xs
xsm
sm
md
lg

ล่อเสือจากดอย &调&虎&离&山

เผยแพร่:   โดย: สุขสันต์ วิเวกเมธากร

กลยุทธ์หนึ่งซึ่งใช้กันมากในประเทศจีนหรือในทุกประเทศที่มีการศึกสงครามทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ตั้งแต่ยุคโบราณสืบมาถึงปัจจุบันและเชื่อว่ายังจะต้องมีผู้คนคิดนำไปใช้กันอีกในอนาคต เพราะเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ง่ายและได้ผลดี

กลยุทธ์นี้คือ ล่อเสือจากดอย 调虎离山 เตี้ยว หู่ หลี ซาน Diào hǔ lí shān เพราะปกติวิสัยของเสือที่เป็นเจ้าป่านั้น มันจะเก่งกล้ามีฤทธิ์เดชเต็มที่ก็ต่อเมื่อมันอยู่ในป่าอันเป็นถิ่นของมันเอง หากเสือเกิดลำพองใจทิ้งป่าที่ตนเองคุ้นเคยออกไปแสดงฤทธิ์ยังถิ่นอื่นๆ โอกาสที่จะแสดงพลังเสือให้ใครๆ ครั่นคร้ามย่อมลดน้อยถอยลง บางทียังพลาดพลั้งถึงขนาดถูกมนุษย์จับไปถลกหนังเสือเอาไว้เป็นพรมปูพื้น หรือเอากะโหลกเสือไปแขวนไว้ตามบ้าน รวมตลอดถึงเสือตัวผู้ก็อาจถูกตัดตัวเดียวอันเดียวไปเป็นภักษาหารอันโอชะของมนุษย์ผู้นิยมการกินวิตถาร

การหลอกหรือล่อเสือออกจากดอยก็เป็นเรื่องเล่นไม่ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสือขี้โมโหต่อมหงุดหงิดตื้นมักมีอาการน็อตหลุดอยู่บ่อยๆ ย่อมง่ายต่อการที่ฝ่ายตรงข้ามจะยั่วยุให้เกิดฟิวส์ขาด ถลาแล่นปราดลงจากดอยไปเป็นนกขมิ้นเร่ร่อนนอนสัญจรตามที่ต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีความกล้าหาญชาญชัยไม่ยี่หระกับพวกโจรกระจอก

การเปลี่ยนที่นอนจากคฤหาสน์ราคาห้าร้อยล้านบาทหรือห้องพักโรงแรมหรูหราคืนละสองแสนกว่าบาทไปตามชนบทที่ลำบากยากไร้นั้น ถ้ามองผิวเผินก็ดูดี แต่ทำอย่างนี้กลับเป็นการเข้าทางของฝ่ายตรงข้ามเสียด้วยซ้ำ เพราะฝ่ายนั้นมีความต้องการให้พยัคฆ์จอมห้าวหาญวิ่งรอกออกจากถ้ำไม่ให้อยู่เย็นเป็นสุขอยู่แล้ว

แทนที่จะหลับให้สบายเพื่อตื่นขึ้นมามีอารมณ์สดใส มีความคิดปรูดปราดฉลาดหลักแหลมในการหาวิธีบริหารงานต่างๆ ให้ลุล่วงไปด้วยดี กลับต้องนอนหลับๆ ตื่นๆ เพราะยุงตอมความเป็นคนเนื้อหอมมาเผชิญแต่เรื่องหดหู่เศร้าใจ เพราะเคยลงไปนอนตามชนบทแล้วไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่คล้อยหลังทีใดมักมีเหตุร้ายเกิดตามมาเกือบทุกครั้ง
ไม่เชื่อก็ลองพลิกแฟ้มดูก็ได้ว่าจริงหรือไม่ !!!

