ซินหัวเน็ต22/03/06 – วานนี้ (21 มี.ค.) ภาพยนตร์เรื่อง หม่านเฉิงจิ้นไต้หวงจินเจี่ย 《满城尽带黄金甲》 ของผู้กำกับ จางอี้โหมว ได้แถลงข่าวเปิดตัวเป็นครั้งที่ 2 ณ บริษัทสร้างหนังปักกิ่งฟิล์ม โดยงานนี้จัดขึ้นเพื่อ โจวเจี๋ยหลุน (เจย์ โชว) ซึ่งมาเข้าฉากถ่ายทำได้ 10 วันแล้วโดยเฉพาะ จะเห็นได้ว่า นอกจากเจย์แล้ว ไม่มีนักแสดงนำคนอื่นๆ อาทิ โจวหยุนฟะ และ ก่งลี่เลย แถมงานนี้จางอี้โหมวยังมีหยอดคำหวานทิ้งท้าย ชมอาเจย์หากอนาคตนั่งแท่นผู้กำกับล่ะก็ มีแววแซงหน้าเขาอย่างแน่นอน
งานแถลงข่าวภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของจางอี้โหมวเดิมกำหนดเริ่มเมื่อเวลา 11.00 น. แต่เนื่องจากติดขบวนรถของวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียที่อยู่ระหว่างเยือนจีน จึงได้ล่าช้ากว่ากำหนดกว่าครึ่งชั่วโมง
เมื่อถึงเวลา 11.30 น. เจย์ โชว์ พร้อมด้วยผู้กำกับจางอี้โหมว สวมเสื้อนอกสีแดงอย่างไม่ได้นัดหมายขึ้นเวที ท่ามกลางเสียงกรี๊ดของเหล่าแฟนเพลงกว่า 300 ชีวิตของเจย์
แสดงกับรุ่นพี่รู้สึกกดดัน
เจย์ เข้าฉากถ่ายทำภาพยนตร์มาได้ 10 วันแล้ว ส่วนใหญ่เป็นฉากระหว่างเขากับนักแสดงสาว ก่งลี่ ได้เข้าฉากกับก่งลี่ และ โจวหยุนฟะ เจย์ยอมรับว่ารู้สึกกดดันมาก เขาเปิดใจว่า “ปกติผมก็ไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว เจอพวกเขานี่พูดอะไรไม่ถูกเลย ดังนั้นจึงต้องพยายามท่องบทให้ขึ้นใจ”
ถึงแม้ว่าจะรู้สึกกดดัน แต่เจย์ก็ยอมรับว่า “ผมถือว่าโชคดีมากที่สามารถได้ร่วมงานกับผู้กำกับและนักแสดงมากความสามารถ ดังนั้นจะต้องพยายามแสดงให้ดี ผมเป็นนักร้อง ที่ผ่านมารู้สึกชอบแนวดนตรีสไตล์จีนๆ อยู่แล้ว ตอนนี้มีโอกาสแสดงหนังแนวจีนโบราณของผู้กำกับชื่อดัง หากตอนนี้ไม่คว้าโอกาสไว้ ก็ไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไร”
“หวงจินเจี่ย” ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องที่สองของเจย์ หลังจากเคยฝากฝีมือการแสดงไว้ในเรื่อง ดริฟติ้ง ซิ่งสายฟ้า (Initial D) ในสายตาของเจย์แล้ว ระหว่างผู้กำกับหลิวเหว่ยเฉียง จากเรื่องดริฟติ้งฯ กับจางอี้โหมว มีจุดที่แตกต่างกันอยู่ “ผู้กำกับหลิวเหว่ยเฉียงค่อนข้างจะเป็นคนพูดจาแรงๆ ขณะที่จางอี้โหมวเป็นคนอารมณ์ดี ที่ผ่านมาไม่เคยเกรี้ยวกราดเลย” ผู้กำกับจางที่ยืนอยู่ข้างๆ ฟังแล้ว เอาแต่อมยิ้มแก้มปริ
ตั้งใจจริงจนได้ใจทีมงาน
แม้ว่าในวงการบันเทิง เจย์ยังถือว่าเป็นน้องใหม่ แถมเจ้าตัวยังรู้สึกกดดันเวลาต้องเข้าฉากกับรุ่นพี่ แต่จางอี้โหมวค่อนข้างพอใจกับการแสดงของเขา ผู้กำกับจางออกปากชมว่าข้อดีของเจย์ก็คือ ความตั้งใจ “ตอนนี้เราได้ถ่ายทำฉากสำคัญไปบางส่วน พอเริ่มถ่ายทำเขาก็ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจมาก ข้อดีที่สุดของเขาก็คือ การตั้งอกตั้งใจแสดง มีฉากหนึ่งที่เขาแสดงกับก่งลี่ ทำเอาทีมงานน้ำตาร่วงกันเป็นแถว เพราะซาบซึ้งไปกับการแสดงของเขา” ตามที่ทราบมา พอแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จ เจย์ไม่พูดกับใครอยู่หลายชั่วโมง เอาแต่นั่งท่องบท เพื่อให้เข้าถึงตัวละคร เหมือนกับนักรบที่พร้อมออกสู่สนามรบทุกเมื่อ พอเข้าฉากปุ๊บก็สามารถสวมวิญญาณของตัวละครตัวนั้นได้ในทันที
เจย์แสดงเป็นองค์ชายรอง
สำหรับตัวละครที่เจย์จะมาแสดงนั้น ก่อนหน้านี้แต่ละสำนักข่าวก็มีการเสนอข่าวอย่างสับสน วานนี้จางอี้โหมวแถลงไขอีกครั้งว่า ในเรื่องนี้เจย์รับบทเป็นองค์ชายรอง ซึ่งเป็นแม่ทัพที่เดินทางกลับมาจากนอกด่าน ตั้งแต่เริ่มแรกเขาก็ตั้งใจให้เจย์มารับบทนี้ “เพราะผมเคยฟังเพลง และดูมิวสิควิดีโอของเขา แล้วรู้สึกชื่นชมความเป็นตัวของตัวเองของเขา รู้สึกว่าเขาเหมาะกับตัวละครตัวนี้ นอกจากนี้ ผมก็หวังจะให้มีตัวแทนของคน 3 รุ่นอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย”
จางอี้โหมวชมเจย์มีแววเป็นผู้กำกับ
เจย์เคยพูดว่าตนเองอยากจะเป็นผู้กำกับ ปกติก็ชอบกำกับมิวสิควิดีโออยู่แล้ว จึงมีนักข่าวถามเรื่องนี้ขึ้นมา ทำเอาอาเจย์รู้สึกเก้อๆ ได้แต่กล่าวอย่างอ้อมแอ้มว่า “อยู่ต่อหน้าผู้กำกับชื่อดัง อย่าถามคำถามนี้เลย ผมเป็นนักร้องก็ดีอยู่แล้ว” แต่จางอี้โหมวที่นั่งอยู่ข้างๆ พูดขึ้นว่า “ผมเคยดูมิวสิควิดีโอที่เขากำกับ รู้สึกชอบมากนะ ผมรู้สึกว่าเขามีความสามารถจะเป็นผู้กำกับและคิดว่าต้องทำได้ดีกว่าผมแน่” ... ผู้กำกับชื่อดังออกโรงการันตีขนาดนี้ งานนี้ ไม่รู้อาเจย์หัวใจพองโตขนาดไหน