสไตล์ไปสร้างความคุ้นเคยให้แก่คนดูที่แตกต่างกัน ทว่าบ่อยครั้งเขาก็ยึดตามรสนิยมของตัวเอง
อย่างเหตุที่เลือกให้เรื่อง In The Mood for Love มีเซี่ยงไฮ้ยุคทศวรรษ 1960 เป็นฉากหลัง ก็เพื่อรำลึกถึงบ้านเกิดเมืองนอนที่เขาต้องอพยพจากไปตั้งแต่วัยเพียง 5 ขวบเมื่อปี 1962 หว่องจึงคิดจะถ่ายทอดคืนวันเก่าๆ เหล่านั้นออกมาเป็นภาพยนตร์
แต่แล้วมันกลับโดนใจหลายคนเข้าอย่างจัง อาจเป็นเพราะมันคือหนังที่สะท้อนแง่งามของยุคสมัยที่มีแต่เสียงระเบิดและดินปืนของไฟสงคราม จน In The Mood for Love ได้เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2000 และได้รางวัล Grand Prix Technique (เป็นรางวัลพิเศษสำหรับกำกับภาพและลำดับภาพยอดเยี่ยม) กลับบ้านไป พร้อมส่งเหลียงเฉาเหว่ยคว้ารางวัลดาราแสดงนำชายยอดเยี่ยมด้วยนั้น
ถ้าบังเอิญคุณเป็นคนหนึ่งที่ดูหนังหลายเรื่องของหว่องแล้วยังไม่สามารถบรรยายความรู้สึกออกมาได้ นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะหว่องเฉลยว่า
“หนังที่ดีมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรสสัมผัส ซึ่งไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคำพูด หากคุณต้องการเพียงแค่เรื่องอย่างเดียวก็สามารถอ่านหนังสือได้ หากคุณต้องการเพียงแค่ภาพก็สามารถถ่ายภาพได้ แต่ว่าหนังนั้นเปรียบได้กับอาหารจานหนึ่ง ที่เมื่อคุณทานแล้วรู้สึกดีโดยที่ไม่รู้ว่ามันปรุงอย่างไร และไม่สามารถบรรยายออกมาได้”
ภายหลังงานประธานคณะกรรมการตัดสินรางวัลปาล์มทองคำปีนี้ปิดม่านลง นั่นหมายถึงกองถ่ายทำหนังฝรั่งเรื่องแรกของหว่องกาไว My Blueberry Nights กำลังจะเดินเครื่องขึ้น ซึ่งแม้หลายคนจะกังวลว่า เมื่อเข้าสู่โลกฮอลลิวูดแล้ว หว่องอาจจะสูญเสียเอกลักษณ์หนังแบบฉบับของตัวเองไป แต่เจ้าตัวกลับเสียงเข้มว่า “แม้จะอยู่ที่สหรัฐอเมริกา แต่ผมก็ยังเป็นผม ผมจะไม่มีวันให้มายาฮอลลิวูดมีอิทธิพลเหนือตัวผม !”
คลิกอ่านตัวอย่างบทหนังของ หว่องกาไว ได้ที่หน้า 2
ตัวอย่างบทหนังของหว่องกาไว
2046 : รางวัล Grand Prix Technique, ผู้กำกับยอดเยี่ยม และแสดงนำชายยอดเยี่ยม (เหลียงเฉาเหว่ย) จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2000
我曾经试做另外一个梦,然而,我却失败了,我终于明白,我的梦只属于那个离去的人!我也发现,有梦原来是一件痛苦的事!
ฉันเคยมีความฝัน แต่แล้วมันกลับพังทลาย ในที่สุดฉันก็เข้าใจว่า ความฝันของฉันยึดติดอยู่กับคนที่จากไป และฉันยังค้นพบว่า ที่จริงการมีฝันก็เป็นเรื่องที่เจ็บปวด
Happy Together : ผู้กำกับยอดเยี่ยม เทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 1997 และรางวัลม้าทองคำนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ปี 1998
樱花只开一季,真爱只有一次。
如果只是寂寞,请不要爱我。
那些消逝了的岁月,仿佛隔着一块积着灰尘的玻璃,看得到,抓不着…
ดอกซากุระบานแค่ฤดูเดียว รักแท้ก็มีเพียงครั้งเดียว หากคุณแค่เหงาใจ กรุณาอย่ารักฉัน วันเดือนปีที่ค่อยๆ ลับตาไปนั้น ก็เหมือนฝุ่นที่มีกระจกคั่นกลาง มองเห็นแต่จับต้องไม่ได้
一直以为我跟他不一样,原来寂寞的时候,所有的人都一样。
“ที่ผ่านมาผมคิดเสมอว่า เราไม่เหมือนกัน แต่ที่จริงแล้ว เวลาอ้างว้างทุกคนล้วนเหมือนกันหมด
Fallen Angels : รางวัลม้าทองคำถ่ายภาพยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม ปี 1996
好多人都以为做我们这行没什么朋友,其实杀手都会有小学同学。
หลายคนคิดว่า ทำงานอย่างพวกเราไม่มีเพื่อน แต่ที่จริงนักฆ่าก็ยังมีเพื่อนสมัยประถม
做拍档,除了要了解她外,还要给机会让她了解你。
จะคบหากัน นอกจากต้องเข้าใจเธอแล้ว ยังต้องให้โอกาสเธอรู้จักคุณด้วย
做这一行最大的好处是不用做决定。谁该死,时间,地点,别人早就决定好了。……
ข้อดีที่สุดของการทำอาชีพนี้คือ ไม่ต้องตัดสินใจ ใครสมควรตายที่ไหน เมื่อไหร่ ล้วนมีคนตัดสินใจให้แล้ว
Chungking Express : รางวัลม้าทองคำผู้กำกับยอดเยี่ยม นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และตัดต่อยอดเยี่ยม ปี 1995, รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม เทศกาลหนังสต๊อกโฮมปี 1994
不知道从什么时候开始,在什么东西上面都有个日期,秋刀鱼会过期,肉罐头会过期,连保鲜纸都会过期,我开始怀疑,在这个世界上,还有什么东西是不会过期的?