ความจริงควรหาที่สงบสักแห่ง ให้ห่างไกลจากผู้คนที่คอยสอพลอปอปั้นแล้วใช้สมองที่เฉียบแหลมอยู่แล้วทบทวนพิจารณาปัญหาต่างๆ ให้ละเอียดรอบคอบโดยปราศ จากสิ่งแวดล้อมเป็นพิษคงคงคิดหาทางออกได้อย่างนิ้งเนี้ยบ

ไหนจะต้องแก้ปัญหาเรื่องมุ้งต่างๆ ภายในพรรค แล้วยังต้องมีปัญหาปะทะคารมกับต่างชาติที่คอยเสี้ยมให้คนในชาติทะเลาะกัน รวมทั้งยังต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังทุกข์ซ้ำกรรมซัดทั้งวิกฤติการณ์น้ำมัน ทั้งปัญหาโรคระบาด รวมทั้งโรคหลายร้อยหลายพันล้านบาทตามโครงการ..แมงกัดโปรยแจก..เพี้ยนมาจาก..เมกะโปรเจกต์ ถ้ามัววิ่งรอกอยู่อย่างนี้ น่าจะแก้อะไรไม่ตรงเป้าหรอกนะครับ !!!

อยากยกตัวอย่างในประเทศจีนยุค蒋介石จอมพลเจี่ยง ( เจียงไกเช็ก ) เป็นหัวหน้ารัฐบาล ต้องรบกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งมี 毛泽东เหมาเจ๋อตงเป็นผู้นำ

จอมพลเจี่ยงจบโรงเรียนนายร้อยทหารบกญี่ปุ่นเป็นผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยหวงผู่ 黄埔军校ก่อนจะเป็นทายาทของดอกเตอร์ซุนในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำพรรคประชารัฐ ( กว๋อหมินต่าง ) 国民党ปกครองประเทศสาธารณรัฐจีน 中华民国

เหมาเจ๋อตงจบวิทยาลัยครูหูหนาน เคยเป็นเพียงครูสอนระดับประชาบาลและเจ้าหน้าที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยปักกิ่ง

ครั้นเมื่อต้องมาทำศึกกันเพื่อชิงความเป็นที่ ๑ ของแผ่นดิน...

จอมพลเจี่ยงถูกกลยุทธ์ล่อเสือจากดอยของเหมาเจ๋อตงอยู่บ่อยครั้ง ยิ่งรบนานยิ่งสูญเสียหนัก คราวหนึ่งจอมพลเจี่ยงเจ็บใจมากที่แม่ทัพนายกองรบแพ้ทหารป่าอยู่บ่อยๆ เปลี่ยนตัวแม่ทัพหลายคนก็ไม่ได้เรื่อง จึงลงทุนบินจากนครหลวงไปนอนบัญชาการรบกับคอมมิวนิสต์ถึงที่นครซีอานเพื่อแสดงว่ามีความห้าวหาญไม่กลัวใคร

แทนที่พิชิตศึกปราบปรามทหารป่าลงราบคาบดังใจหมาย จอมพลเจี่ยงกลับเสียท่าถูกทหารของตนเองนั่นแหละจับตัวไว้เพื่อบังคับให้ร่วมมือกับทหารป่าในการต่อสู้กับกองทัพญี่ปุ่นที่กำลังรุกรานแผ่นดินจีน

เหตุการณ์ครั้งนั้นเกรียวกราวมากเกิดเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ค.ศ.๑๙๓๖ เรียกว่ารัฐประหารที่ซีอาน 西安事变 ณ พระราชนิเวศน์หวาชิงฉือ 华清池 ผู้ก่อการจับตัวจอมพลเจี่ยงประกอบด้วยนายทหารหนุ่มๆ เช่น จอมพลจางเสวียเหลียง 张学良นายพลหยางหู่เฉิง 杨虎城 ล้วนเป็นขุนทหารที่จอมพลเจี่ยงไว้วางใจอย่างยิ่ง

กว่าที่จะมีการเจรจาปล่อยตัวจอมพลเจี่ยงเป็นอิสระกลับเมืองหลวง 南京หนานจิง ( นานกิง) ได้ก็ทำให้ท่านจอมพลเสียศูนย์จนกระทั่งสูญเสียตำแหน่งในเวลาต่อมา ต้องอพยพไปตั้งรัฐบาลใหม่ที่เกาะไต้หวัน ส่วนอดีตครูประชาบาลกลับได้เป็นผู้นำประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนตั้งเมืองหลวงอยู่ที่กรุง 北京เป่ยจิง ( ปักกิ่ง).
กำลังโหลดความคิดเห็น