xs
xsm
sm
md
lg

‘จางป๋อจือ’ ทุ่มสุดตัวเพื่อ ‘คนม้าบิน’ ลงทุนเปลื้องผ้าเข้าฉาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ซิน่าเน็ต07/12/05 – กลายเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ส่งท้ายปีระกาที่ทั่วเอเชียจับตามองมากที่สุดเรื่องหนึ่ง สำหรับ The Promise หรือ คนม้าบิน จากฝีมือการกำกับของเฉินข่ายเกอ ด้วยทุนสร้างมหาศาลถึง 300 ล้านหยวน รวมดาราชั้นแนวหน้าจาก 3 ชาติ ได้แก่ จางป๋อจือ เซี่ยถิงฟง แจงดองกัน (เกาหลีใต้) และ ฮิโรยูกิ ซานาดะ (ญี่ปุ่น) ได้ยินมาว่า งานนี้ เหล่านักแสดงต่างทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้แบบสุดๆ

จางป๋อจือแอบย่องเปลื้องผ้าเข้าฉาก

เฉินหง ศรีภรรยาของผู้กำกับ เฉินข่ายเกอ และยังเป็นหนึ่งในทีมนักแสดงของเรื่องนี้เล่าว่า ฉากรักเร่าร้อนระหว่างจางป๋อจือกับฮิโรยูกิ ซานาดะนั้น ทางทีมงานพิถีพิถันและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ตั้งแต่ฉากกั้นที่เชิญจิตรกรชื่อดังมาสะบัดพู่กันวาด รวมไปถึงเสื้อผ้าของนักแสดง ที่เฉินหงถึงขนาดลงทุนไปยืนคุมการตัดเย็บด้วยตัวเองที่ปักกิ่งเลยทีเดียว เดิมทีเฉินข่ายเกอคิดรูปแบบการถ่ายทำฉากนี้ไว้ 2 แบบ แบบแรกให้นักแสดงทั้งสองเปลือยเปล่าเข้าฉาก และแบบที่สอง คือ ให้สวมเสื้อผ้าบางเบายั่วยวน ซึ่งภายหลังทีมงานก็ตัดสินใจเลือกถ่ายทำแบบหลัง

นอกจากนี้ เพื่อให้การแสดงออกมาตามที่เฉินข่ายเกอวาดภาพไว้ ผู้กำกับถึงขั้นลงทุนซ้อมแสดงฉากนี้กับ ฮิโรยูกิ ซานาดะ ก่อนถ่ายทำจริงอยู่หลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งเป็นที่พอใจจึงได้เปลี่ยนให้จางป๋อจือเข้าฉาก

นอกจากซีนอารมณ์ฉากนี้แล้ว ในคนม้าบินยังมีฉากที่ก่อให้เกิดเสียงวิพากย์วิจารณ์อย่างมากก็คือ ฉากที่จางป๋อจือใจกล้าแก้ผ้าหน้ากล้องนั่นเอง ซึ่งเฉินหงเล่าว่า “ป๋อจือเป็นนักแสดงที่เคารพในอาชีพของตัวเองมาก เพื่อให้ภาพออกมาสมจริง เธอปฏิเสธที่จะใช้ตัวแสดงแทน ฉากนี้เริ่มถ่ายทำกันเช้ามาก สักประมาณ 6 โมงกว่า ป๋อจือถือโอกาสตอนที่คนในบริษัทเธอยังไม่ตื่น แอบออกมาแต่งหน้าทำผมแล้วก็ถ่ายฉากนี้ หลังจากถ่ายเสร็จ เธอถึงมากระซิบบอกฉันว่า ‘พี่หง ฉันแอบที่บริษัทมาถ่ายล่ะ’

การอัดเสียงลงฟิล์มที่ทรหดที่สุด

หลังจากการถ่ายทำสิ้นสุดลง ขั้นตอนสุดท้ายก็คือการอัดเสียงลงฟิล์ม ในช่วงนี้เองที่ผู้กำกับเฉินข่ายเกอ มีความคิดที่จะให้นักแสดงจากญี่ปุ่นและเกาหลี ฮิโรยูกิ ซานาดะ และ แจงดองกัน ซึ่งไม่มีความรู้ภาษาจีนกลางมาก่อนเลย ลงมือให้เสียงพากย์ภาษาจีนกับตัวละคร “กวงหมิง” และ “คุนหลุน” ที่ทั้งสองแสดงเอง