ไม่รู้เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไร ของทุกอย่างล้วนมีวันหมดอายุ อาหารสดมีวันเน่าเสีย เนื้อกระป๋องมีวันหมดอายุ แม้แต่ฟิล์มห่ออาหารสดก็ยังมีวันหมดอายุได้ ฉันเริ่มสงสัยว่า บนโลกนี้ มีอะไรที่ไม่มีวันหมดอายุบ้าง
Ashes of Time : รางวัลม้าทองคำกำกับศิลป์ยอดเยี่ยม ถ่ายภาพยอดเยี่ยม เครื่องแต่งกายและแต่งหน้ายอดเยี่ยม, รางวัลถ่ายภาพยอดเยี่ยม เทศกาลหนังเวนิสปี 1994
要想不被人拒绝,最好的办法是先去拒绝别人。 ถ้าไม่อยากถูกคนปฏิเสธ ต้องหาทางปฏิเสธเขาก่อน
我曾经听人说过,当你不能够再拥有的时候,你唯一可以做的就是令自己不要忘记。
ฉันเคยได้ยินคนพูดว่า เมื่อใดที่คุณไม่สามารถครอบครองได้ สิ่งเดียวที่ทำได้คือจดจำมันเอาไว้
As Tears Go By : รางวัลม้าทองคำกำกับศิลป์ยอดเยี่ยม ปี 1989
“你知不知道有一种鸟没有脚的?他的一生只能在天上飞来飞去。一辈子只能落地一次,那就是他死的时候。”
“เธอรู้ไหมว่ามีนกชนิดหนึ่ง ไม่มีขา ในชีวิตของมันได้แต่บินไปบินมาบนท้องฟ้า ชั่วชีวิตมันลงสู่พื้นได้เพียงครั้งเดียว นั่นคือเวลาที่มันตาย”
厨房里有煮好的饭,另外我还买了几个杯子,我知道,用不了多久就都会被打破,所以我偷偷藏起了一个,到有一天你需要那个杯子的时候,就打一个电话给我,我会告诉你放在什么地方。
ในครัวมีกับข้าวที่ทำเสร็จแล้ว อีกอย่าง ฉันซื้อแก้วมา แต่ฉันรู้ว่าเดี๋ยวมันก็จะแตก ดังนั้นก็เลยแอบเอาแก้วใบหนึ่งไปซ่อน ถึงวันที่คุณต้องการมันจริงๆ ให้โทรหาฉัน ฉันจะบอกคุณว่าซ่อนมันไว้ตรงไหน
*************************************************
ผลงานภาพยนตร์ที่สร้างสรรค์โดย ‘หว่องกาไว’
Once Upon a Rainbow (1982) [เขียนบท]
Just for Fun (1983) [เขียนบท]
Silent Romance (1984) [เขียนบท][แสดง]
Chase a Fortune / 龙凤智多星 (1984) [เขียนบท]
The Intellectual Trio /吉人天相 (1985) [เขียนบท]
Unforgettable Fantasy (1985) [เขียนบท]
Sweet Surrender (1986) [เขียนบท]
Rosa (1986) [เขียนบท]
Goodbye My Hero (1986) [เขียนบท]
Final Victory / 最后胜利 (1987) [เขียนบท]
Flaming Brothers / 江湖龙虎斗 (1987) [เขียนบท]
The Haunted Cop Shop (1987) [เขียนบท]
Chaos by Design (1988) [แสดง]
As Tears Go By / 旺角卡门(1988) [กำกับ][เขียนบท]
Walk on Fire (1988) [เขียนบท]
Return Engagement (1990) [เขียนบท]
Days of Being Wild / 阿飞正传(1990) [กำกับ][เขียนบท][โปรดิวเซอร์]
Saviour of the Soul (1991) [เรื่อง]
The Eagle Shooting Heroes (1993) [โปรดิวเซอร์]
Ashes of Time / 东邪西毒 (1994) [กำกับ][เขียนบท][โปรดิวเซอร์]
Chungking Express /重庆森林 (1994) [กำกับ][เขียนบท][โปรดิวเซอร์]
Fallen Angels / 堕落天使 (1995)[กำกับ] [เขียนบท][โปรดิวเซอร์]
Happy Together/ 春光乍泄 (1997) [กำกับ][เขียนบท][โปรดิวเซอร์]
First Love - Litter on the Breeze (1997) [โปรดิวเซอร์]
In the Mood for Love / 花样年华 (2000) [กำกับ][เขียนบท][โปรดิวเซอร์]
Chinese Odyssey 2002 (2002) [โปรดิวเซอร์]
2046 (2004) [กำกับ][เขียนบท][โปรดิวเซอร์]
Eros / 爱神 (2004)(segment: "The Hand") [กำกับ][เขียนบท][โปรดิวเซอร์]
My Blueberry Nights (2006)[กำกับ] กำลังถ่ายทำ
The Lady From Shanghai (2007) ระหว่างเตรียมงาน