xs
xsm
sm
md
lg

กระแสสร้างหนังจีนฟอร์มยักษ์มาแรง เล็งหยิบหนัง “กังฟู-ย้อนยุค” สู้ฮอลลิวู้ด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เชียนหลงเน็ต20/04/06 - เมื่อปีที่แล้ว หลังจากเกิดคดี “หมั่นโถวเลือด” ซึ่งเป็นภาพยนตร์ของหูเกอ ที่นำบรรยากาศและตัวละครของหนังเรื่อง “คนม้าบิน” (The Promise) มาทำเป็นหนังเลียนแบบ จนนำไปสู่ข่าวว่าจะโดนฟ้องร้องดังกล่าว สร้างกระแสให้หนังทุนสร้าง 300 ล้านหยวนของเฉินข่ายเกอโด่งดังไม่เลิก ขณะเดียวกันยังเกิดกรณีที่ทางอเมริกาเหนือตัดสินใจ “คืนสินค้า” เสียอีก ทำเอาแหล่งข่าววงในยากประเมินว่า แท้จริงแล้ว “คนม้าบิน” ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวกันแน่

แต่ที่แน่ๆ กระแสการสร้างหนังฟอร์มยักษ์ยังคงร้อนแรง นับวันจะมีบริษัทสร้างภาพยนตร์หันมาเข้าร่วมขบวนการ “สร้างหนังฟอร์มยักษ์” เพิ่มมากขึ้น อย่างในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ ผู้กำกับจางอี้โหมวเริ่มถ่ายทำหนังฟอร์มยักษ์เรื่องที่ 3 “หม่านเฉิงจิ้นไต้หวงจินเจี่ย” ที่ปักกิ่ง งานนี้ลงทุนหนักถึง 360 ล้านหยวน

เห็นได้ว่า ภาพยนตร์ทุนสร้างกว่าร้อยล้านเหล่านี้ เกือบทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นภาพยนตร์แนวกังฟูย้อนยุค

หวงจงเหล่ย ประธานบริษัทสร้างหนังอหัวอี้ชงตี้ ให้เหตุผลว่า “ปัจจุบันมีแต่ภาพยนตร์กังฟูย้อนยุคเท่านั้นที่สามารถลงทุนมหาศาลได้ เพราะว่า ภาพยนตร์กังฟู หรือ จอมยุทธ เป็นแนวที่จีนเป็นผู้คิดคนสร้างขึ้น และตลาดยุโรปและอเมริกาก็ยอมรับและเข้าใจได้ง่าย”

นอกจากเป็นที่ยอมรับในตลาดต่างประเทศแล้ว ในความคิดของหวังจงเหล่ย มองว่า ภาพยนตร์ประเภทอื่นๆ เช่น หนังแนวไซ-ไฟ หนังพวกหายนะทำลายล้างต่างๆ ทั้งจินตนาการและเทคนิคของจีนยังสู้ฮอลลิวู้ดไม่ได้ “แต่จีนได้เปรียบในเรื่องของหนังกังฟู ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศอื่นๆ ยากเอาชนะหรือทัดเทียมได้ อย่างเช่น จินตนาการด้านวิทยายุทธและสีสันต่างๆ ที่บรรจงใส่ลงไปใน “ฮีโร่” เป็นสิ่งที่ฮอลลิวูดยากจะทำได้”

จางเหว่ยผิง ประธานบริษัท ปักกิ่งนิว พิคเจอร์ ดิสทริบิวชั่น มองว่า นอกจากภาพยนตร์กำลังภายในแล้ว ปัจจุบัน ยังไม่มีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แนวอื่นของจีน สามารถต่อสู้กับฮอลลิวู้ดได้ “โดยเฉพาะด้านการลงทุนและเทคนิคพิเศษ อย่างเรื่อง คิงคอง ลงทุนไปมากกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หนังฟอร์มยักษ์ของจีนเทียบไม่ติดฝุ่น

