xs
xsm
sm
md
lg

สังคมนิยม – เครื่องมือสร้างชาติ (2)

เผยแพร่:   โดย: สันติ ตั้งรพีพากร

ในความเข้าใจของผู้เขียน การที่จีน “เลือก”พัฒนาประเทศด้วยระบอบสังคมนิยม ไม่เพียงเพราะพรรคบริหารประเทศ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน เชิดชู ยึดมั่นในอุดมการณ์ลัทธิมาร์กซ์เท่านั้น แต่ที่สำคัญคือการเริ่มต้นจากความเป็นจริงของสังคมจีน เคารพความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์
ดังที่รู้กันทั่วไปแล้วว่า ความพ่ายแพ้ของจีนในสงครามฝิ่น คือจุดเริ่มต้นของการเป็นกึ่งเมืองขึ้นกึ่งศักดินาของสังคมจีน ในสภาพเช่นนั้น แม้คนจีนจะพยายามศึกษาเรียนรู้จากตะวันตก วาดหวังที่จะปฏิรูปตนเองไปสู่ความทันสมัยตามแนวทุนนิยมตะวันตก แต่ก็ไม่อาจนำพาประเทศจีนดิ้นหลุดพ้นจากการครอบงำของอำนายอิทธิพลมหาอำนาจตะวันตก ประเทศไม่เป็นอิสระ ประชาชนไม่มีสิทธิประชาธิปไตย
สภาวะเป็นจริงทางประวัติศาสตร์เช่นว่า ไม่เปิดทางให้กลุ่มทุนจีนเป็นอิสระ เข้มแข็งเพียงพอที่จะจัดตั้งพรรคการเมืองใช้อำนาจบริหารประเทศได้ แม้กระทั่งเมื่อสามารถโค่นล้มราชวงศ์แมนจูลงได้แล้ว ก็ไม่สามารถก่อตั้งรัฐบาลบริหารประเทศได้ตลอดรอดฝั่ง จนกระทั่งคนจีนค้นพบเส้นทางการปฏิวัติของประชาชน ติดอาวุธทางปัญญาด้วยลัทธิมาร์กซ์-เลนิน ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน นำการเคลื่อนไหวจัดตั้งมวลชน ดำเนินสงครามประชาชน ใช้ชนบทล้อมเมืองและยึดเมืองในที่สุด
ชัยชนะของการปฏิวัติที่นำโดยพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ได้ขจัดอุปสรรคสำคัญต่างๆพ้นไปจากเส้นทางการพัฒนาประเทศจีนไปสู่ความทันสมัยและเจริญรุ่งเรือง ความคิดเหมาเจ๋อตง แกนปัญญาใหญ่ของจีนยุคใหม่ ได้หยั่งรากลึกลงไปในวัฒนธรรมเก่าแก่ของประเทศจีน ชี้นำการเคลื่อนไหวปฏิวัติสังคมจีนต่อไป ซึ่งต่อมาเติ้งเสี่ยวผิงได้ดำเนินการพัฒนา “นวัตกรรม”ครั้งใหญ่ เป็นทฤษฎีเติ้งเสี่ยวผิง
ด้วยแกนปัญญาใหญ่ ที่ก่อตัวขึ้นในท่ามกลางการเคลื่อนไหวปฏิบัติ-ปฏิวัติสังคมจีนเช่นนี้เอง ได้นำประเทศจีนก้าวไปสู่ความเจริญตามเส้นทาง “สังคมนิยม” มิใช่ทุนนิยม
กระนั้น การพัฒนาสร้างสรรค์ประเทศบนเส้นทางสังคมนิยมของจีน ก็ใช่ว่าจะราบรื่นไปทั้งหมด การพัฒนาระยะแรกที่หยิบยืมแม่แบบของอดีตสหภาพโซเวียต สามารถทำให้ประเทศจีนตั้งหลักที่จะเดินต่อไปได้ในระยะยาว แต่พอจะดำเนินขั้นต่อไป ก็พบว่ามีปัญหามากมาย ที่สืบรากลงไปได้ถึงจุดยืน ทัศนะ และวิธีการ ที่เบี่ยงเบนออกไปจากลัทธิมาร์กซ์ หลักๆก็คือ การไม่เริ่มจากความเป็นจริง ไม่มุ่งหาสัจจะจากความเป็นจริง แต่เอาความต้องการทางอัตวิสัยเป็นตัวตั้ง ทำให้การพัฒนาสร้างสรรค์ระบอบสังคมนิยม ซึ่งเป็นระบบระบอบสังคมที่ล้ำเลิศกว่าระบอบทุนนิยม ผิดทิศผิดทาง กระบวนการพัฒนาสังคมตกเข้าสู่ภาวะชะงักงัน วนเวียนอยู่แต่ในเรื่องความคิด การเมือง มีการถกเถียงกันไม่สิ้นสุดในระหว่างพรรคจีนกับอดีตสหภาพโซเวียต และภายในพรรคจีนเอง ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อการขับเคลื่อนของกระบวนการสังคมนิยมโลก
