ไชน่านิวส์ 14/05/06 ประเทศจีนดำเนินนโยบายส่งเสริมการมีลูกคนเดียวเพื่อควบคุมจำนวนประชากรตั้งแต่ปีค.ศ.1978 ทำให้ปัจจุบันมีประชากรที่เป็นลูกคนเดียว 90 ล้านคน โดยประชากรหญิงที่เป็นลูกคนเดียวรุ่นแรกในวันนี้ได้ก้าวเข้าสู่วัยคุณแม่ ทำให้เกิดคำเรียกขึ้นใหม่ในสังคมจีนว่า ‘คุณแม่ลูกโทน’ (独生妈妈)
ปรากฏการณ์คุณแม่ลูกโทนในจีนมีลักษณะตามสังคมยุคใหม่ ตัวอย่างเช่น อาอิ่ง เธอก็เหมือนกับคุณแม่มือใหม่ทั่วไปที่อาศัยหนังสือเป็นผู้ช่วยในการเลี้ยงดูบุตร และบ่อยครั้งก็มีเรื่องขัดแย้งกับผู้ใหญ่ในบ้าน
เนื่องจากลูกชายของอาอิ่งเกิดมาด้วยน้ำหนักตัวที่น้อยกว่าเด็กทั่วไป อาอิ่งเชื่อว่า เป็นเพราะเธอและสามีรูปร่างไม่ใหญ่เลยมีผลมาถึงลูก เธอจึงมุ่งมั่นให้ลูกน้อยกินนมวัวให้ได้วันละ 500-600 มิลลิลิตร แต่พ่อแม่กลับต่อต้านหัวชนฝา “เด็กจะให้ดื่มนมวัวอย่างเดียวได้ที่ไหน ต้องกินข้าวเยอะๆจึงจะโตเร็วๆ” แม่ของอาอิ่งกล่าว
เดือดร้อนถึงหมอที่อาอิ่งต้องเชิญมาเกลี่ยกล่อมให้ผู้ใหญ่คล้อยตาม ประกอบคำยืนยันของเธอจากความรู้ในหนังสือคู่มือเลี้ยงลูกที่แปลจากภาษาต่างประเทศ เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาชาวเยอรมัน อย่างไรก็ตาม ถึงตอนนี้น้ำหนักตัวของเสี่ยวจือผิง ลูกน้อยของอาอิ่งก็เริ่มตามทันมาตรฐานเด็กทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถเดินได้ตั้งแต่ 1 ขวบ ยังไม่ทัน 2 ขวบก็ท่องจำกลอนสมัยถังได้
เสี่ยวเคอ คุณแม่ลูกโทนวัย 26 ปี อีกรายหนึ่ง เมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ก็รีบหาตำรามาศึกษาและเข้าอินเตอร์เน็ตเพื่อติดตามข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคุณแม่ยุคใหม่ทางเว็บบอร์ด เธอกล่าวว่า “แนวคิดของคนโบราณบางอย่างก็ล้าสมัยไปแล้ว อย่างเช่นการอยู่ไฟหลังคลอดบุตร บางคนบอกว่าสระผมไม่ได้ แต่ปัจจุบันก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นความเชื่อที่ผิด”
ศาสตราจารย์หลู่อิง จากศูนย์วิจัยเรื่องเพศ แห่งมหาวิทยาลัยจงซัน ชี้ว่า คุณแม่ลูกโทนเหล่านี้มีความมั่นใจในตัวเองและมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ซึ่งเป็นสิ่งดีแต่ไม่ควรมีมากจนเกินไป คุณแม่ลูกโทนที่มีลักษณะการเลี้ยงดูลูกยึดตามตำราหรือความรู้สมัยใหม่ โดยไม่สนใจคำสอนหรือประสบการณ์ของผู้ใหญ่ อาจเกิดความผิดพลาดได้ง่าย ควรนำความรู้ทั้งสองฝ่ายมาผสมผสานกัน
หรือตัวอย่างคุณแม่บางท่านที่ขาดประสบการณ์ เช่นลิลลี่ แม้ว่าเธอจะทำแบบฝึกหัดเตรียมตัวคลอดลูกไว้ไม่น้อย แต่คุณแม่ลูกโทนวัยสาวก็ต้องซดกระทิงแดง 3 ขวดก่อนจึงเบ่งเจ้าตัวน้อยออกมาได้ ลิลลี่เล่าวีรกรรมของเธอว่า “ตอนออกจากโรงพยาบาลอาทิตย์แรกอาบน้ำให้ลูกสาวก็ทำลูกเกือบจมน้ำ มีวันหนึ่งอุ้มลูกเข้านอนเรียบร้อยแล้ว แค่หันไปหยิบของนิดเดียว หันกลับมาพบว่าลูกหายไป ปรากฏว่าลูกหล่นไปอยู่ใต้เตียง”
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่า โดยส่วนใหญ่คุณแม่ลูกโทนจะเป็นสตรีที่ทำงานยุ่งจนไม่มีเวลา หลายคนขาดความรู้และประสบการณ์ในการเลี้ยงดูบุตร จนคิดว่าการมีลูกเป็นภาระหนัก ซึ่งหน่วยงานวางแผนครอบครัวของจีนได้มีมาตรการรองรับปัญหาดังกล่าวไว้ โดยมีการเปิดสอนคอร์สอบรมการเตรียมตัวเป็นแม่ การเลี้ยงดูบุตร ตลอดความรู้ต่างๆที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน บางรายก็อาศัยแพทย์เป็นผู้ให้คำปรึกษา และกลายเป็นคุณแม่ที่มีประสบการณ์ได้ในที่สุด .