xs
xsm
sm
md
lg

สังคมนิยม – เครื่องมือสร้างชาติ (4)

เผยแพร่:   โดย: สันติ ตั้งรพีพากร

พิจารณาตามกระบวนการพัฒนาของสังคมมนุษย์ ระบอบสังคมนิยมเป็นทั้งช่วงหนึ่งของกระบวนการทั้งหมดและเป็น “เครื่องมือ”ให้เลือกสำหรับประเทศหนึ่งใดในการพัฒนาตนเองไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ตามสภาวะเป็นจริงของตนเองในขั้นตอนหนึ่งของกระบวนการพัฒนาทางสังคมของมวลมนุษยชาติ
ที่กล่าวเช่นนี้ เพราะเดิมทีคนเราเข้าใจเรื่องระบอบสังคมนิยมในรูปสังคมอุดมการณ์ อันเนื่องจากรับไม่ได้กับความโหดร้ายของระบอบทุนนิยม เป็นความใฝ่ฝันถึงสังคมอุดมคติอันดีงาม ซึ่งต่อมาคาร์ล มาร์กซ์ ได้พัฒนาขึ้นมาเป็นแนวคิดที่นำไปสู่การปฏิบัติได้ ชี้ให้เห็นถึงกระบวนการที่มันจักต้องเป็นไปภายหลังจากระบอบทุนนิยมพัฒนาถึงขีดสุด
อย่างไรก็ดี เมื่อเข้าสู่กระบวนการปฏิบัติจริง กลับพบว่าระบอบสังคมนิยมสามารถดำเนินไปได้แม้ในช่วงก่อนที่ระบอบทุนนิยมจะก้าวสู่จุดสุดยอด โดยพรรคบอลเชวิกที่นำโดยวลาดีเมียร์ ไอ. เลนิน ใช้การปฏิวัติด้วยกำลังอาวุธโค่นล้มอำนาจรัฐทุนนิยมปลายแถวในรัสเซีย สถาปนารัฐสังคมนิยมขึ้นได้เป็นแห่งแรกของโลก สร้างความหวังอย่างยิ่งให้แก่ขบวนการสังคมนิยมโลก ในการแปรเปลี่ยนสังคมโลกสู่ความเป็นสังคมนิยมด้วยวิธีการปฏิวัติด้วยความรุนแรง ภายใต้การนำขององค์การคอมมิวนิสต์สากลในกรุงมอสโก
ภายหลังสงครามโลกครั้งสอง จึงปรากฏมีประเทศยุโรปตะวันออกส่วนใหญ่กลายเป็นสังคมนิยม พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ประสบชัยชนะในสงครามกลางเมือง ประชาชนในดินแดนอาณานิคมทั่วโลกพากันดิ้นรนจนได้รับอิสรภาพ ประกาศดำเนินแนวทางสังคมนิยมกันเป็นแถว พลันสังคมโลกก็แบ่งออกเป็นสองโลกชัดเจน คือโลกทุนนิยมกับโลกสังคมนิยม
สถานการณ์โดยรวมของสังคมโลกช่วงกลางศตวรรษที่ 20 จึงปรากฏชัดว่า โลกสังคมนิยมเป็นฝ่ายรุกและเป็นต่อ หลายฝ่ายคาดหมายว่า สังคมโลกกำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ คือยุคสังคมนิยมได้โดยไม่ต้องรอให้ระบอบทุนนิยมพัฒนาเต็มที่
ทว่า กฎเกณฑ์พัฒนาการของสังคมโลกที่เป็นจริง ไม่อนุญาตให้มวลมนุษย์ก้าวเข้าสู่ระบอบสังคมนิยมแบบลัดสั้นด้วยวิธีการปฏิวัติ การล่มสลายของกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียตและยุโรปตะวันออก ความล้มเหลวในการปฏิวัติสังคมในประเทศจีน และความด้อยพัฒนาของประเทศที่ดำเนินระบอบสังคมนิยมในประเทศเกิดใหม่ทั่วโลก ได้กลายเป็น “คำถาม”แห่งศตวรรษถึงความชอบธรรมของระบอบสังคมนิยม ในบริบทที่สังคมทุนนิยมยังสามารถขับเคลื่อนตัวเองได้อย่างขึงขัง การประดิษฐ์คิดสร้างใหม่ๆที่เป็นคุณูปการแก่มวลมนุษยชาติยังไหลทะลักออกจากระบบระบอบของทุนนิยมอย่างไม่ขาดสาย
