ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออก ท้องฟ้าถูกฉาบไว้ด้วยสีแสดเข้ม ......
แสงแดดอ่อนลอดผ่านเมฆเข้าสู่นัยตา ผมยืนพิงอยู่กับกองดินยาวทอดจากทิศใต้ไปทางทิศเหนือ กองดินที่ตั้งแต่สี่ร้อยกว่าปีก่อนกลายเป็นส่วนของกำแพงหมื่นลี้ที่ตั้งอยู่ ณ ทิศตะวันตกสุดของประเทศจีน
คนจีนกล่าวกันว่า หากจะได้ชื่อว่าถึงกำแพงเมืองจีนแล้วจริงๆ จะต้องไปปีนกำแพงเมืองจีนให้ครบ 3 แห่ง หนึ่ง ด่านปาต๋าหลิงแห่งปักกิ่ง สอง ด่านซานไห่กวน (山海关) แห่งมณฑลเหอเป่ย และ สาม ด่านเจียยู่กวน (嘉峪关) แห่งมณฑลกานซู่ (ทัศนะโดยส่วนตัวแล้ว ผมขอเติมเลขสี่ กำแพงเมืองจีนส่วนจินซานหลิง-ซือหม่าไถ เข้าไปด้วย)
สำหรับ 'ดินกองแรกแห่งเมืองหมื่นลี้' (万里长城第一墩) ส่วนหนึ่งของเจียยู่กวน ที่ยืนท้าทายกับทะเลทรายอันเวิ้งว้างของดินแดนตะวันตก กับ 'หัวมังกรโบราณ' (เหล่าหลงโถว:老龙头) ส่วนหนึ่งของซานไห่กวนที่ดื่มน้ำทะเลของป๋อไห่อยู่ทางทิศตะวันออกนั้นถือเป็นคู่สร้างคู่สมที่อยู่คู่กันมาเกือบ 5 ศตวรรษแล้ว เนื่องจากเจียยู่กวน และ ซานไห่กวนนั้นเป็นกำแพงเมืองจีนที่อยู่ทางตะวันตกสุดและตะวันออกสุด ซึ่งถูกสร้างขึ้นในยุคเดียวกันคือในรัชสมัยขององค์พระปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิง ฮ่องเต้หมิงไท่จู่ จูหยวนจาง (ค.ศ.1328-1398)
สมัยหมิงถือเป็นราชวงศ์ที่สามและราชวงศ์สุดท้ายของจีนที่มีการสร้างและซ่อมแซมกำแพงเมืองจีนครั้งใหญ่ โดยราชวงศ์ก่อนหน้านั้นที่มีการซ่อม-สร้างกำแพงเมืองจีนครั้งใหญ่ ก็คือ สมัยฉิน (221-202 ปีก่อนคริสตกาล) และสมัยฮั่น (202 ปีก่อนคริสตกาล-ค.ศ.220) โดยสาเหตุที่ฮ่องเต้หมิงมีพระบัญชาให้มีสร้างและซ่อมกำแพงเมืองจีนครั้งใหญ่ นั้นก็เนื่องจากความคาดหวังที่ว่า กำแพงเมืองจีนนั้นจะสามารถป้องกันชนกลุ่มน้อยที่อยู่ทางเหนือและถนัดในการรบบนหลังม้าไม่ให้กลับเข้ามายึดครองดินแดนของชาวฮั่นได้อีก โดยเฉพาะหลังจากที่จูหยวนจางซึ่งถือว่ามีเชื้อสายของคนฮั่น เพิ่งล้มราชวงศ์หยวนและขับไล่พวกมองโกลออกไปได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม กำแพงเมืองจีนยาวนับหมื่นลี้ ที่สร้างขึ้นอย่างอลังการในสมัยหมิง โดยเสียทั้งคน เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลามหาศาล สุดท้ายแล้วก็มิสามารถป้องกันคนฮั่นจากการรุกรานของชนกลุ่มน้อยได้ดังประสงค์ เพราะในปี ค.ศ.1644 ชนกลุ่มน้อยเผ่าแมนจู ก็เดินทัพผ่านด่านซานไห่กวนเข้ามาล้มล้างราชวงศ์หมิงและตั้งราชวงศ์ชิง (ค.ศ.1644-1911) ขึ้นในท้ายที่สุด
ดวงอาทิตย์ทำมุม 15 องศากับผืนดิน ฟ้าสว่างแล้ว ไอเย็นที่ละเลียดอยู่บนพื้นดินเริ่มจางหาย ถัดจาก 'ดินกองแรกแห่งเมืองหมื่นลี้' ไปไม่ไกล มีแม่น้ำสายเล็กที่ต้นกำเนิดคือหิมะบนภูเขาฉีเหลียน ไหลผ่านกลางทะเลทรายอันไพศาล
โชเฟอร์แซ่เจ้า คนท้องถิ่นบอกกับผมว่า เพราะเมื่อวานมีฝนตกลงมาเยอะ เช้าวันนี้ทิวทัศน์ของเจียยู่กวนจึงดูเขียวขจีขึ้นมาบ้าง แต่อีกสามวันให้หลังหากฝนไม่ตกลงมาอีก ทะเลทรายบริเวณนี้ก็จะกลับมาแห้งแล้งดังเดิม
