xs
xsm
sm
md
lg

อัครมหาเสนาบดีจีน ผู้ร่ำรวยกว่าราชสำนัก (จบ)

เผยแพร่:   โดย: โชติช่วง นาดอน

ภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง “บัลลังก์มังกร” ของช่อง 3 คืนวันเสาร์-อาทิตย์ ตอนตีสองตีสาม ทำให้นึกถึงบทเรียนประวัติศาสตร์เรื่อง “เหอเซินล้มกลิ้ง เจียชิ่งอิ่มท้อง” ขึ้นมาได้

เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นในรัชกาลเชียนหลงฮ่องเต้ต่อกับรัชกาลเจียชิ่งฮ่องเต้

ในตอนต้นรัชกาล เชียนหลงฮ่องเต้ทรงได้รับชัยชนะในราชการศึกสงครามชายแดนหลายครั้ง พระองค์ทรงลุ่มหลงความปรีชาสามารถของตนเอง จนถึงกับตั้งสมญานามของพระองค์ว่า “ผู้เฒ่าสารพัดเยี่ยม” 十全老人 พระองค์ทรงหลงใหลพึงใจแต่ขุนนางที่คอยตามพระทัย

เหอเซินเป็นขุนนางผู้คอยเอาพระทัย (สอพลอ) ฮ่องเต้อย่างเยี่ยมยอด เขาก้าวหน้าขึ้นจากตำแหน่งมหาดเล็กธรรมดาขึ้นกินตำแหน่งมหาบัณฑิต 大学生 กระทั่งขึ้นถึงตำแน่งสมุหกลาโหมได้อย่างรวดเร็ว

ขุนนางตงฉินผู้ที่ “ยอมหักไม่ยอมงอ” ทั้งหลาย ต่างถูกกังฉินเหอเซิน “หัก” เสียหงิกงอไปเป็นแถวๆ ขุนนางที่เหลืออยู่ก็เข็ดขยาด เอาตัวรอดโดยนิ่งเสีย คอยแต่ตักตวงกินตามน้ำ ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยอันใดให้เพื่อนขุนนางผิดพ้องหมองใจ ธุระของแผ่นดินก็ปักเสียว่าไม่ใช่ธุระ ชาติจีนมิใช่ของฉันคนเดียว

ขุนนางตามหัวเมือง เวลาเขียนรายงานส่งส่วนกลาง ก็จะเขียนแต่เรื่องความสงบสุข ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินอยู่เย็นเป็นสุข เรื่องราวความเดือดร้อนให้แผ่นดินต่างปกปิดกันเอาไว้ มิให้ระแคะระคายไปถึงเชียนหลงฮ่องเต้

ก็อย่างนี้แหละครับ จึงมีสุภาษิตจีนอีกคำหนึ่งว่า “ฟ้าสูงฮ่องเต้ห่าง” ความทุกข์ของชาวบ้านยากที่จะทราบถึงฮ่องเต้

ความร้ายแรงของปัญหาสะสมหมักหมมขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงปลายรัชกาลของเชียนหลงฮ่องเต้ โรคฉ้อราษฎร์บังหลวงเกาะกินวงราชการถึงกระดูกเสียแล้ว โกงกินกันเป็นทีมตั้งแต่ผู้น้อยยันผู้ใหญ่ วิธีการก็แนบเนียนมากขึ้น ราษฎรไม่มีทางหลุดรอดกรงเล็บกังฉินไปได้

มีตัวอย่างหนึ่งแสดงให้เห็นว่าเครือข่ายฉ้อราษฎร์บังหลวงในยุคนั้นซับซ้อนปานใด เรื่องมีอยู่ว่า ข้าหลวงมณฑลกานซูเก็บภาษีเป็นข้าวเปลือกจากราษฎรทั้งมณฑลได้แล้ว กลับเอาข้าวเปลือกนั้นไปขาย ได้เงินมาแบ่งกันในหมู่ขุนนางกังฉิน แล้วร่วมกับขุนนางระดับข้าหลวงจังหวัดนายอำเภอในมณฑลกานซูทั้งหมด 60 นาย เขียนรายงานโกหกเข้าไปถวายเชียนหลงฮ่องเต้ว่า มณฑลกานซูเกิดภัยภิบัติเก็บเกี่ยวข้าวไม่ได้ จึงไม่มีภาษีจะถวายเข้าคลังหลวง

ความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยเป็นเรื่องควบคู่กับการโกงกินฉ้อราษฎร์บังหลวง ปลายรัชกาลเชียนหลงฮ่องเต้ โรคฉ้อราษฎร์บังหลวงและโรคฟุ้งเฟ้อระบาดไปรุนแรงมา ตัวแทนการโกงกินที่ใหญ่โตที่สุดก็คืออัครมหาเสนาบดีเหอเซิน

พฤติกรรมการฉ้อราษฎร์บังหลวงสมัยนั้นร้ายแรงอย่างไร ภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง “บัลลังก์มังกร” เขาก็แสดงไว้ให้เห็น เหอเซินนั้นอยู่สุขสบายมาตลอดรัชกาลเชียนหลงฮ่องเต้ คดีฉ้อราษฎร์ของเหอเซินมาถูกเปิดเผยเอาโทษกันเมื่อเชียนหลงฮ่องเต้สวรรคต เจียชิ่งฮ่องเต้ราชบุตรของเชียนหลงฮ่องเต้ได้ครองบัลลังก์ หลังจากนั่งบัลลังก์ได้เพียงห้าวัน พระองค์ก็จับเหอเซินกับพวกสำเร็จโทษแล้วยึดทรัพย์เป็นของแผ่นดิน นั้นแสดงว่าองค์รัชทายาททรงทราบดีอยู่แล้วว่าเหอเซินเลวร้ายอย่างไร

นับเป็นโชคดีของราชวงศ์ชิงที่ได้รัชทายาทที่ดีงามสืบต่อบัลลังก์จากเชียนหลงฮ่องเต้

รายการทรัพย์สินที่ยึดจากเหอเซินนั้นมากจนน่าตกใจ มูลค่าทรัพย์สินของเหอเซินรวมแล้วมีประมาณ 800 ล้านตำลึง

800 ล้านตำลึงมากขนาดไหน เทียบกับสินทรัพย์รายได้ของราชสำนักแล้วเป็นอย่างไร

800 ล้านตำลึงนั้นเท่ากับรายได้ของราชสำนักรวมกันสิบปี

รายการทรัพย์สินอื่นๆ ของเหอเซิน (แน่นอนว่าย่อมได้จากการโกงกิน) ก็เช่น เหอเซินมีที่ดิน 8 ล้านกว่าโหม่ว ตำหนักรับรอง (บ้านตากอากาศ) พันกว่าแห่ง มีหอและอุทยานดอกไม้ 106 แห่ง มีหนังเสือดาว 1502 ผืน หนังสัตว์อื่นๆ 1243 ผืน เสื้อผ้าแพรพรรณ 5316 ชุด

คนอย่างเหอเซิน ไปอยู่แผ่นดินไหน เดือดร้อนกันทุกหย่อมย่าน ปล่อยเอาไว้ไม่ได้หรอกครับคนๆ นี้

สุดท้ายฝากบทกวีจีนไว้สักบท ชื่อ “ปูนขาว” ประพันธ์โดย อวี๋เชียน (พ.ศ. 1941-2000 เป็นขุนนางยุคราชวงศ์หมิง ต่อสู้กับการโกงกินฉ้อราษฎร์บังหลวง จนทำให้ตนต้องโทษประหารชีวิต กวีบทนี้ปลุกใจให้กล้าหาญยืนหยัดความถูกต้องดีงาม รักษาความซื่อสัตย์สุจริตมีชื่อเสียงสะอาด แม้จะต้องเสียสละตัวตน

ปูนขาว
๏ หมื่นค้อนพันลิ่มขุดพังเขา
เพลิงแผดร้อนรุมเผาสงบได้
กายกระดูกแหลกเจ้าบ่หวาด
ฝากแต่ขาววิสุทธิ์ไว้โลกนี้ คนชมฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น