ดีที่จีนไหวทัน ทันทีที่เหมาเจ๋อตงสิ้นชีวิตลง เติ้งเสี่ยวผิง ในฐานะแกนนำของคณะผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนรุ่นที่สอง ชูธงลัทธิมาร์กซ์-เลนิน ความคิดเหมาเจ๋อตง โยกสังคมจีนมายังจุดเริ่มต้นแห่งความเป็นลัทธิมาร์กซ์อีกครั้ง (ในปี ค.ศ.1978) ยึดมั่นในจุดยืน ทัศนะ และวิธีการมาร์กซิสต์อย่างแท้จริงอีกครั้งหนึ่ง ประกาศสัจธรรมทุกอย่างเริ่มจากความเป็นจริง เคารพความเป็นจริง ไม่ยึดตำรา ไม่ยึด “นาย” ยึดในความเป็นจริงเท่านั้น นำเสนอมาตรฐานการรับรู้ที่ถูกต้องจากการปฏิบัติด้วยคำขวัญ “ปลดปล่อยความคิด หาสัจจะจากความเป็นจริง” และ “การปฏิบัติเท่านั้นที่สามารถนำมาใช้เป็นมาตรฐานวัดความถูกต้องของสัจธรรม”
นั่นคือจุดเริ่มต้นของทฤษฎีเติ้งเสี่ยวผิง และความเจริญรุ่งเรืองของประเทศจีน ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 25 ปี และมีแนวโน้มดำเนินไปได้อย่างยาวนานถึงกลางศตวรรษที่ 21 พอเพียงที่จะส่งประเทศจีนพุ่งขึ้นสู่ความเป็นประเทศชั้นนำของโลก แสดงบทบาทเป็นผู้ร่วมกำหนดทิศทางการพัฒนาของสังคมโลกอย่างแท้จริง
ด้วยแนวคิดชี้นำที่เป็น “วิทยาศาสตร์”เช่นนี้ ประเทศจีนจึงเลือกที่จะ “เข้าถึง”โอกาสและปัจจัยต่างๆที่มีอยู่ทั้งโลก ใช้โอกาสและปัจจัยต่างๆที่มีอยู่ในสังคมโลก โดยไม่มีข้อรังเกียจเดียดฉันท์ว่าจะเป็นของใครหรือไม่แต่ประการใด “ไม่ว่าแมวดำหรือแมวขาว ขอแต่ให้จับหนูเก่ง ก็เป็นแมวที่ดี”
อย่างเช่นระบบเศรษฐกิจตลาด การบริหารธุรกิจ และการบริหารการเงินการคลังที่มีประสิทธิภาพ ยังประโยชน์แก่โลกทุนนิยมมหาศาล จีนก็นำมาปรับใช้ในระบอบสังคมนิยมจีน เรียกกันเต็มๆว่า “ระบอบสังคมนิยมเอกลักษณ์จีน”
ด้วยนโยบายปฏิรูปและเปิดกว้าง จีนพลิกตัวเองมาเป็นสังคมเปิด เชื่อมโยงเข้าสังคมโลกทีละขั้นและทีละด้าน อย่างระมัดระวัง ด้วยตระหนักเสมอว่า โลกทุนนิยมยังคงครอบงำและกำหนดทิศทางการพัฒนาของสังคมโลกและแสดงตนเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบสังคมนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย โดยเฉพาะภายหลังจากการล่มสลายของกลุ่มอดีตสหภาพโซเวียต ถึงกับประกาศชัยว่า ระบอบสังคมนิยมจะต้องสูญสิ้นไปจากโลกนี้ ประเทศจีนถึงที่สุดแล้วก็จะหนีไม่พ้นชะตากรรมแบบเดียวกันกับกลุ่มอดีตสหภาพโซเวียต