พลันสังคมโลกก็เอนเอียงไปในทางที่จะปฏิเสธระบอบสังคมนิยมอย่างสิ้นเชิง แม้แต่ในประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวียที่เป็นทุนนิยมก้าวหน้า มีระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจสังคมในระดับสูง ที่เคยมีพรรคการเมืองแนวสังคมนิยมบริหารประเทศอย่างต่อเนื่องก็ต้องประสบกับวิกฤติศรัทธา ไม่ได้รับการเลือกตั้งเข้าบริหารประเทศเหมือนเดิม
สังคมโลกมีแนวโน้มก้าวเข้าสู่ยุคทุนนิยมครอบโลกแบบเบ็ดเสร็จในศตวรรษที่ 21 ระบอบทุนนิยมแข็งแกร่งกว่าทุกยุคทุกสมัย จีนและบางประเทศที่ยังประกาศความเป็นสังคมนิยมก็ต้องปรับตัวเองเข้าหาระบอบทุนนิยมโลก ประกาศตนเป็นสังคมนิยมระยะใหม่ ที่เน้นการพัฒนาตนเองไปสู่ความทันสมัย มุ่งแสดงให้เห็นถึงความ “ล้ำเลิศ”ของระบอบสังคมนิยม ด้วยการปฏิรูปตนเองอย่างไม่ขาดสาย เพื่อปลดปล่อยและพัฒนาพลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง สำหรับการก้าวไปสู่ความเป็นสังคมนิยมอย่างรอบด้านในอนาคตอันยาวไกล
เมื่อมาถึงจุดนี้ การเดินหนทางสังคมนิยมก็มีนัยของการ “เลือก”ไปโดยปริยาย หมายความว่า จีนกับอีกบางประเทศที่ยังเชิดชูลัทธิมาร์กซ์ มีพรรคคอมมิวนิสต์ใช้อำนาจบริหารประเทศแต่เพียงผู้เดียว เลือกที่จะใช้พัฒนาตนเองไปสู่ความเจริญด้วยระบอบสังคมนิยมที่มี “เอกลักษณ์”เฉพาะตน มากกว่าที่จะดำเนินการปฏิวัติสังคมนิยมในขอบเขตทั่วโลกอีกต่อไป หนำซ้ำ ยังได้นำเอาระบบเศรษฐกิจตลาดและวิธีการปฏิบัติทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม วัฒนธรรม อื่นๆที่มิใช่ของสังคมนิยมมาใช้ในการพัฒนาตนเองอย่างกว้างขวาง
อีกนัยหนึ่ง การพัฒนาตนเองไปสู่ความเจริญอย่างรอบด้านด้วยวิธีการแบบสังคมนิยม เป็นทางเลือกที่ดีกว่าของพวกเขา เนื่องจากเป็นกระบวนการสานต่อของการใช้อำนาจบริหารประเทศของพรรคการเมืองลัทธิมาร์กซ์เท่านั้น หากเป็นประเทศอื่นที่มิใช่พรรคลัทธิมาร์กซ์ใช้อำนาจบริหารประเทศ และสามารถนำไปสู่การพัฒนาประเทศไปสู่ความทันสมัย ประชาชนอยู่ดีกินดีถ้วนหน้า ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นใดๆที่จะต้องใช้ระบอบสังคมนิยม
โดยนัยดังกล่าว ระบอบสังคมนิยมในศตวรรษที่ 21 จึงอยู่ในสถานภาพของการเป็น “ทางเลือก”หนึ่งของประเทศกำลังพัฒนา เพื่อก้าวไปสู่ความทันสมัย เจริญรุ่งเรืองอย่างรอบด้าน ในบริบทที่สังคมโลกอยู่ภายใต้การครอบงำอย่างเบ็ดเสร็จของอำนาจทุนนิยมครอบโลก ระบอบสังคมนิยมได้กลายสภาพจากสังคมอุดมการณ์อันเป็นจุดมุ่งหมายร่วมกันของมวลมนุษยชาติ (ในฐานะที่เป็นสังคมก้าวหน้ากว่าสังคมทุนนิยม มีความเป็นธรรมและเปิดโอกาสให้คนเราสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างรอบด้าน มากกว่าในระบอบทุนนิยมที่มีการกดขี่ขูดรีดทางชนชั้น มีการเอารัดเอาเปรียบประชาชนผู้ใช้แรงงานส่วนใหญ่อย่างชัดเจน) เป็น “เครื่องมือ”ให้ประเทศต่างๆเลือกใช้ในการพัฒนาตนเองไปสู่ความทันสมัย เจริญรุ่งเรืองอย่างรอบด้าน
