xs
xsm
sm
md
lg

ผลวิจัยชี้คนเอเชียตะวันออกไอคิวสูงสุดในโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทอมเน็ต 29/03/06 สิ่งพิมพ์ของจีนรวบรวมผลการศึกษาวิจัยของผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกันและนักวิจัยชาวอังกฤษในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกี่ยวกับระดับไอคิวของคนเผ่าพันธุ์ต่างๆทั่วโลก พบว่า ชาวเอเชียตะวันออกเป็นมนุษย์ที่มีระดับไอคิวสูงที่สุดในโลก รองลงมาคือชาวยุโรป ทั้งนี้ ผลการวิจัยบางชิ้น ระบุว่า มันสมองของผู้ใหญ่ชาวเอเชียตะวันออกมีขนาดใหญ่กว่าของคนผิวขาวเฉลี่ย 1 ลูกบาศก์นิ้ว โดยประชากรที่มีระดับไอคิวสูงมากที่สุดในโลกกระจายอยู่ในประเทศจีน สิงคโปร์ เกาหลีใต้และญี่ปุ่น โดยมีระดับไอคิวเฉลี่ย 105 คะแนน

เมื่อเร็วๆนี้นิตยสาร ‘เดอะไทมส์ แมกกาซีน’ รายงานว่า นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย University of Ulster ในอังกฤษ ชี้ว่า มันสมองของชาวเยอรมันมีไอคิวสูงที่สุดในจำนวนชาวยุโรปด้วยกัน โดยสูงกว่ามาตรฐานไอคิวของชาวอังกฤษและฝรั่งเศสอย่างมาก นอกจากนี้ งานวิจัยที่ตีพิมพ์เกี่ยวกับบทวิเคราะห์ระดับไอคิวของมนุษย์เผ่าพันธุ์ต่างๆของศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ยังระบุว่า ไอคิวของชาวเอเชียตะวันออกเฉลี่ยสูงที่สุดในโลกเท่ากับ 105 คะแนน ขณะที่ชาวยุโรปมาเป็นอันดับ 2 สูงเท่ากับ 100 คะแนน

เมื่อปีที่แล้ว สมาคมจิตวิทยาของสหรัฐฯเปิดเผยผลวิจัยล่าสุด เปรียบเทียบระดับไอคิวของมนุษย์เผ่าพันธุ์ต่างๆว่า มีระดับความแตกต่างของไอคิวสูงสุด 50% โดยชาวเอเชียตะวันออกมีระดับสูงกว่าชาวผิวขาวและผิวสี ขนาดมันสมองใหญ่ และมีเซลประสาทและโครงข่ายประสาทมากกว่า ระดับความว่องไวในการจัดการข้อมูลก็รวดเร็วกว่าด้วย โดยขนาดมันสมองของคนเอเชียตะวันออกใหญ่กว่าคนขาวเฉลี่ย 1 ลูกบาศก์นิ้ว ส่วนมันสมองของคนขาวก็ใหญ่กว่าของคนผิวสี 5 ลูกบาศก์นิ้ว

ผู้เชี่ยวชาญด้านประชากรศาสตร์ของสหรัฐฯ ยังเคยชี้ว่า ระดับไอคิวของคนจีนสูงกว่าคนยุโรปและคนอเมริกัน โดยหลังจากทำการศึกษาระดับไอคิวของสถาปนิก นักฟิสิกส์ และนักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติสาขาต่างๆ พบว่า ผู้มีไอคิวสูงสุดเป็นชาวจีนโพ้นทะเลสัญชาติอเมริกัน แต่ชาวอเมริกันกลับมีระดับไอคิวต่ำสุด นอกจากนี้ ในกลุ่มอาชีพอีก 10 ประเภท ชาวจีนก็ยังมีระดับไอคิวสูงกว่าชาวอเมริกันถึง 8 อาชีพ

นับตั้งแต่การวิจัยของฝรั่งเศสเมื่อปี 1904 ในเรื่องระดับไอคิว พบว่า ตัวเลขไอคิวไม่ได้บ่งบอกถึงระดับความรู้ แต่เป็นตัววัดระดับความสามารถในการทำงานของมันสมอง โดยระดับไอคิวของมนุษย์มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 100 ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านยังเชื่อว่า ระดับความเฉลียวฉลาดของมนุษย์มีความเกี่ยวข้องกับยีนที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม

นอกจากนี้ แม้ว่าพันธุกรรมจะมีส่วนในการกำหนดระดับไอคิว ทว่าสิ่งแวดล้อมก็ยังมีอิทธิพลสำคัญต่อการพัฒนาความเฉลียวฉลาดได้ ทั้งนี้ ปัจจัยด้านระบบสังคม ความเจริญก้าวหน้าของประเทศ ตลอดจนบทบาทของรัฐบาลก็มีส่วนสร้างความเฉลียวฉลาดให้กับประชากรในประเทศของตนได้

ดังที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แม้ว่าระดับไอคิวของชาวอเมริกันทั่วไปแล้วจะจัดว่าไม่สูง แต่ในความเป็นจริง โครงการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์สุดยอดของโลกกลับกระจุกตัวอยู่ที่นี่ หรือแม้แต่ประธานาธิบดีของประเทศคนปัจจุบัน นายจอร์จ ดับเบิลยู บุชก็มีระดับไอคิวแค่ 91 ในขณะที่ประธานาธิบดีคลินตันไอคิวสูงถึง 182

...ตัวอย่างหลังนี่ยกมาแหย่ใครหรือเปล่าก็ไม่รู้ ??
กำลังโหลดความคิดเห็น