ชีวิตคนเมืองจีน/ ถ้าเห็นลูกหลานตัวน้อยในบ้านสูงขึ้นเร็วกว่าเด็กวัยเดียวกัน หรือมีหน้าอกขึ้นก่อน 10 ขวบ นั้นเป็นสัญญาณเตือนว่าเด็กอาจจะมีภาวะ ‘แตกเนื้อหนุ่ม/แตกเนื้อสาว’ ก่อนวัยอันควร ซึ่งส่วนใหญ่สัมพันธ์กับอาหารการกินของคนในสังคมยุคใหม่ ที่เสมือน ‘เพชฌฆาต’ รอบตัวเด็กๆ
อย่างกรณีของหนูน้อยวัยเพียง 1 ขวบ ในเมืองฉางซา มณฑลหูหนัน ที่คุณย่าสังเกตว่าหลานสาวมีหน้าอกที่นูนขึ้นมากเกินกว่าเด็กสาววัยขวบเศษ ทำให้พ่อแม่ต้องรีบพาไปหาหมอเพื่อไขข้อข้องใจ
เหตุใดเด็กหญิง 1 ขวบ จึงมีเริ่มมีหน้าอกขึ้น?
แพทย์จากโรงพยาบาลเด็กประจำมณฑลหูหนัน วินิจฉัยแล้วระบุว่า เป็นเพราะปกติหนูน้อยทานแต่อาหารที่มีฮอร์โมนเจือปนสูง จึงทำให้ร่างกายเป็นสาวก่อนวัย พร้อมกำชับพ่อแม่ระวังเรื่องอาหารการกินของลูกน้อย
สมาชิกในบ้านเล่าว่า “พ่อแม่ของเธอวันๆ จะยุ่งอยู่กับงานธุรกิจ และด้วยความรักลูกสาววัยแบเบาะนี้มาก จึงมักประเคนอาหารบำรุง เช่น ตะพาบน้ำ โปรตีนผง และยังชอบพาหนูน้อยไปกินไก่ทอดด้วย”
คุณหมอเด็กอธิบายว่า “หากพบเด็กหญิงคนไหนมีประจำเดือนมาครั้งแรกก่อนอายุ 10-12 ขวบ หรือมีหน้าอกขึ้นก่อน 10 ขวบ ส่วนเด็กชายถ้าอยู่ดีๆ ก็มีหน้าอกขึ้น ควรรีบพามาพบแพทย์โดยด่วน จะได้รักษาให้ทันท่วงที เพราะเป็นอาการของโรคโตเร็วผิดปกติ”
ข้อสังเกตอีกอย่างคือ เด็กที่เป็นโรคนี้จะสูงเร็วกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน แต่พอโตขึ้นกลับสูงไม่ถึง 154 เซนติเมตร หรือเตี้ยกว่าเพื่อนร่วมรุ่น 10-15 เซนติเมตร
ทั้งนี้ โรคเด็กโตเร็วกว่าปกติ หรือโรคเป็นหนุ่ม/สาวก่อนวัย (Precocious Puberty) มีอันตรายต่อความสูงและการเจริญเติบโตของเด็กมาก เพราะจะทำให้เด็กเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นเร็ว ซึ่งจะทำให้หัวกระดูกก้านยาวปิดเร็วกว่ากำหนด อันจะทำให้โครงสร้างกระดูกหยุดการเจริญเติบโตก่อนวัยอันควร
นอกจากนั้น ยังจะกระทบต่ออุปนิสัยและจิตใจ เพราะร่างกายที่แตกต่างกับเพื่อนวัยเดียวกันจะทำให้เด็กกลุ่มนี้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ว้าวุ่น อันจะกระทบต่อการดำเนินชีวิตและการเรียน
ศ.เจียงหง ผู้อำนวยการแผนกโรคเด็ก แห่งโรงพยาบาลหลายเลข 1 ของมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์แห่งชาติจีน เล่าว่า ปรากฏการณ์นี้ในจีนเมื่อ 10 ปีก่อนยังมีน้อย แต่ทุกวันนี้เริ่มไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบเด็กหญิง 8-9 ขวบเรียนชั้น ป.3 ก็มีประจำเดือนแล้ว ส่วนเด็กชาย 7-8 ขวบเริ่มเสียงแตก อวัยวะเพศเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น
อนึ่ง ระยะเวลามีประจำเดือนของผู้หญิงแต่ละคนก็มีจำกัด โดยทั่วไปคือ 30 ปี ดังนั้นหากมีประจำเดือนครั้งแรกมาเร็วกว่าวัยอันควร ก็ย่อมที่จะเข้าสู่ภาวะหมดประจำเดือนเร็วกว่าปกติเช่นกัน
โรคเด็กโตเร็วกว่าปกติ 60% เกิดจากการกิน
ในการรักษาเด็กที่เป็นโรคนี้ พบว่า 60% มีสาเหตุจากอาหาร อีก 40% เกิดจากสิ่งแวดล้อม และส่วนน้อยมากที่มาจากสาเหตุอื่นๆ ทั้งนี้ปริมาณฮอร์โมนในร่างกายที่มากเกินไปคือปัจจัยหลัก
