xs
xsm
sm
md
lg

จีนหวังนายกฯคนใหม่ญี่ปุ่นแก้ปัญหาสองชาติ

เผยแพร่:   โดย: อดุลย์ รัตนมั่นเกษม

ช่วงปีที่แล้วตลอดทั้งปี จีนและญี่ปุ่นมีเรื่องทะเลาะขัดแย้งกันมาตลอด ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศส่อเค้าว่าจะยิ่งย่ำแย่ลง เมื่อญี่ปุ่นได้รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ นายทาโร่ อาโซะ ซึ่งออกมาพูดจาทีใด หลายชาติในเอเชีย โดยเฉพาะจีนกับเกาหลีใต้เป็นต้องสะดุ้งไปทุกครั้งไป จนเขาได้รับสมญานามว่า “ขวาตกขอบเกรดเอ”

เรามาทบทวนดูว่าเมื่อตอนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศใหม่ นายอาโซะมีท่าทีอย่างไรต่อปัญหาความขัดแย้งกับจีน ตอนนั้นเขาเคยบอกว่า ยิ่งจีนต่อต้านการเยือนศาลเจ้ายาสุคุนิของนายกฯญี่ปุ่น นายกฯญี่ปุ่นก็ยิ่งต้องไปเยือนศาลเจ้าแห่งนี้ ตัวเขาเองก็ไปเยือนศาลเจ้าแห่งนี้เป็นประจำ และยังเคยถึงกับเรียกร้องให้องค์พระจักรพรรดิเสด็จเยือนศาลเจ้าแห่งนี้ด้วย

ย้อนไปเมื่อเดือนธันวาคม เขาก็ออกมาระบุว่า จีนเป็นภัยคุกคามต่อญี่ปุ่น ทำเอารัฐบาลญี่ปุ่นถึงกับต้องออกมาแถลงเป็นพัลวันว่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองชาติยังดีอยู่และเป็นไปด้วยความสันติ แล้วก็ออกมาเรียกไต้หวันเป็นประเทศเอกราช

และก่อนหน้านี้ เขาก็เคยออกมาให้ข่าวเรื่องการฆ่าตัวตายของนักการทูตญี่ปุ่นในเซี่ยงไฮ้ โดยสงสัยว่าหน่วยสืบราชการลับของจีนมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่เขาก็มาให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีเมื่อวันที่ 20 ที่ผ่านมาว่า เขาแค่ยกตัวอย่างเท่านั้น ไม่มีเจตนาอื่น และยังพูดในทำนองติดตลกว่า “เวลามีผู้หญิงมาใกล้ชิด พวกนักการทูตผู้ชายน่าจะลองดูตัวเองว่า มีเสน่ห์จนสาวถึงกับถูกตาต้องใจอย่างนั้นเชียวหรือ”

ในบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ “นิวยอร์กไทม์” ฉบับเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมาได้วิพากษ์วิจารณ์ท่าทีและคำพูดของเขาในเรื่องที่ญี่ปุ่นล่าอาณานิคมและการก่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่า เป็นเรื่อง “ไม่จริงใจและไม่ฉลาด” ระบุไว้ในหัวเรื่องด้วยว่า เขาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศที่ “ไม่มีมารยาท”

แต่เมื่อกลางเดือนที่แล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นคนนี้กลับเปลี่ยนท่าทีต่อปัญหาทั้งหลายที่นุงนังอยู่กับจีนชนิดกลับลำ 180 องศา เขาให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ว่า เขากำลังพิจารณาอย่างจริงจังที่จะลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรครัฐบาลแห่งเสรีประชาธิปไตยหรือแอลดีพีที่จะจัดให้มีขึ้นในเดือนกันยายนศกนี้ และเมื่อถูกถามถึงเรื่องการเยือนศาลเจ้ายาสุคูนิหากได้เป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เขาได้บอกเป็นนัยว่า ถ้าจีนและเกาหลีต่อต้านเรื่องนี้ เขาก็อาจไม่ไปเยือนศาลเจ้ายาสุคูนิ โดยพูดชัดถ้อยชัดว่า “ผลประโยชน์ของชาติต้องมาก่อนเรื่องความเชื่อและผลประโยชน์ส่วนตัว”

นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาเปลี่ยนท่าที เพราะเขาคงไม่อยากเสียคะแนนเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรคส่วนที่มีท่าทีเป็นกลางต่อจีน และอย่าลืมว่า นักการเมืองญี่ปุ่นส่วนที่อยากญาติดีกับจีนก็มีไม่น้อย นี่เป็นเรื่องแรกที่ส่อเค้าว่า ญี่ปุ่นกำลังปรับท่าทีที่ดีขึ้นต่อจีน

เรื่องต่อมาคือ นายโตชิฮิโร่ นิคาอิ รัฐมนตรีเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเยือนจีนเมื่อวันที่ 21 ที่ผ่านมา และได้เข้าพบปะหารือกับนายป๋อซีไหลรัฐมนตรีการค้าของจีน มีการแลกเปลี่ยนความเห็นถึงปัญหาการขุดเจาะน้ำมันในทะเลที่เป็นข้อขัดแย้งของสองฝ่าย ก็เป็นอีกก้าวย่างที่ญี่ปุ่นแสดงออกในทางบวกมากขึ้น

