ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยคิดเล่นๆ ว่าถ้าฉันเสียงดีกว่านี้ ฉันจะ.....วันนี้ความก้าวหน้าทางการแพทย์ ได้ช่วยเนรมิตความฝันของคุณให้เป็นจริงแล้ว เพียงแค่คุณกล้าพอที่จะแปลงโฉมเสียงให้สวยใสด้วยการทำ ‘ศัลยกรรมเส้นเสียง’

สาวน้อยแซ่หลี่ ที่ใกล้จะจบปริญญาตรีในเร็ววันนี้ เผยว่า “ฉันเรียนเอกภาษาอังกฤษ เมื่อไม่นานมานี้ ได้ลองไปสมัครงานประชาสัมพันธ์ แม้รูปร่างหน้าตาและการสอบข้อเขียนจะผ่านฉลุย แต่มีเพียงเสียงที่ไม่เพราะ ทำให้ถูกคัดออก จึงตัดสินใจแน่วแน่ที่จะแก้ ‘เสียงเหมือนเป็ด’ ของตัวเองให้ได้”
ดร.อี๋ว์ผิง ประจำคลินิกด้านเสียง แผนกหูจมูกคอ โรงพยาบาลทหารปลดแอกส่วนกลางแห่งกรุงปักกิ่ง เล่าว่า นับตั้งแต่ทางคลินิกเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว แต่ละวันจะมีผู้มาขอคำแนะนำเกี่ยวกับการผ่าตัดแต่งเส้นเสียง (Vocal Cord) ราว 40-50 คน บางวันมากถึง 100 คน โดยครึ่งหนึ่งเป็นนักศึกษาหญิงที่ถูกกดดันจากการหางานทำ และหวังอาศัยมีดหมอในการเนรมิตให้เสียงไพเราะเสนาะหู มีภาษีเหนือคู่แข่ง พิชิตใจกรรมการเวลาไปสมัครงาน
ดร.อี๋วผิงกล่าวว่า เสียงที่นุ่มนวลอ่อนหวานของผู้หญิง โดยทั่วไปจะมีคลื่นความถี่ประมาณ 220-250 เฮิร์ทซ์ ซึ่งเคยมีคนมาขอให้ช่วยแต่งเสียงให้หวานใสเหมือนราชินีเสียงทองอย่าง ‘เติ้งลี่จวิน’ ที่น่าจะมีคลื่นเสียงระดับ 260 เฮิร์ทซ์ ซึ่งเวลาร้องเพลง จะสามารถลากเสียงได้สูงถึง 300 เฮิร์ทซ์
คุณหลิววัย 29 ปี อดีตนักข่าวสาว คิดจะเปลี่ยนงานใหม่ แต่เพราะเสียงที่แหบแห้งเพราะลุยงานสัมภาษณ์มาอย่างหนัก กลายเป็นอุปสรรคขัดขวางความก้าวหน้าของเธอ “สมัยก่อนตอนเป็นนักข่าว ถึงจะไม่สบายเป็นหวัดก็หยุดงานไม่ได้ ต้องพยายามพูดคุยสัมภาษณ์กับแหล่งข่าว จนทำให้เสียงของฉันแย่ลงทุกวัน สุดท้ายหมอบอกว่าฉันเป็นโรคช่องคออักเสบเรื้อรัง”
สิ่งที่ทำให้หลิวหนักใจที่สุดคือ เธอกำลังมองหางานใหม่ ด้านงานประชาสัมพันธ์ในบริษัทต่างชาติ หรือผู้ให้คำแนะนำงานวางแผน ที่ไม่เพียงต้องมีศักยภาพและคุณสมบัติที่เพรียบพร้อมแล้ว ยังต้องมีรูปร่างหน้าตาและเสียงพูดที่ดีด้วย
ด้านคุณกั๋ว หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัทอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติรายหนึ่ง เปิดเผยว่า เสียงถือเป็นสิ่งสำคัญของพนักงานบางฝ่าย เช่นฝ่ายขายหรือฝ่ายติดต่อประสานงานภายนอก ที่จะเน้นเฟ้นหาคนที่พูดจาฉะฉาน ชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงชวนฟัง จะได้เป็นเสน่ห์ในการพูดคุยกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น และเป็นภาพลักษณ์ที่ดีของบริษัท

คน 4 แบบที่นิยมผ่าตัดเส้นเสียง
