xs
xsm
sm
md
lg

อ่านจีนยาก ?

เผยแพร่:   โดย: สันติ ตั้งรพีพากร

ภาษาจีนเรียนได้ยาก ที่สำคัญเพราะตัวหนังสือเป็นอักษรภาพ พัฒนามาจากการใช้รูปภาพแสดงความหมาย ต้องจำทั้งเสียงอ่านและความหมายของแต่ละตัว เหมือนจำหน้าคน จากคนแปลกหน้ามาเป็นคนที่คุ้นหูคุ้นตา แต่พอเวลาผ่านไป ก็ชักจะลืม โดยเฉพาะตัวที่ไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน จำเป็นต้องเปิดดูใน “ดิก”หรือพจนานุกรม เรียนรู้ใหม่เรื่อยไป
ภาษาจีนเป็นเช่นนี้ ประเทศจีนเองก็เช่นเดียวกัน ด้วยความที่เป็นประเทศใหญ่มาก มีประชากรถึง 1300 ล้านคน ประกอบไปด้วย 56 ชนชาติ มีวัฒนธรรมแตกต่างกัน ในความเป็นจีน แม้จะเป็นแบบจีนฮั่นเป็นหลัก แต่ก็หลากหลายละลานตา ที่เห็นกันเป็นจุดเด่นก็เช่นกลุ่มชนชาติมุสลิมในซินเจียง และชาวทิเบตในทิเบตและมณฑลใกล้เคียง รวมทั้งมวลหมู่ชนชาติส่วนน้อยในมณฑลหยุนหนัน กว่างซี กุ้ยโจว ต่างมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเฉพาะตน
แม้ในหมู่ชาวฮั่น แต่ละภาคก็มีลักษณะนิสัย และค่านิยมที่แตกต่างกัน เช่นคนจีนทางตอนเหนือจะแข็งกระด้างกว่าคนจีนตอนใต้ แต่ก็ “ตรง”กว่า
ในทางเศรษฐกิจสังคม จีนก็ทำให้ชาวโลกต้องทำการบ้านหนักมาก เพียงแค่ว่า ปัจจุบันจีนเป็นประเทศสังคมนิยมหรือทุนนิยมกันแน่ ก็หามีใครสามารถให้คำตอบได้แบบเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ มีการถกเถียงแสดงข้อกังขากันอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าทางการจีนจะประกาศยืนยันเป็นแม่นมั่นว่า เป็นระบอบสังคมนิยม
มีนักวิชาการจำนวนไม่น้อย ทั้งที่เป็นจีนและไม่เป็นจีน พากันวิสัชนากันไปในทำนองว่า ในเมื่อเศรษฐกิจตลาดเป็นกลไกหลักของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคมประเทศจีน แล้วมันจะเหลือความเป็นสังคมนิยมได้อย่างไร ไปเมืองจีนทีก็เห็นแต่คนจีนละโมภ แข่งขันกันค้า แข่งขันกันขาย กะรวยกันถ้วนหน้า เจ้าหน้าที่รัฐก็ถนัดที่จะพัฒนาตนเองไปสู่ความเป็น “เจ้านาย”มากกว่าการมุ่งรับใช้ประชาชน
การแสดงออกถึงความเสียสละ เอาใจใส่ผู้อื่น ประพฤติปฏิบัติกับผู้อื่นแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย เป็นเรื่องที่หาพบได้ยากในสังคมจีนวันนี้
นี่หรือคือ “สังคมนิยม” ?
การให้คำตอบแก่ปัญหาเหล่านี้แบบ “ยืนยัน”ในสิ่งที่ทางการจีนนำเสนอ นับเป็นเรื่อง “เสี่ยง”ต่อการถูกด่าเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าคุณจะใช้หลักทฤษฎีอะไรมาอธิบาย ก็ไม่สามารถลบล้างข้อเท็จจริงที่กำลังเป็นไปในสังคมจีน ที่ชาวโลกรับรู้ได้มากขึ้นทั้งโดยตรงและโดยอ้อม
แต่ก็นั่นแหละ เรื่องของประเทศจีน คนจีน ก็เช่นเดียวกับภาษาจีน ที่เรียนรู้ได้ยาก
ปัญหาอยู่ตรงที่ จีนวันนี้พัฒนาเร็วมาก เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ปัจจัยจีน”(China factor) ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างทั่วด้านแบบ “ถึงลูกถึงคน” กระทั่งการดำเนินชีวิตในระดับครอบครัว ถึงไม่อยากรู้ก็ต้องรู้ ไม่คิดก็ต้องคิด
ดังกรณีชาวอเมริกันครอบครัวหนึ่ง ทดลองว่าจะไม่ใช้สินค้าจีนสักหนึ่งปี แล้วจะมีปัญหาอะไรไหมกับชีวิตตน ?
ครอบครัวที่ประกอบไปด้วยพ่อแม่และลูก หรือครอบครัวเดี่ยวดังกล่าว ปัจจุบันสารภาพแบบหมดเปลือกว่า การไม่ใช้สินค้าจีนทำให้การดำเนินชีวิตติดขัดลำบากมาก เนื่องจากสินค้าจีนราคาถูกคุณภาพดี ตั้งแต่รองเท้ายันเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะของเล่นที่ลูกชอบ ต้องเป็นสิ่งที่ “เมดอินไชน่า”เท่านั้น
สรุปคือสินค้าจีนทำให้ชีวิตครอบครัวมีความสุข
เรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ และเป็น “อาหารจานโปรด”ของซีซีทีวี สถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ของทางการจีน จัดแจงส่งคนไปสัมภาษณ์ทำสกู๊ปพิเศษรายงานไปทั่วโลก เพื่อยืนยันว่าสินค้าจีนเป็นสิ่งจำเป็นของคนอเมริกันและคนในประเทศพัฒนาแล้วเกือบทั้งหมด ทั้งสหรัฐฯ อียู ญี่ปุ่น