นั่นหมายความว่า ประเทศหนึ่งใด จะพัฒนาตนเองด้วยระบอบทุนนิยมหรือสังคมนิยม ก็ขึ้นอยู่กับว่า การพัฒนาด้วยระบอบใดจะเหมาะสมกับสภาวะเป็นจริงของตนเอง สามารถเอื้ออำนวยให้เกิดการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงในระบบ โครงสร้าง และกลไกต่างๆได้ดีกว่า ซึ่งจะยังผลให้เกิดการพัฒนาก้าวหน้าได้มากกว่า เร็วกว่า ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ประชาชนเป็นผู้เสวยผลของการพัฒนาอย่างแท้จริง
เป็นการเลือกเพื่อหวังผล ถือเอาผลเป็นตัวกำหนดในการเลือกที่จะพัฒนาประเทศไปสู่ความทันสมัย เจริญรุ่งเรืองอย่างรอบด้านในระยะยาว
การเลือกพัฒนาตนเองด้วยระบอบสังคมนิยมในยุคนี้ จึงไม่มีนัยของการเปลี่ยนแปลงโลก ไม่เป็นการคุกคามโลกทุนนิยมแต่ประการใด สามารถดำเนินไปได้โดยสันติ พรรคการเมืองที่เลือกใช้ระบอบสังคมนิยมในการพัฒนาประเทศ ก็จะไม่ตกเป็นเป้าการล้มล้างอย่างป่าเถื่อนของซีไอเอ เหมือนดังเช่นที่โลกทุนนิยมกำลังเผชิญกับการท้าทายของกลุ่มอดีตสหภาพโซเวียตในครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20
มองด้วยสายตาวัตถุนิยมประวัติศาสตร์ ที่ยึดมั่นในความเป็นจริง หาสัจจะจากความเป็นจริง เข้าถึงสัจธรรมหรือกฎเกณฑ์กระบวนการพัฒนาของสังคมมนุษย์ด้วยปัญญาตื่นรู้เป็นสำคัญ ณ วันนี้ ขบวนการสังคมนิยมโลกได้พัฒนามาถึงระยะของการ “พักและฟักตัว”ครั้งใหญ่อีกครั้ง ภายหลังจากที่ได้เคยแตกดอกออกช่ออย่างรวดเร็วในช่วงก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ในยุค “สงครามและปฏิวัติ”ที่ชี้นำโดยลัทธิเลนิน
ณ วันนี้ การพัฒนาระบอบสังคมนิยมในยุค “สันติภาพและการพัฒนา” ไม่มีทางเป็นไปในแบบอื่นที่ล้ำเกินขอบข่ายทางปัญญาของทฤษฎีเติ้งเสี่ยวผิง ที่กำลังชี้นำการขับเคลื่อนของกระบวนการสังคมนิยมในประเทศจีน ซึ่งจะส่งผลต่อขบวนการพัฒนาขยายตัวของสังคมนิยมโลกในอนาคตต่อไป
มองในระดับองค์รวม อย่างเป็นบูรณาการและอย่างเป็นพลวัต จึงพอสรุปได้ว่า แม้การเลือกพัฒนาประเทศด้วยระบอบสังคมนิยม จะไม่มีกลิ่นอายของการปฏิวัติสังคมโลก แม้จะเป็น “เครื่องมือ” แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของเหตุปัจจัยในการขับเคลื่อนขบวนการสังคมนิยมโลกในระยะยาว
ด้วยมุมมองเช่นนี้ ประเทศไทยก็มีความเป็นไปได้ในการเลือกใช้ “เครื่องมือ”ดังกล่าวพัฒนาตนเองไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง “ทันสมัย”รอบด้าน ทั้งทางวัตถุและจิตใจ
หากทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่ามัน “เหมาะสม”กับสภาวะเป็นจริงของประเทศไทย สอดคล้องกับความเรียกร้องต้องการของประชาชนชาวไทยที่ยึดมั่นใน “ทางสายกลาง”แห่งพุทธธรรม

------------------------------
กำลังโหลดความคิดเห็น