อย่างไรก็ตาม แค่เพียงอาศัยหนังแนวกังฟูย้อนยุคอย่างเดียว ยังไม่สามารถดึงดูดความสนใจของตลาดต่างประเทศได้ นอกจากมีหลักประกันด้านเงินลงทุนแล้ว ดาราที่แสดงมีบทบาทสำคัญ อย่างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภาพยนตร์ทุนสร้างมหาศาลของจางอี้โหมวเกือบทุกเรื่องใช้นักแสดงจีนโกอินเตอร์แทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น เจ็ต ลี (หลี่เหลียนเจี๋ย) จางจื่ออี๋ เหลียงเฉาเหว่ย จางมั่นอี้ ทาเคชิ คาเนชิโร เป็นต้น แม้แต่ภาพยนตร์เรื่องล่าสุด “หม่านเฉิงจิ้นไต้หวงจินเจี่ย” ที่กำลังถ่ายทำอยู่นั้น ไม่เพียงได้ โจวหยุนฟะ และ ก่งลี่ มาร่วมงาน ยังได้นักร้องไต้หวันที่โด่งดังทั่วฟ้าเอเชียอย่าง เจย์ โชว (โจวเจี๋ยหลุน) มารับบทสำคัญด้วย

นอกจากนี้ จางเหว่ยผิงมองว่า แรงดึงดูดจากตัวผู้กำกับเองก็มีความสำคัญเป็นอย่างมาก “พูดอย่างตรงไปตรงมา ตอนนี้ผู้กำกับจีนที่มีชื่อเสียงในฮอลลิวู้ดที่สุดคงหนีไม่พ้น จางอี้โหมว อิทธิพลของเขาที่มีต่อตลาด ถึงขนาดเหนือกว่าดาราดังเสียอีก”

หากเทียบจางอี้โหมว กับ เฝิงเสี่ยวกัง ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง เย่เยียน แล้ว ถึงแม้ว่า ฝ่ายหลังจะประสบความสำเร็จอย่างมากในแผ่นดินใหญ่ แต่อิทธิพลที่มีต่อตลาดต่างประเทศนั้นยังไม่มาก ถึงขนาดที่ ทางผู้ลงทุนรายใหญ่ของหนังเรื่องเย่เยียน จะตัดสินใจให้เงินลงทุนหรือไม่ ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ จางจื่ออี๋ จะร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้หรือไม่ต่างหาก

จางจื่ออี๋ ก็เปรียบเสมือนประตูสู่ตลาดอินเตอร์ ภาพยนตร์ทุนสร้างกว่าร้อยล้านหนึ่งเรื่อง หากคิดถอนทุนคืนจากตลาดจีนละก็ คงยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์

“ตลาดต่างประเทศจึงจะเป็นสังเวียนรบที่จะถอนทุนคืนให้กับหนังจีนได้” จางเหว่ยผิงกล่าวว่า บริษัทนิว พิคเจอร์ คาดหวังว่าจะจำหน่ายภาพยนตร์เรื่อง หม่านเฉิงจิ้นไต้หวงจินเจี่ย ในตลาดต่างประเทศได้ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ “ตอนนั้นเราทำสัญญากับทางบริษัทมิราแม็กซ์ ประกันรายได้ขั้นต่ำจากภาพยนตร์เรื่อง “ฮีโร่” ในตลาดอเมริกาเหนืออย่างต่ำ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าเรื่องล่าสุดของจางอี้โหมวน่าจะอยู่ที่ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ”

ญี่ปุ่นก็เป็นตลาดสำคัญอีกตลาดหนึ่งของภาพยนตร์จีน ในปี 2002 ฮีโร่จำหน่ายในญี่ปุ่นได้มากถึง 5 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่อมา จอมใจบ้านมีดบิน (The House of Flying Daggers) ทำรายได้ถึง 8 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีตลาดออสเตรเลีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเกาหลีใต้ ที่เป็นตลาดสำคัญด้วย หวังจงเหล่ยกล่าวว่า การซื้อขายหนังยังต่างประเทศ จะสามารถช่วยให้ภาพยนตร์เรื่อง เย่เยียน ถอนทุนคืนได้อย่างน้อย 80%

แต่หวังจงเหล่ยชี้ว่า ไม่ใช่ภาพยนตร์จีนทุกเรื่องสามารถมาเจาะตลาดที่นี่ได้ “จากการสังเกตของผม ภาพยนตร์จีนฟอร์มยักษ์ของจีนมีแค่ 2-3 เรื่องเท่านั้นที่สามารถเข้ามาเจาะตลาดอเมริกาได้ ถึงแม้ว่าปีนี้ ปริมาณการลงทุนของหนังจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างไม่ลดละ แต่ภาพยนตร์ที่สามารถเข้าสู่ตลาดฮอลลิวู้ดได้จริงมีนับเรื่องได้ เนื่องจากศักยภาพและชื่อเสียงของหนัง ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ชมเมืองนอกได้ เกรงว่างานนี้อาจมีผู้สร้างหนังหลายรายต้องขาดทุนกลับไป”
กำลังโหลดความคิดเห็น