หลายคนพอรับทราบถึงความประสงค์ของผู้กำกับแล้ว ต่างรู้สึกตรงกันว่า เป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก แต่เฉินข่ายเกอก็ยังยืนยันความคิดเดิม พร้อมกล่าวว่า “ให้อีกคนแสดง อีกคนหนึ่งพูด ไม่มีทางไปด้วยกันได้”

ศึกหนักครั้งนี้จึงตกอยู่ที่ เฉิงเหยี่ยน ผู้ควบคุมการให้เสียงภาพยนตร์ของเรื่องคนม้าบิน ซึ่ง เฉิงซึ่งมีประสบการณ์การทำงานด้านนี้มานานกว่า 20 ปี ก็ยอมรับว่า The Promise เป็นผลงานที่ท้าทายที่สุดสำหรับเขา จนถึงวันนี้เจ้าตัวยังจดจำได้ว่า ในเรื่อง ฮิโรยูกิ ซานาดะ มีบทพูดทั้งสิ้น 88 ประโยค ใช้เวลาพากย์เสียงลงฟิล์ม 20 วัน ขณะที่แจงดองกันมีบทพูด 66 ประโยค เดินทางมาอัดเสียงที่จีน 2 ครั้ง รวมเวลาอัดทั้งสิ้น 2 สัปดาห์ ซึ่งโดยปกติแล้วระยะเวลาในการอัดเสียงของภาพยนตร์เรื่องหนึ่งๆ อยู่ที่ราว 7-10 วัน แต่สำหรับเรื่องนี้ ใช้เวลารวมทั้งสิ้น 80 วัน จนถึงวันสุดท้ายของการทำงาน เฉิงเหยี่ยนสามารถท่องบทสนทนาของนักแสดงแต่ละคนได้แล้ว

“ก่อนที่แจงดองกันจะเข้าห้องอัด ได้เชิญอาจารย์สอนภาษาจีนมาสอนอยู่นาน แต่ในช่วงแรกที่อัด ต้องยอมรับว่า สำเนียงพูดภาษาจีนของเขายังเต็มไปด้วยกลิ่นอายการพูดแบบเกาหลี อย่างประโยคที่ว่า “เกิน เจอ หนี่ โหย่ว โร่ว ชือ” (ติดตามท่าน มีเนื้อกิน) ไม่ว่าจะพูดสักกี่ครั้ง เขาก็ยังออกเสียงเป็น “เกิน จั๊ว หนี่ โหย่ว โล่ว ชือ” อยู่นั่นเอง ยังดีที่บทพูดของเขามีไม่มาก อีกทั้งทีมงานมองว่า ตัวละคร “คุนหลุน” ที่แจงดองกันแสดงนั้น เป็นทาสรับใช้จึงไม่จำเป็นต้องพูดชัดถ้อยชัดคำมาก ดังนั้นใช้เวลาอัดเสียงอยู่ 6 วัน ทีมงานก็ให้เขากลับเกาหลีได้"

แต่หลังจากที่อัดเสียงของฮิโรยูกิ ซานาดะเรียบร้อยแล้ว ก็พบว่าฮิโรยูกิออกสำเนียงจีนได้ดีมาก จึงคิดให้แจงดองกันกลับมาแก้ ซึ่งหลังจากแจงดองกันได้ฟังผลงานของฮิโรยูกิแล้ว ก็เกิดทิฐิมานะ ออกปากขออัดเสียงใหม่เอง

ในสายตาของเฉิงเหยี่ยนมองว่า “ตัวละครที่ฮิโรยูกิแสดงนั้น เป็นแม่ทัพ เป็นชนชั้นสูง ดังนั้น จึงจำเป็นต้องออกเสียงให้ชัดเจน ประโยคแรกฮิโรยูกิใช้เวลาถึง 3 วันกว่าจะออกเสียงถูกต้อง” ตอนนั้นทีมงานรู้สึกใกล้จะบ้าเต็มที มีแต่เฉินข่ายเกอที่หัวเราะออก แล้วพูดว่า “ดีแล้ว ต้องอัดจนกว่าจะดี ถึงจะหยุดได้”...จนถึงวันนี้ภาพยนตร์เสร็จสมบูรณ์และใกล้ออกฉายในไทยแล้ว ทีมงานและนักแสดงคงรู้สึกโล่งอกกันเป็นทิวแถว
กำลังโหลดความคิดเห็น