แพทย์เฉพาะทางระบุว่า คน 4 จำพวกที่นิยมมาขอศัลยกรรมเสียงนั้น ได้แก่ นักศึกษาหญิงที่อยากเพิ่มคุณสมบัติในการแข่งขันสมัครงาน หรือฝ่ายพีอาร์ที่ต้องคอยพาลูกค้าไปกินข้าวร้องเพลง ซึ่งใช้เสียงมาก รวมทั้งกลุ่มคน ‘ขายเสียง’ ไม่ว่าจะเป็น อาจารย์ นักข่าว ดีเจ ผู้ประกาศข่าว นักร้อง พนักงานขายตั๋ว หรือพ่อค้าแม่ขายที่ต้องคอยเรียกลูกค้าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสองกลุ่มนี้มาขอรับบริการมากที่สุดถึง 80%
ประเภทที่สาม คือหนุ่มวัยกลางคน ที่บางคนรู้สึกว่าเสียงของตนเองฟังแล้วตุ้งติ้งเหมือนกะเทย จึงอยากจะแต่งเสียงให้ทุ้มเข้มมากขึ้น ส่วนกลุ่มสุดท้ายคือคนที่ผ่าตัดแปลงเพศ
ดร.อี๋ว์ผิง ซึ่งเคยเรียนอยู่ที่ฝรั่งเศสมานานหลายปี เล่าว่า ศัลยกรรมเส้นเสียงจัดอยู่ในโรคประเภทภาษาและการออกเสียง โดยที่จีนเพิ่งเปิดรักษาได้ 2 ปี ตามเมืองใหญ่ๆ อย่างปักกิ่ง เซินเจิ้น และเทียนจิน ซึ่งได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง เพิ่มขึ้นจากสองปีก่อนนับ 10 เท่า
ทุกวันนี้ ในปักกิ่งมีโรงพยาบาลทหารปลดแอกส่วนกลาง โรงพยาบาลมิตรภาพ และโรงพยาบาลถงเหริน ที่ได้เปิดแผนกที่ให้การรักษาเรื่องเสียง ซึ่งโรงพยาบาลมิตรภาพเน้นให้บริการแก่บรรดานักร้องนักแสดงมากที่สุด

คน 80% มีเสียงดีอยู่แล้วโดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอ
ดร.อี้ว์ผิงบอกว่า เสียงแหบแห้งเกิดจากสองสาเหตุหลัก อย่างแรกคือคนที่มีลักษณะเส้นเสียงผิดปกติตั้งแต่กำเนิด หรือเป็นโรคที่ทำให้ช่องคอเปลี่ยนไป เช่นโรคช่องคออักเสบเรื้อรัง เนื้องอกทั้งชนิดที่เป็นเนื้อร้ายและไม่ร้าย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดรักษา
อีกประเภทหนึ่งคือ คนที่ใช้เสียงมากหรือตะโกนเสียงดังบ่อยๆ จนทำให้เส้นเสียงผิดรูป เกิดเนื้องอก แผลพุพองในลำคอได้ง่าย ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยว่าจะรักษาด้วยวิธีผ่าตัด รับประทานยา หรือฝึกฝนการใช้เสียงแทน สองกลุ่มนี้รวมแล้วจะมีสัดส่วนราว 20-30%
ส่วนคนปกติทั่วไปร้อยละ 80 ล้วนไม่จำเป็นต้องเอาคอไปรับมีดหมอ แค่ไปรับคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้เสียงก็เพียงพอแล้ว
ดร.อี๋ว์ผิง ยังเตือนว่า กลุ่มคนที่มีนิสัยใจร้อน อารมณ์เสียง่าย ชอบพูดเร็ว ทำเสียงสูง พูดจ้อไม่หยุด ล้วนจัดเป็นพฤติกรรมที่ทำลายเส้นเสียงทั้งสิ้น
ส่วนการถนอมรักษาเสียง ต้องเริ่มจากเรียนรู้ที่จะออกเสียงให้ถูกวิธี รักษาสุขภาพคออยู่เป็นประจำ พูดด้วยจังหวะและน้ำเสียงที่พอเหมาะ หากเป็นหวัดต้องพักผ่อนให้มากๆ พูดให้น้อยลง โดยเฉพาะช่วงที่ผู้หญิงมีรอบเดือน สารคัดหลั่งในร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้เส้นเสียงอักเสบและมีเส้นเลือดฝอยแตกง่าย จึงควรจำกัดการใช้เสียงในช่วงนี้.