นอกจากนี้ นายฮิเดนาโอะ นาคากาวา ประธานคณะกรรมการประสานงานของพรรคแอลดีพี และเป็นนักการเมืองคนสำคัญของมุ้งการเมืองกลุ่มใหญ่ที่สุดในพรรคนี้ ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่นำสมาชิกรัฐสภาญี่ปุ่นคณะหนึ่งไปเยือนจีนด้วย ซึ่งเขาได้ไปเสนอแนวคิดที่จะให้ทั้งสองฝ่ายศึกษาสงครามระหว่างญี่ปุ่นกับจีน เพื่อคลี่คลายความสัมพันธ์ที่ชะงักงันอยู่ในขณะนี้ ซึ่งนายชินโซะ อาเบ ผู้นี้ได้รับการคาดหมายว่า มีโอกาสสูงมากที่จะรับตำแหน่งต่อจากนายโคอิซึมิ ได้ออกมาสนับสนุนแนวคิดนี้ทันที เพราะเขาเองก็ต้องการเสียงสนับสนุนจากกลุ่มของนายนาคากาวา หากต้องการได้ตำแหน่งนายกฯญี่ปุ่น

และเพราะว่า นักการเมืองญี่ปุ่นแสดงท่าทีญาติดีกับจีนมาจากเหตุผลด้านการเมืองในประเทศมากกว่าเหตุผลอื่น แต่นักการเมืองก็คือนักการเมืองที่เวลารณรงค์หาเสียงจะพูดจาอะไรก็พูดไป จะไปเชื่อจริงจังเต็มร้อยตามนั้นคงไม่ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็คงต้องคอยดูกันต่อไปว่า นักการเมืองญี่ปุ่นจริงใจกับการคลี่คลายปัญหาที่มีอยู่กับจีนแค่ไหน

ทำไมงานนี้ถึงต้องเป็นรัฐมนตรีเศรษฐกิจแทนที่จะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เหตุผลนอกจากท่าทีในช่วงที่ผ่านมาของรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นที่ดูจะไม่เอื้อต่อการแก้ไขปัญหาที่มีอยู่กับจีน แม้ระยะหลังนายอาโซะจะมีท่าทีเปลี่ยนไปก็ตาม แต่เหตุผลสำคัญอีกข้อคือ มูลค่าการค้าที่ญี่ปุ่นมีอยู่กับจีนนั้นได้ทำนิวไฮต์แซงหน้าที่มีอยู่กับสหรัฐฯไปแล้ว รัฐมนตรีเศรษฐกิจจึงเป็นคนเหมาะที่สุดและมีความหมายเป็นจริงที่สุด ที่จะไปพูดคุยเพื่อแก้ไขปัญหาอ่อนไหวบางเรื่อง เช่น การจุดเจาะน้ำมันในทะเลจีนตะวันออก เป็นต้น

ทางด้านฝ่ายจีน การเปลี่ยนท่าทีของนักการเมืองญี่ปุ่น ต้องถือเป็นเรื่องดีที่จีนคงไม่อยากปล่อยให้โอกาสเช่นนี้ผ่านไปเฉยๆ การที่นายเวินเจียเป่า นายกฯจีนและนายถังเจียเสวียนมนตรีแห่งรัฐให้นายโตชิฮิโร่เข้าพบปะหารือ ซึ่งเป็นการพบกันในระดับสูงสุดครั้งแรกในช่วงเวลาเกือบปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการแสดงท่าทีที่ดีจากฝ่ายจีน ซึ่งอย่างน้อยก็เป็นร่องรอยให้เห็นว่าจีนอาจยอมปรับปรุงความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นกว่าปัจจุบัน ซึ่งยังต้องดูกันต่อไปว่า นายเวินพูดจาอะไรบ้างกับฝ่ายญี่ปุ่น เพราะที่ผ่านมาจีนประณามตำหนินายกฯญี่ปุ่นมาโดยตลอด

แต่จีนก็แสดงให้เห็นว่า นอกจากนายโคอิซึมิแล้ว จีนต้องการพุดคุยกับนักการเมืองคนสำคัญบางคนของญี่ปุ่น ซึ่งยืนยันได้จากคำแถลงของโฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนที่ว่า ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าของสองฝ่าย โดยภาพรวมแล้วไปได้ดี จีนต้องการเห็นความจริงใจจากฝ่ายญี่ปุ่นในการแก้ไขปัญหาที่ยังคาราคาซังอยู่

จีนหวังไว้เช่นนี้เพราะนายโคอิซึมิกำลังจะพ้นจากตำแหน่งนายกฯในเดือนกันยายนนี้ นายโคอิซึมิจึงมิใช่ตัวเลือกที่จีนอยากฝากความหวังไว้ คนที่จีนคาดหวังว่าจะมาแก้ไขปัญหาของทั้งสองฝ่าย จึงเป็นคนที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯต่อจากนายโคอิซึมิต่างหาก และดูเหมือนจีนจะเลือกนายชินโซะ อาเบ นักการเมืองมุ้งใหญ่ที่สุดในพรรคแอลดีพี ซึ่งดูจากการต้อนรับนายโตชิฮิโร่และนายนาคากาวา ก็คงพอดูออกว่าจีนกำลังคิดอะไรอยู่.
กำลังโหลดความคิดเห็น