xs
xsm
sm
md
lg

โฉมหน้าชนบทจีนใหม่

เผยแพร่:   โดย: สันติ ตั้งรพีพากร

จีนพัฒนาประเทศมาได้ยี่สิบกว่าปี สร้างการเปลี่ยนแปลงให้สังคมจีนอย่างมาก โดยภาพรวม ประสบความสำเร็จอย่างสูงทางด้านเศรษฐกิจ หรือทางวัตถุ แต่ก็มีปัญหามากในแทบทุกด้าน แสดงออกโดยการ “แยกขั้ว”ในด้านต่างๆ เช่นการแยกขั้วระหว่างคนรวยกับคนจน การแยกขั้วกันระหว่างเมืองกับชนบท อันเป็นผลจากการเน้นการพัฒนาทางเศรษฐกิจหรือทางวัตถุ ทำให้การพัฒนาทางด้านสังคม วัฒนธรรม คุณธรรม ซึ่งเป็นด้านของจิตใจตามไม่ทัน
แม้แต่การพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ ก็มีปัญหาตามมามากมาย เช่นการทำลายสิ่งแวดล้อม ผลาญทรัพยากรธรรมชาติและพลังงาน ทำให้ความเจริญทางเศรษฐกิจของจีน มีราคาแพงกว่าประเทศพัฒนาแล้วทั้งหมด หรือประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศ เช่นอินเดีย บราซิล
ด้วยองค์ประกอบต่างๆทางด้านลบที่มาพร้อมกับความเจริญก้าวหน้าซึ่งเป็นด้านบวก ทำให้นักศึกษาเรื่องจีนจำนวนไม่น้อยมีความโน้มเอียงฟันธงว่า จีนอาจไปไม่รอดสันดอน กระทั่งเกิดกลียุค
ความจริง ข้อวินิจฉัยต่างๆของผู้เชี่ยวชาญเรื่องจีนนานาสำนัก ไม่ผิดจากข้อเท็จจริง เพราะตรงกับตัวเลขสถิติของทางการจีน ที่ทุกฝ่ายเข้าถึงได้ ยิ่งกว่านั้น พรรคฯและรัฐบาลจีนเองนั่นแหละ เป็นผู้ประกาศปาวๆว่า การพัฒนาในแบบเดิมๆ รังแต่จะพาจีนไปสู่จุดจบที่ไม่พึงปรารถนา จึงได้พลิกแนวคิดการพัฒนา มาเป็น “พัฒนาอย่างเป็นวิทยาศาสตร์” เพื่อขับเคลื่อนกระบวนการพัฒนาของจีนไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
ดังนั้น ในข้อเสนอของพรรคฯจีน ในการร่างแผนพัฒนาห้าปีฉบับที่ 11 หรือ “แผน 11” ที่คณะกรรมการกลางพรรคจีนได้มีมติผ่านเมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา จึงกำหนดชัดว่า การพัฒนาตามแผน 11 จะต้องดำเนินไปภายใต้กรอบความคิด “พัฒนาอย่างเป็นวิทยาศาสตร์”อย่างเคร่งครัด โดยคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ ผู้ทำหน้าร่างแผนฯจะต้องดำเนินให้เป็นไปตามนั้นอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ ฉบับร่างของแผนฯ 11 จะถูกส่งเข้าพิจารณาและลงมติผ่านในที่ประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติในต้นปี 2006 และประกาศใช้อย่างเป็นทางการต่อไป