เรียบเรียงจากเชียนหลงเน็ต
สาวน้อยแซ่หลี่ ที่ใกล้จะจบปริญญาตรีในเร็ววันนี้ เผยว่า “ฉันเรียนเอกภาษาอังกฤษ เมื่อไม่นานมานี้ ได้ลองไปสมัครงานประชาสัมพันธ์ แม้รูปร่างหน้าตาและการสอบข้อเขียนจะผ่านฉลุย แต่มีเพียงเสียงที่ไม่เพราะ ทำให้ถูกคัดออก จึงตัดสินใจแน่วแน่ที่จะแก้ ‘เสียงเหมือนเป็ด’ ของตัวเองให้ได้”
ดร.อี๋ว์ผิง ประจำคลินิกด้านเสียง แผนกหูจมูกคอ โรงพยาบาลทหารปลดแอกส่วนกลางแห่งกรุงปักกิ่ง เล่าว่า นับตั้งแต่ทางคลินิกเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว แต่ละวันจะมีผู้มาขอคำแนะนำเกี่ยวกับการผ่าตัดแต่งเส้นเสียง (Vocal Cord) ราว 40-50 คน บางวันมากถึง 100 คน โดยครึ่งหนึ่งเป็นนักศึกษาหญิงที่ถูกกดดันจากการหางานทำ และหวังอาศัยมีดหมอในการเนรมิตให้เสียงไพเราะเสนาะหู มีภาษีเหนือคู่แข่ง พิชิตใจกรรมการเวลาไปสมัครงาน
ดร.อี๋วผิงกล่าวว่า เสียงที่นุ่มนวลอ่อนหวานของผู้หญิง โดยทั่วไปจะมีคลื่นความถี่ประมาณ 220-250 เฮิร์ทซ์ ซึ่งเคยมีคนมาขอให้ช่วยแต่งเสียงให้หวานใสเหมือนราชินีเสียงทองอย่าง ‘เติ้งลี่จวิน’ ที่น่าจะมีคลื่นเสียงระดับ 260 เฮิร์ทซ์ ซึ่งเวลาร้องเพลง จะสามารถลากเสียงได้สูงถึง 300 เฮิร์ทซ์
คุณหลิววัย 29 ปี อดีตนักข่าวสาว คิดจะเปลี่ยนงานใหม่ แต่เพราะเสียงที่แหบแห้งเพราะลุยงานสัมภาษณ์มาอย่างหนัก กลายเป็นอุปสรรคขัดขวางความก้าวหน้าของเธอ “สมัยก่อนตอนเป็นนักข่าว ถึงจะไม่สบายเป็นหวัดก็หยุดงานไม่ได้ ต้องพยายามพูดคุยสัมภาษณ์กับแหล่งข่าว จนทำให้เสียงของฉันแย่ลงทุกวัน สุดท้ายหมอบอกว่าฉันเป็นโรคช่องคออักเสบเรื้อรัง”
สิ่งที่ทำให้หลิวหนักใจที่สุดคือ เธอกำลังมองหางานใหม่ ด้านงานประชาสัมพันธ์ในบริษัทต่างชาติ หรือผู้ให้คำแนะนำงานวางแผน ที่ไม่เพียงต้องมีศักยภาพและคุณสมบัติที่เพรียบพร้อมแล้ว ยังต้องมีรูปร่างหน้าตาและเสียงพูดที่ดีด้วย
ด้านคุณกั๋ว หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัทอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติรายหนึ่ง เปิดเผยว่า เสียงถือเป็นสิ่งสำคัญของพนักงานบางฝ่าย เช่นฝ่ายขายหรือฝ่ายติดต่อประสานงานภายนอก ที่จะเน้นเฟ้นหาคนที่พูดจาฉะฉาน ชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงชวนฟัง จะได้เป็นเสน่ห์ในการพูดคุยกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น และเป็นภาพลักษณ์ที่ดีของบริษัท
คน 4 แบบที่นิยมผ่าตัดเส้นเสียง