ในปัจจุบันเมืองเจียยู่กวน เมืองกลางทะเลทรายแห่งมณฑลกานซู่ นอกจากจะพึ่งพาอาศัยการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักเพื่อเลี้ยงประชากรราว 170,000 คนแล้ว เศรษฐกิจของที่นี่ก็ยังเลี้ยงตัวเองได้ด้วยอุตสาหกรรมเหล็กที่เริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่ปลายทศวรรษที่ 50 ของศตวรรษที่แล้ว โดยปัจจัยเหล่านี้ก็ส่งให้เศรษฐกิจของเมืองเจียยู่กวนนั้นกลายเป็นเมืองกำลังพัฒนาที่อยู่ในระดับหัวแถวของมณฑกานซู่เลยทีเดียว
"ปีนี้เมืองเจียยู่กวน มีคนสอบเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ 3 คน กับชิงหัวอีก 1 คน ......" โชเฟอร์เจ้าบอกกับผมขึ้นลอยๆ พร้อมกับใบหน้าที่ฉาบไว้ด้วยรอยยิ้ม
คำพูดของโชเฟอร์เจ้า ทำเอาผมใจลอย ย้อนคิดไปถึงเมืองจีนในอดีตกาล ตั้งแต่ครั้งยังมีการสอบจอหงวน (状元) ไม่ได้ เพราะวันนี้ สำหรับคนจีนที่อยู่ในชนบทแล้ว ในการสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย การที่มีเด็กนักเรียนในท้องถิ่นสามารถสอบติดมหาวิทยาลัยอย่าง ม.ปักกิ่ง หรือ ชิงหัวนั้นถือเป็นความภูมิใจของคนทั้งเมืองเลยทีเดียว เช่นเดียวกับประเทศจีนในสมัยก่อนครั้งยังปกครองโดยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ที่หากเมืองใด อำเภอใด หมู่บ้านใดมีคนสอบได้เป็นจอหงวน คนในท้องที่นั้นก็จะสามารถยืดอกคุยกับคนทั่วไปได้ว่า
"คนบ้านอั๊วก็เก่งนะเว้ย!"
ทั้งนี้ อดีต กับ ปัจจุบัน จะมีผิดกันบ้างก็ตรงที่ว่า จอหงวนในสมัยก่อนนั้นสอบกันสามปีครั้งและมีคนได้ตำแหน่งจอหงวนแค่คนเดียว ขณะที่จอหงวนใน พ.ศ.นี้นั้นสอบกันทุกปี และปีหนึ่งๆ ก็มีคนได้เป็นจอหงวนกันหลายคน แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครกล้าคุยโวว่า การเป็นจอหงวนจีนใน พ.ศ.นี้ไม่เห็นจะยาก
จากตัวเมือง มาประมาณ 5 กิโลเมตรเมื่อรถเลี้ยวเข้ามายังบริเวณ กำแพงเมืองจีนด่านเจียยู่กวน ปราการกลางทะเลทรายที่มีฉากหลังเป็นภูเขาดำ (黑山) ซ้อนอยู่กับภูเขาหิมะก็ปรากฎอยู่เบื้องหน้า .....
นับจากเกือบ 4 ปีก่อนที่ผมได้มาเหยียบกำแพงเมืองจีนด่านปาต๋าหลิงเป็นด่านแรก สามปีก่อนไปถึงกำแพงเมืองจีนซือหม่าไถ และซานไห่กวนเป็นด่านที่สองและสาม แล้ววันนี้เจ้ากำแพง ณ แดนอัสดง ด่านเจียยู่กวนที่อยู่ตรงหน้า ก็คล้ายกับกำลังบ่งบอกว่า ผมมาถึงกำแพงเมืองจีนแล้วจริงๆ!
Tips สำหรับการท่องเที่ยว :
- บัตรผ่านประตูด่านเจียยู่กวน ราคา 60 หยวน (นักเรียน 30 หยวน)
- บัตรผ่านประตูกำแพงแขวน (悬壁长城) ราคา 21 หยวน (นักเรียน 11 หยวน)
- สถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดของเจียยู่กวน ซึ่งหลักๆ ประกอบไปด้วย ด่านเจียยู่กวน ดินกองแรกแห่งเมืองหมื่นลี้ และกำแพงแขวน (悬壁长城) สถานที่สามแห่งนี้นั้นสามารถเที่ยวได้ครบภายในหนึ่งวัน ซึ่งถ้ามาถึงตอนเช้าก็สามารถออกเดินทางต่อไปสถานที่อื่นในตอนบ่ายหรือเย็นได้อย่างไม่ลำบากยากเย็นอะไรนัก ทั้งนี้การไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เหลานี้นั้นส่วนใหญ่จะต้องจ้างรถไป
อ้างอิงจาก :
- 嘉峪关 โดย 冯绳武 และ 万里长城--嘉峪关 โดย 吴□骧 จาก 中国知网
- หนังสือท่องเที่ยวจีนตะวันตกเฉียงเหนือ ฉบับท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (臧羚羊自助游) : สำนักพิมพ์ 中国大百科全书出版社, ฉบับเดือนมีนาคม ปี 2003 หน้า 231-233