โฉมหน้าชนบทจีนใหม่
น้ำหนักแผนฯ 11 กระจายอยู่ในกรอบการพัฒนาสำคัญๆ ประกอบด้วย 1. สร้างชนบทใหม่ในระบอบสังคมนิยม 2. ยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจ ผสมผสานการพัฒนาในแต่ละภูมิภาคเข้าด้วยกัน 3. สร้างสังคมแบบประหยัด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 4. ขยายการปฏิรูปให้ลึกซึ้งต่อไป และเปิดกว้างสู่โลกภายนอกยิ่งๆขึ้น 5. ดำเนินยุทธศาสตร์สร้างชาติด้วยวิทยาศาสตร์และการศึกษาให้ลึกซึ้งต่อไป พร้อมกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สร้างชาติให้แกร่งด้วยคนเก่งคนดีอย่างเต็มที่ 6. เดินหน้าสร้างสังคมจีนให้เป็นสังคมนิยมที่กลมกลืน
ทุกองค์ประกอบ มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน และเชื่อมสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องเป็นเหตุปัจจัยของกันและกัน เป็นหลายๆด้านในองค์เอกภาพเดียวกัน แต่ที่ได้รับการกล่าวขานกันมากเป็นพิเศษก็คือการสร้างชนบทใหม่ เนื่องจากปัญหาชนบทเป็นปัญหาใหญ่แก้ได้ยากของจีน เป็นปัญหาชี้เป็นชี้ตายของจีนเลยก็ว่าได้
หากแก้ได้ถูกจุด จีนจะหลุดพ้นจากภาวะล้าหลังอย่างแท้จริง ความต้องการภายในประเทศ ซึ่งหลายฝ่ายคาดหมายว่าจะเป็นตัวดึงเศรษฐกิจให้พัฒนาไปได้อย่างยั่งยืนก็จะปรากฏขึ้น
เวินเถี่ยจวิน ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเกษตรและชนบทจีน มหาวิทยาประชาชน (เหรินหมินต้าเสวีย) ผู้คลุกคลีอยู่กับปัญหาชนบทจีนมานานกว่า 20 ปี และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางระดับชาติ กล่าวว่า เขารู้สึกสบายใจเป็นที่สุดเมื่อได้เห็นแผนฯพัฒนาชนบทในแผนฯ 11 มันตรงจุดตรงปัญหาดี เป็นระยะที่สามของการแก้ไขปัญหาเกษตรกรและชนบทจีนที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องกว่ายี่สิบปี
เริ่มด้วยการปรับโครงสร้างทางด้านเกษตรกรรม และเพิ่มรายได้เกษตรกรในระยะต่อมา และเข้าสู่ระยะการสร้างชนบทใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาพลิกโฉมครั้งใหญ่ของชนบทจีน
ตามการอธิบายของเวินเจียเป่า การสร้างชนบทใหม่จีน ก็เพื่อแก้ไขปัญหาที่เป็นปมเงื่อนหรืออุปสรรคสำคัญที่สุด ในการสร้างประเทศจีนให้เป็นสังคมอยู่ดีกินดีรอบด้านภายในปี ค.ศ.2020 การสร้างชนบทใหม่จีน เป็นไปตามความเรียกร้องต้องการในการพัฒนาอย่างรอบด้านของประเทศจีน และเพื่อให้สอดคล้องกับขั้นตอนการพัฒนาชนบทในระยะใหม่ ที่จะต้องเชื่อมโยงกันเข้ากับการพัฒนาเมือง ให้ภาคอุตสาหกรรมและเมืองหล่อเลี้ยงภาคเกษตรกรรม
สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามแผนฯ ก็คือ ในชนบทจีน การผลิตพัฒนาขยายตัวด้วยดี ชีวิตความเป็นอยู่สะดวกสบาย ผู้คนเบิกบาน สภาพแวดล้อมสะอาดสะอ้าน การบริหารจัดการเป็นแบบประชาธิปไตย
ทั้งนี้ ในการผลิตจะเน้นการใช้ประยุกต์ใช้วิทยาการใหม่ๆมากขึ้น พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ทั่วถึง ยกระดับโครงสร้างการผลิตและพลังการผลิตโดยรวมของภาคเกษตรกรรม พัฒนาระบบการบริการด้านการศึกษา ด้านการเงินการคลัง และการใช้ประโยชน์ที่ดิน ตลอดจนระบบสาธารณสุขและสันทนาการ ฯลฯ
พูดอย่างรูปธรรมก็คือ ชนบทจีนจะมั่งคั่งขึ้น ชาวชนบทจะสะดวกสบายขึ้น มีการศึกษาสูงขึ้น มีอำนาจซื้อมากขึ้น และมีความสุขมากขึ้น ไปพร้อมๆกับ “คนเมือง”
ก้าวไปตามเส้นทางการพัฒนาที่สมดุล หากมิใช่แยกขั้ว ที่ “ออกลาย”น่าเกลียดน่ากลัวให้คนทั้งโลกเห็นแล้วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น