ด้วยความเข้าใจในสภาวะเป็นจริงของสังคมโลกและของตนเอง ทำให้จีนสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างรวดเร็ว และยังรักษา “ธาตุแท้”ของความเป็นสังคมนิยมไว้ได้เป็นอย่างดี นั่นคือ พรรคคอมมิวนิสต์ยังเป็นผู้ใช้อำนาจบริหารประเทศ ลัทธิมาร์กซ์ยังเป็นรากเหง้าทางความคิดทฤษฎีชี้นำการเคลื่อนไหวปฏิบัติ พัฒนาสร้างสรรค์สังคมจีน สิทธิประชาธิปไตยของประชาชนยังคงเข้มแข็งเป็นปึกแผ่น ไม่ตกเป็นเครื่องมือแสวงประโยชน์ตนของกลุ่มคนส่วนน้อยที่ได้เปรียบในสังคม และประเทศจีนยังคงยืนหยัดเดินหน้าไปบนเส้นทางแห่งสังคมนิยม ซึ่งก็คือ มุ่งปลดปล่อยพลังการผลิต พัฒนาพลังการผลิต ทำลายการกดขี่ขูดรีด ขจัดการแยกขั้วระหว่างคนรวยกับคนจน เพื่อก้าวไปสู่ความมั่งคั่งร่วมกันในบั้นปลาย
การพัฒนาสร้างสรรค์สังคมนิยมเอกลักษณ์จีน แม้จะต้องใช้เวลานานหลายสิบชั่วอายุคน แต่ก็กำลังก้าวเดินไปสู่ความเป็นสังคมนิยมที่มั่งคั่งทีละขั้นๆ เพื่อบรรลุสู่สังคมคอมมิวนิสต์ในบั้นปลาย
มองในภาพรวม การพัฒนาสร้างสรรค์ประเทศในระบอบสังคมนิยมของประเทศจีน ดำเนินไปในท่ามกลางคมหอกคมดาบ ต้องใช้ความพลิกแพลงสูง สามารถยึดมั่นจุดยืน ทัศนะ และวิธีการมาร์กซิสต์ได้ดี แม่นยำและถูกต้องในทุกขั้นตอน
ด้านหนึ่ง เพื่อให้ตนดำรงอยู่ได้ในสังคมโลกที่ทุนนิยมครอบงำ อีกด้านหนึ่ง เพื่อแสดงบทบาทมีส่วนร่วมและกำหนดทิศทางการพัฒนาของสังคมโลก ในฐานะที่จีนเป็นประเทศใหญ่ มีประชากรมากถึง 1 ใน 5 ของโลก มีศักยภาพเพียงพอที่จะเป็นแกนนำ สามัคคีประเทศต่างๆทั่วโลก ดำเนินการเปลี่ยนแปลงสังคมโลกไปในแนวทางที่ดีกว่า ยิ่งกว่าการพัฒนาไปตามแนวทางทุนนิยม ที่พบแล้วว่า มันเป็นทางตัน !
การเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก(WTO) ในปลายปี ค.ศ.2001 คือจังหวะก้าวสำคัญในการเชื่อมระบบเศรษฐกิจจีนเข้ากับระบบเศรษฐกิจโลก ยังผลให้จีนสามารถใช้โอกาสและทรัพยากรโลกอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็เป็น “คานงัด”สำคัญในการพลิกตลาดจีนให้เป็นส่วนหนึ่งของตลาดโลกที่แข็งแกร่ง สำหรับปูทางให้คนจีนและบริษัทธุรกิจจีนก้าวเข้าสู่เวทีโลกอย่างรวดเร็ว เสริมความแข็งแกร่งให้แก่จีนทางด้านเศรษฐกิจการค้า
รองรับความแข็งแกร่งทางด้านการทูตและวัฒนธรรมจีนยุคใหม่ ที่กำลังไหลทะลักไปทุกทิศทาง !
ปัจจุบัน ประสบการณ์ในการใช้สังคมนิยมสร้างชาติของจีน กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆในหมู่ประเทศกำลังพัฒนา ในรูปของ “ฉันทมติปักกิ่ง” หรือ Beijing consensuss
หัวใจก็คือ “ทุกอย่างเริ่มจากความเป็นจริง” โดยไม่ยึดติดว่าจะเป็นทุนนิยมหรือสังคมนิยม !
เพื่ออะไร ? ก็เพื่อความเป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง !
(ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับระบอบทักษิณ ที่มุ่งนำประเทศไทยไปห้อยติดอยู่กับระบบทุนนิยมโลก เป็นส่วนพ่วงต่อของระบบทุนนิยมโลก ที่จะทำให้คนไทยกลายสภาพเป็นพลเมืองชั้นสองชั้นสามแม้ในประเทศของตนเอง)

-----------------------
กำลังโหลดความคิดเห็น