ในทางเศรษฐกิจ “ปัจจัยจีน”ทำให้คนประเทศที่เจริญแล้วเหล่านั้น มีของกินของใช้ราคาถูก ลดแรงกดดันของภาวะเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ความพยายามสกัดกั้นสินค้าจีนของรัฐบาลประเทศต่างๆเหล่านั้น จึงมักจะสวนทางกับความรู้สึกของผู้บริโภคเสมอ เพราะถ้าขาดสินค้าจีน พวกเขาก็จะเดือดร้อน
แต่เรื่องแบบนี้กลับสร้างความปวดร้าวให้แก่ภาคการผลิต เช่นภาคอุตสาหกรรมการผลิตรองเท้าหรือสิ่งทอของประเทศต่างๆ เพราะแข่งกับสินค้าจีนไม่ได้ ต้อง “เจ๊งบ้อง”กันถ้วนหน้า โอดครวญกับรัฐบาลยังไม่พอ บางแห่งถึงกับรวมตัวกันต่อต้านบริษัทคู่แข่งจีนแบบตรงๆ เช่นปิดล้อมยึดสินค้าไปเผาทิ้ง (เผารองเท้าที่สเปน)
กระนั้น รัฐบาลประเทศเหล่านั้น แม้จะดำเนินมาตรการปิดกั้นระดับหนึ่ง ตามความเดือดร้อนของภาคอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศตน แต่ถึงที่สุดก็ต้องรอมชอมกับจีน เพราะความเดือดร้อนของผู้บริโภคในประเทศ และข้อดีของสินค้าจีนราคาถูก สามารถผ่องถ่ายแรงกดดันของภาวะเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี
หมายถึงว่า ประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้าของโลก มีโอกาสกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทค ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง โดยไม่ต้องพะวงเรื่องปัญหาเงินเฟ้อ หลีกเลี่ยงวิกฤติเศรษฐกิจได้ระยะยาว ดังกรณีของสหรัฐฯ เศรษฐกิจบูมต่อเนื่องข้ามทศวรรษ เพราะไม่ต้องสาละวนในเรื่องการผลิต “โลว์เทค” มีสินค้าจีนราคาถูกป้อนคนอเมริกัน
มีการคำนวณกันเล่นๆว่า ถ้าเมื่อใดที่สินค้าจีนหายไปจากตลาด อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯจะพุ่งพรวดขึ้นทันทีไม่ต่ำกว่า 10%
สูตรนี้ใช้ได้กับกลุ่มประเทศอียูและญี่ปุ่นด้วย
“ปัจจัยจีน”ทำท่าจะเอื้อประโยชน์แก่ประเทศร่ำรวยไปเสียแล้ว
สำหรับประเทศกำลังพัฒนาและยากจน เช่นประเทศไทย กลับไม่ได้เป็นไปในทำนองนั้น พอเปิดทำการค้าเสรีกับจีน เกษตรกรไทยทางภาคเหนือก็ล้มหายตายจากไปในช่วงเวลาอันสั้น โรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้าต้องปิดลงเป็นทิวแถว เพราะสู้สินค้าราคาถูกๆของจีนไม่ไหว การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทย กลายเป็นมาจากแรงกระทบจากภายนอก โดยเราเป็นฝ่ายถูกกระทำ แสดงว่ารัฐบาลไม่มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า ต่อไปนี้ ถ้าภาครัฐไม่มีแผนรับมืออย่างทันท่วงที ก็อาจสร้างวิกฤติให้แก่ภาคการผลิตของประเทศเราอย่างทั่วด้าน
ในด้านผู้บริโภค ดูจะไม่ได้รับผลพวงชัดเจนเหมือนคนในประเทศร่ำรวย เพราะถึงแม้มีสินค้าจีนราคาถูกเต็มตลาด คนไทยก็ไม่มีเงินจับจ่ายใช้ซื้อกันมากนัก เพราะยิ่งซื้อมากก็ยิ่งเป็นหนี้มาก
ในความเข้าใจของผู้เขียน เรื่องจีนจะต้องมีคำตอบให้แก่คนไทยเป็นระยะๆ เพราะจีนพัฒนาตัวเองเร็วมาก เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หน่วยงานศึกษาเรื่องจีน จะต้องได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังจากภาครัฐ ให้สามารถเข้าถึงความจริงของจีนอย่างแท้จริง โดยไม่ติดอยู่กับแนวคิดทัศนะเดิม ที่มักจะเริ่มด้วยความ “กลัวจีน”
ความกลัวเช่นนี้จะยังแฝงฝังอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจอีกนาน หากไม่อ่านจีนให้ทะลุ ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถรับมือกับ “ปัจจัยจีน” แปลงปัจจัยจีนให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยและคนไทยเท่าที่ควร ดังที่กำลังเป็นอยู่ในทุกวันนี้
การอ่านจีนให้ทะลุ จึงเป็นสิ่งจำเป็น !

------------------------------------
กำลังโหลดความคิดเห็น