ศ.เจียงหง วิเคราะห์ว่า “นิสัยการกินคือสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะพ่อแม่ชาวมังกรที่นิยม ‘โป๊ว’ ลูกตั้งแต่เล็กๆ ด้วยน้ำซุปสารพัดสูตรที่ครบเครื่องสมุนไพรจีนหลากหลายชนิด อาทิ โสม ลำไยอบแห้ง ลิ้นจี่อบแห้ง เห็ดสมุนไพร (Cordyceps) และหวงฉี (黄芪) ฯลฯ ซึ่งมักมีสารฮอร์โมนในปริมาณที่ค่อนข้างสูง ยิ่งเด็กทานมาก ก็ยิ่งจะไปเปลี่ยนแปลงระบบต่างๆ ในร่างกาย ทำให้พัฒนาการด้านร่างกายและจิตใจไม่สมดุล และจะทำให้เกิดโรคเป็นหนุ่ม/สาวก่อนวัยได้”
นอกจากนั้น พวกสารเคมีตกค้างในพืชผักและเนื้อสัตว์ต่างๆ ล้วนเป็นเสมือน ‘เพชฌฆาต’ เพราะไปเพิ่มปริมาณสะสมของฮอร์โมนในตัวเด็กๆ
ปัจจุบันอาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์มักมีสารเร่งการเจริญพันธุ์ ซึ่งจะตกค้างในต่อมต่างๆ บริเวณคอของสัตว์ปีก ดังนั้นการรับประทานคอไก่ คอเป็ด คอห่าน รวมทั้งเครื่องในสัตว์ ส่วนตับและปอด จึงเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแตกเนื้อหนุ่ม/สาวเร็ว
ขณะที่ผักผลไม้นอกฤดูกาลก็จะมีสารฮอร์โมนมากเช่นกัน เพราะส่วนใหญ่จะใช่สารเร่งให้ผลสุกไวเพื่อให้ได้ผลผลิตเก็บเกี่ยวเร็ว จึงไม่ควรให้เด็กทาน และไม่ควรให้สัมผัสกับเปลือกผลไม้ด้วย
ส่วนอาหารทอดยอดฮิตของเด็กๆ ทั้งไก่ทอด มันฝรั่งทอด มักก่อให้เกิดแคลอรีส่วนเกิน สะสมเป็นไขมัน ทำให้อ้วน และนำไปสู่อาการโตไวกว่าปกติในที่สุด ส่วนน้ำมันที่ทอดซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยอุณหภูมิที่ร้อนมาก จะไปเปลี่ยนแปลงกระบวนการออกซิไดเซชั่นในร่างกาย ซึ่งก็เป็นปัจจัยหนึ่งของการเกิดโรคนี้ โดยใครที่กินอาหารฟาสต์ฟูดเกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง รวมทั้งเด็กที่ชอบกินของทอดทั้งหลายจะมีโอกาสเป็นโรคนี้สูงกว่าเด็กทั่วไปถึง 2.5 เท่า
ที่พึงระวังอีกอย่างคือ ยาบำรุงชนิดน้ำสำหรับเด็ก ที่บรรยายสรรพคุณดีเลิศทั้งหลายมักมีสารฮอร์โมนมากทีเดียว ซึ่งจะทำให้เด็กวัย 5-6 ขวบมีร่างกายที่สูงใหญ่กว่าเด็กวัยเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด โดยมีอายุกระดูกเทียบเท่าเด็ก 8-10 ขวบ แต่เมื่อเด็กเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นจริงๆ กลับไม่สามารถสูงขึ้นได้อีก
ทุกวันนี้รอบกายเด็กยังคับคั่งด้วยสิ่งกระตุ้นเรื่องเพศ อย่างฉากรักใคร่ในหนัง ถือเป็นภาพที่เกินกว่าระดับจิตใจของเด็ก ซึ่งไม่เป็นผลดีกับการเจริญเติบโต ทั้งนี้พื้นที่ห่างไกลความเจริญหรือยังไม่เปิดกว้างเท่าชีวิตคนเมืองจะมีเด็กที่เป็นโรคนี้น้อยกว่า
คุณหมอทิ้งท้ายว่า “หากเด็กๆ สัมผัสหรือเติบโตภายใต้ปัจจัยแวดล้อมที่เลวร้ายนานๆ ย่อมเป็นอันตรายต่อทั้งจิตใจ ระบบภูมิคุ้มกัน และระบบอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งจะแสดงอาการเด่นชัดเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นทุกฝ่ายจึงควรหันมาเอาใจใส่อย่างจริงจังก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้”
เรียบเรียงจาก ซีน่าเน็ต / ซินหัวเน็ต