แพทย์เฉพาะทางระบุว่า คน 4 จำพวกที่นิยมมาขอศัลยกรรมเสียงนั้น ได้แก่ นักศึกษาหญิงที่อยากเพิ่มคุณสมบัติในการแข่งขันสมัครงาน หรือฝ่ายพีอาร์ที่ต้องคอยพาลูกค้าไปกินข้าวร้องเพลง ซึ่งใช้เสียงมาก รวมทั้งกลุ่มคน ‘ขายเสียง’ ไม่ว่าจะเป็น อาจารย์ นักข่าว ดีเจ ผู้ประกาศข่าว นักร้อง พนักงานขายตั๋ว หรือพ่อค้าแม่ขายที่ต้องคอยเรียกลูกค้าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสองกลุ่มนี้มาขอรับบริการมากที่สุดถึง 80%
ประเภทที่สาม คือหนุ่มวัยกลางคน ที่บางคนรู้สึกว่าเสียงของตนเองฟังแล้วตุ้งติ้งเหมือนกะเทย จึงอยากจะแต่งเสียงให้ทุ้มเข้มมากขึ้น ส่วนกลุ่มสุดท้ายคือคนที่ผ่าตัดแปลงเพศ
ดร.อี๋ว์ผิง ซึ่งเคยเรียนอยู่ที่ฝรั่งเศสมานานหลายปี เล่าว่า ศัลยกรรมเส้นเสียงจัดอยู่ในโรคประเภทภาษาและการออกเสียง โดยที่จีนเพิ่งเปิดรักษาได้ 2 ปี ตามเมืองใหญ่ๆ อย่างปักกิ่ง เซินเจิ้น และเทียนจิน ซึ่งได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง เพิ่มขึ้นจากสองปีก่อนนับ 10 เท่า
ทุกวันนี้ ในปักกิ่งมีโรงพยาบาลทหารปลดแอกส่วนกลาง โรงพยาบาลมิตรภาพ และโรงพยาบาลถงเหริน ที่ได้เปิดแผนกที่ให้การรักษาเรื่องเสียง ซึ่งโรงพยาบาลมิตรภาพเน้นให้บริการแก่บรรดานักร้องนักแสดงมากที่สุด
คน 80% มีเสียงดีอยู่แล้วโดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอ
ดร.อี้ว์ผิงบอกว่า เสียงแหบแห้งเกิดจากสองสาเหตุหลัก อย่างแรกคือคนที่มีลักษณะเส้นเสียงผิดปกติตั้งแต่กำเนิด หรือเป็นโรคที่ทำให้ช่องคอเปลี่ยนไป เช่นโรคช่องคออักเสบเรื้อรัง เนื้องอกทั้งชนิดที่เป็นเนื้อร้ายและไม่ร้าย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดรักษา
อีกประเภทหนึ่งคือ คนที่ใช้เสียงมากหรือตะโกนเสียงดังบ่อยๆ จนทำให้เส้นเสียงผิดรูป เกิดเนื้องอก แผลพุพองในลำคอได้ง่าย ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยว่าจะรักษาด้วยวิธีผ่าตัด รับประทานยา หรือฝึกฝนการใช้เสียงแทน สองกลุ่มนี้รวมแล้วจะมีสัดส่วนราว 20-30%
ส่วนคนปกติทั่วไปร้อยละ 80 ล้วนไม่จำเป็นต้องเอาคอไปรับมีดหมอ แค่ไปรับคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้เสียงก็เพียงพอแล้ว
ดร.อี๋ว์ผิง ยังเตือนว่า กลุ่มคนที่มีนิสัยใจร้อน อารมณ์เสียง่าย ชอบพูดเร็ว ทำเสียงสูง พูดจ้อไม่หยุด ล้วนจัดเป็นพฤติกรรมที่ทำลายเส้นเสียงทั้งสิ้น
ส่วนการถนอมรักษาเสียง ต้องเริ่มจากเรียนรู้ที่จะออกเสียงให้ถูกวิธี รักษาสุขภาพคออยู่เป็นประจำ พูดด้วยจังหวะและน้ำเสียงที่พอเหมาะ หากเป็นหวัดต้องพักผ่อนให้มากๆ พูดให้น้อยลง โดยเฉพาะช่วงที่ผู้หญิงมีรอบเดือน สารคัดหลั่งในร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้เส้นเสียงอักเสบและมีเส้นเลือดฝอยแตกง่าย จึงควรจำกัดการใช้เสียงในช่วงนี้.
เรียบเรียงจากเชียนหลงเน็ต